ASTVผู้จัดการรายวัน - ทีพีไอโพลีนทุ่มกว่า 1 หมื่นล้านบาท รุก 3 ธุรกิจทั้งโรงปูนไลน์ 4 โรงไฟฟ้า 90เมกะวัตต์และโรงผลิตไฟเบอร์ซีเมนต์-กระเบื้องปูพื้น รองรับความต้องการใช้ปูนและวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้น โดยปีนี้บริษัทจะลดการส่งออกปูนหลังตลาดปูนในประเทศโตกว่า 10%
วันนี้ (22 มี.ค.) นายคริส เปเตอร์ส Minister President แห่งแคว้นฟลานเตอร์ส ราชอาณาจักรเบลเยี่ยม พร้อมด้วยตัวแทนนักธุรกิจของเบลเยี่ยม เดินทางมาเยือนบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน)โดยมีนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) และผู้บริหารให้การต้อนรับ
นายประชัย กล่าวว่า บริษัทฯมีแผนลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาทในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เพื่อดำเนินโครงการผลิตปูนซีเมนต์สายการผลิตที่ 4 ขนาดกำลังผลิต 4.5 ล้านตัน/ปี จากปัจจุบันผลิตอยู่ 9 ล้านตัน/ปี โครงการผลิตไฟฟ้าจากความร้อนทิ้งจากการผลิตปูนซีเมนต์และขยะ กำลังผลิต 90 เมกะวัตต์ โครงการผลิตไฟเบอร์ ซีเมนต์และโรงงานผลิตกระเบื้องปูพื้น
โดยแหล่งเงินทุนดังกล่าวจะมาจากกระแสเงินสดจาการดำเนินงานและกู้ยืมจากสถาบันการเงิน โดยล่าสุดบริษัทฯได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับกลุ่มทุนเบลเยี่ยม ในการปล่อยกู้เฉพาะเครื่องจักรเป็นเงิน 150 ล้านยูโร หรือประมารณ 5.7 พันล้านบาท เพื่อติดตั้งโรงปูนไลน์ 4 ซึ่งก่อนหน้านี้ บริษัทฯได้ก่อสร้างอาคารโรงงานและอื่นๆไว้แล้ว แต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ทำให้โครงการลงทุนดังกล่าวต้องเลื่อนออกไป
โรงงานผลิตปูนไลน์ 4 คาดว่าจะผลิคเชิงพาณิชย์ได้ในอีก 3ปีข้างหน้า ขณะเดียวกันบริษัทฯมีแผนตั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังความร้อนจากโรงปูนไลน์ 4 และขยะมาผลิตไฟฟ้าอีก 90 เมกะวัตต์จากปัจจุบันที่มีการผลิตไฟฟ้าอยู่แล้ว60 เมกะวัตต์ คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 4-5 พันล้านบาท ซึ่งไฟฟ้าที่ผลิตได้ 60 เมกะวัตต์จะขายเข้าระบบการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่เหลือจะใช้ในโรงงานเอง ปัจจุบันโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการรออนุมัติผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) หากได้รับอนุญาตก็พร้อมลงทุน ซึ่งจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2ปี
ส่วนโรงงานผลิตกระเบื้องปูพื้นและไฟเบอร์ ซีเมนต์นั้นคาดว่าจะผลิตเชิงพาณิชย์ในปลายปีนี้ โดยโครงการดังกล่าวใช้เงินลงทุน 2-3 พันล้านบาท
นายประชัย กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะผลิตและจำหน่ายปูนซีเมนต์ได้เต็มกำลังผลิต 9 ล้านตัน เนื่องจากความต้องการใช้ปูนในประเทศโตขึ้นกว่า 10%เป็นผลจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานตามโครงการกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท ทำให้บริษัทจะลดการส่งออกปูนปีนี้เหลือเพียง 6-7 แสนตันจากปีก่อนที่ส่งออกถึง 1ล้านกว่าตัน
โดยปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้เติบโตกว่าปีก่อน เนื่องจากรับรู้รายได้จากธุรกิจผลิตกระเบื้องมุงหลังคาที่ได้ออกทำตลาด รวมทั้งธุรกิจปุ๋ยอินทรีย์ และราคาเม็ดพลาสติกLDPE และEVA จะปรับตัวสูงขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน โดยยอมรับว่าแม้ความต้องการใช้ปูนในประเทศจะสูงขึ้น แต่ราคาปูนในประเทศกลับไม่ได้ปรับตัวขึ้นตาม เนื่องจากมีการแข่งขันสูง และกำลังการผลิตในประเทศยังเกินความต้องการอยู่ ทำให้ปีนี้ไทยยังต้องส่งออกปูนรวม 6-7 ล้านตัน
นางอรพิน เลี่ยวไพรัตน์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บมจ.ทีพีไอ โพลีน กล่าวว่า การนำความร้อนจากโรงปูนและโรงงานแปรรูปจากขยะมาผลิตกระแสไฟฟ้า ทำให้บริษัทฯลดต้นทุนการผลิตได้ถึง 60 ล้านบาทต่อปี ซึ่งการลงทุนโครงการดังกล่าวข้างต้น ทำให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) เพิ่มขึ้นไม่ถึง 1 เท่า จากปัจจุบันที่มีD/E ต่ำมากแค่ 0.4 เท่า