- สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า จำนวนผู้ไม่มีงานทำเพิ่มขึ้น 7,000 คนในระหว่างเดือน พ.ย.55 - ม.ค.56 มาอยู่ที่ 2.52 ล้านคน อย่างไรก็ดี อัตราว่างงานยังทรงตัวอยู่ที่ระดับ 7.8% ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลง 1,500 ราย มาอยู่ที่ 1.542 ล้านคนในเดือน ก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2554
- สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของอังกฤษขยายตัว 2.8% ในเดือน ก.พ. ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 2.7% ในเดือน ม.ค. โดยการเพิ่มขึ้นของดัชนี CPI ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการปรับตัวขึ้นของค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าและพลังงาน และการปรับราคาสินค้าบางรายการ ซึ่งรวมถึงราคาเชื้อเพลิงและค่าโดยสารทางอากาศ
- ธ.กลางสเปนเปิดเผยว่า สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ของภาคธนาคารสเปนเพิ่มขึ้น 3.2 พันล้านยูโร เมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค. 55 โดยขณะนี้อยู่ที่ระดับ 1.707 แสนล้านยูโร หรือคิดเป็นสัดส่วน 10.78% ของสินเชื่อทั้งหมดในเดือน ม.ค. และเพิ่มขึ้นจาก 8.1% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นสัญญาณว่าคุณภาพสินทรัพย์ของสเปนยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน หลังจากธนาคารได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลได้โอนหนี้เสียจากภาคอสังหาริมทรัพย์ให้กับธนาคารบริหารหนี้เสีย
- รัฐสภาไซปรัส ลงมติไม่เห็นชอบร่างกฎหมายจัดเก็บภาษีเงินฝากดังกล่าวด้วยคะแนนเสียง 36 เสียง โดย 19 รายงดออกเสียง แม้ว่ารัฐบาลไซปรัสได้พิจารณาทบทวนร่างกฎหมายดังกล่าวในการช่วยให้ผู้ฝากเงินรายย่อยที่มีเงินในบัญชีธนาคารไม่เกิน 20,000 ยูโร (25,800 ดอลลาร์) ไม่ต้องเสียภาษีอัตรา 6.75% แต่มาตรการดังกล่าวก็ยังเผชิญกับการต่อต้านจากพรรคฝ่ายค้านและแม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลเอง ซึ่งส่งผลให้ไซปรัสเผชิญความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ โดยมีแนวโน้มที่จะผิดนัดชำระหนี้อย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้
- ธ.คอมมอนเวลธ์ แบงก์ในออสเตรเลีย เปิดเผยรายงานดัชนีสำรวจภาคธุรกิจรายเดือนว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือน ก.พ. ภายหลังการใช้จ่ายสูงขึ้น 1.9% ในเดือนม.ค. โดยการใช้จ่ายที่สูงขึ้นนับเป็นสัญญาณอีกประการหนึ่งถึงการเริ่มต้นเศรษฐกิจที่ดีขึ้นสำหรับปีนี้ของออสเตรเลีย
- ก.พาณิชย์ประเทศจีนรายงานว่า ราคาสินค้าเกษตรใน 36 เมืองใหญ่ของจีนลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4 สำหรับราคาค้าส่งของเนื้อสุกร ซื้อเป็นเนื้อสัตว์ที่จีนบริโภคเป็นหลักนั้น ลดลง 2.1% โดยราคาอาหารมีสัดส่วนราว 1 ใน 3 ในการคำนวณดัชนีราคาผู้บริโภค ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่สำคัญ ทำให้คาดว่าดัชนี CPI จะชะลอลงในเดือน มี.ค. เมื่อพิจารณาจากราคาสินค้าเกษตรที่ลดลง
- ธ.กลางจีนเปิดเผยว่า ภาคธุรกิจและเจ้าหน้าที่ธนาคารจีนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศ ผลการสำรวจความเห็นจากบริษัทจีนกว่า 5,700 ราย ระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 7.6% มาอยู่ที่ 68% ในไตรมาสแรกปีนี้ ส่วนในรายงานอีกฉบับซึ่งเป็นการสำรวจความเห็นจากเจ้าหน้าที่ธนาคาร 3,100 รายนั้น ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นจากเจ้าหน้าที่ธนาคารในช่วงไตรมาสแรก เพิ่มขึ้น 17.2% สู่ระดับ 72.2% จากไตรมาสก่อนหน้า
- ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส เปิดเผยผลสำรวจว่าจีนยังเป็นจุดหมายการลงทุนอันดับ 1 ของบริษัททั่วโลก โดยกว่า 70% ของบริษัทข้ามชาติซึ่งมีธุรกิจในจีนวางแผนที่จะเพิ่มการลงทุนในจีนในอีก 5 ปีข้างหน้าผลสำรวจแสดงให้เห็นว่า นักลงทุนทั่วโลกเชื่อว่าจีนยังมีความได้เปรียบทางการแข่งขันหลายด้าน ซึ่งจะดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ อาทิ ตลาดและอุปสงค์ในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น สภาพแวดล้อมทางการแข่งขันที่เป็นธรรม ความท้าทายด้านเทคโนโลยี มาตรการกระตุ้นของรัฐบาล แรงงานต้นทุนต่ำ และนโยบายภาษีที่เอื้อประโยชน์
- สมาคมห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดขายในห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่นในเดือนก.พ.ปรับตัวขึ้น 0.3% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดย ยอดขายสินค้านำเข้าและสินค้าฟุ่มเฟือยเพิ่มขึ้นประเภทละ 8.6% และยังเป็นสินค้าหลักที่ผลักดันยอดขาย เนื่องจากผู้บริโภคนิยมซื้อสินค้าที่มีคุณภาพ
- นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจเห็นพ้องว่าขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องมีมาตรการพิเศษมาแก้ไขปัญหาเงินบาทแข็งค่า และไม่ต้องการให้ใช้มาตรการที่ผิดธรรมชาติเหมือนในอดีต เพราะจะส่งผลเสียในระยะยาว โดยเห็นว่าควรจะปล่อยให้เงินบาทเคลื่อนไหวตามกลไกตลาดไปก่อน แล้วคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากแข็งขึ้นมากกว่านี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะหารือกันอีกครั้ง
- ฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า จะไม่นำเข้าข้าวตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นไป โดยระบุว่าปีนี้จะเป็นปีสุดท้ายที่รัฐบาลจะนำเข้าข้าว ซึ่งมีจำนวนประมาณ 187,000 ตัน การนำเข้าข้าวในปีนี้คิดเป็นสัดส่วนเพียง 8% ของปริมาณข้าวนำเข้า 2.4 ล้านตันในปี 2553 และรัฐบาลคาดว่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวได้ราวๆ 20 ล้านตันในปีนี้ ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในประเทศผู้นำเข้าข้าวรายสำคัญของโลก
- SET Index ปิดที่ 1,543.67 จุด ลดลง 24.58 จุด หรือ -1.57% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 83,656.86 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,203.59 ล้านบาท ตลาดปรับตัวลงแรงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 จากความกังวลต่อโอกาสเกิดมาตรการควบคุมเงินทุนไหลเข้า หลังค่าเงินบาทแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าฟื้นตัวขึ้นได้เล็กน้อยระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย แต่กลับถูกแรงขายทำกำไรอย่างต่อเนื่องในช่วงท้ายของการซื้อขาย ส่งผลให้ดัชนีไม่สามารถยืนเหนือ 1,550 จุดได้ โดยกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลดลงแรงที่สุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในช่วงระหว่าง 0.00% ถึง 0.01%