- ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนในยุโรปทรุดตัวลงในเดือน มี.ค. ไปอยู่ที่ -10.6 เทียบกับ -3.9 ในเดือนก่อนหน้า และต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดที่สำรวจโดยรอยเตอร์ซึ่งเป็น -5.2 หลังจากที่เคยทยอยปรับดีขึ้นต่อเนื่องมาหกเดือน โดยเป็นผลจากความกังวลต่อเสถียรภาพทางการเมืองที่หวนกลับมาอีกครั้ง จากผลการเลือกตั้งในอิตาลีที่ไร้ผู้ชนะโดยเด็ดขาด ทั้งยังปราศจากวี่แววการจัดตั้งรัฐบาลผสมที่ลงตัว ทำให้มีความเป็นไปได้ที่อิตาลีจะต้องจัดการเลือกตั้งซ้ำอีกรอบ
- ออโต้ดาต้า คอร์ป (บริษัทวิจัยด้านยานยนต์ของสหรัฐ) เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์โดยรวมในสหรัฐเพิ่มขึ้น3.7% ในเดือน ก.พ.ไปอยู่ที่ 1,192,249 คัน ซึ่งเป็นระดับสุงสุดนับตั้งแต่ปี 2550 โดยยอดขายของเจนเนอรัล มอเตอร์ พุ่งขึ้น 7.2% สูงสุดเป็นอันดับ 1 เนื่องจากยอดขายของรถปิคอัพดีขึ้นมาก สะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น
- ส.สถิติแห่งชาติออสเตรเลีย รายงานว่า จำนวนที่อยู่อาศัยที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างลดลง 2.4% ในเดือน ม.ค. ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 หลังปรับฐานตามฤดูกาลแล้ว โดยจำนวนที่อยู่อาศัยที่ได้รับอนุมัติให้ก่อสร้างอยู่ที่ 12,920 ยูนิตในเดือน ม.ค. แสดงว่าภาคก่อสร้างที่อยู่อาศัยเอกชนออสเตรเลียยังคงอ่อนแอ
- ส.สถิติแห่งชาติเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือน ก.พ.เมื่อเทียบรายปี หลังจากขยับขึ้น 1.5% เมื่อเทียบรายเดือน โดยอยู่ที่ 1% ติดต่อกัน 4 เดือน และเป็นครั้งแรกนับจากปี 2542 ที่ราคาอยู่ในระดับต่ำกว่า 2% สำหรับราคาผู้บริโภคพื้นฐานซึ่งไม่รวมสินค้าเกษตรและน้ำมันที่มีความผันผวนนั้น ปรับตัวขึ้น 1.3% ในเดือน ก.พ.
- ธนาคารกลางจีน แถลงว่า อัตราเงินเฟ้อจีนอาจอยู่ที่ 3% ในปีนี้ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้วที่เป็น 2.6% เล็กน้อยโดยเชื่อมั่นว่าจะควบคุมอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ได้ พร้อมคาดว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคจีนจะขยายตัวรวดเร็วในเดือน ก.พ.จากราคาอาหารที่สูงขึ้น โดยดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 2% ในเดือน ม.ค.เมื่อเทียบกับปีก่อน
- ฮารุฮิโกะ คุโรดะ ซึ่งได้รับการเสนอชื่อจากรัฐบาลญี่ปุ่นให้เป็นผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น ให้คำมั่นว่า จะพยายามเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% พร้อมระบุว่า โครงการซื้อทรัพย์ที่บีโอเจนำมาใช้ในปัจจุบันนั้น "ยังไม่เพียงพอ" ทั้งในด้านขนาดและขอบข่ายการดำเนินการ
- ก.อุตสาหกรรม แถลงว่า จะเร่งส่งเสริมอุตสาหกรรมวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ไทย โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ขึ้น เพื่อจัดทำกรอบการพัฒนาภายใต้วิสัยทัศน์ให้ไทยเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมทางการแพทย์และสุขภาพที่สำคัญของอาเซียนภายในปี 2563 (ปัจจุบันไทยส่งออกวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์สุขภาพเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน โดยมีมูลค่าทางการค้าปีละ 80,000 ล้านบาท และเติบโตปีละ 10% แต่เมื่อเทียบกับตลาดโลกแล้วมีสัดส่วนเพียงไม่ถึง 1% ทำให้เห็นว่าอุตสาหกรรมนี้มีอนาคตและโอกาสในการเติบโตได้อีกมาก)
- ธปท. แถลงว่า เตรียมปรับ GDP ปีนี้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 5% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 4.9% เพราะพบว่าเศรษฐกิจไตรมาส 4 ปีก่อนสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และตัวเลขทั้งปี 2555 อยู่ที่ 6.4% ซึ่งสูงกว่าที่ ธปท. คาดการณ์เอาไว้ สะท้อนถึงระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น จึงเป็นปัจจัยหลักที่อาจพิจารณาปรับเพิ่มคาดการณ์จีดีพีในปีนี้ใหม่
- ประธานผู้แทนการค้าไทยมั่นใจว่าปีนี้ไทยจะส่งออกข้าวได้ถึง 8 ล้านตัน ซึ่งมากกว่าปีก่อน โดยไม่ต้องลดราคาข้าวเพื่อสู้กับคู่แข่ง เนื่องจากปีนี้อินเดียและเวียดนามจะส่งออกข้าวได้เพียง 4 ล้านตันเพราะขาดแคลนสต๊อกข้าว หลังจากเมื่อปีก่อนทั้งสองประเทศได้ทุ่มขายข้าวในตลาด จนข้าวขาวมีราคาถูก เพื่อเข้าไปแย่งส่วนแบ่งตลาดข้าวของไทย
- ก.พลังงาน ประกาศว่า คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานเห็นชอบปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของน้ำมันทุกชนิด โดยจะมีผลตั้งแต่ 5 มีนาคม เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกทุกชนิดปรับลดลง ยกเว้นดีเซลราคาคงที่ และส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายรับเพิ่มขึ้น ประมาณ 59 ล้านบาทต่อวัน จากเดิมติดลบประมาณ 13 ล้านบาทต่อวัน กลายเป็นบวก โดยมีรายรับประมาณ 46 ล้านบาทต่อวัน (ณ วันที่ 3 มีนาคม กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะสุทธิติดลบ 16,203 ล้านบาท)
- SET Index ปิดที่ 1,540.72 จุด ลดลง 1.12 จุด หรือ 0.07% มูลค่าซื้อขาย 52,562.32 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 289.15 ล้านบาท ทั้งนี้ ตลาดยังคงทรงตัวอยู่ในแนวบวกได้หลังจากปรับตัวลงไปก่อนในทิศทางเดียวกับภูมิภาคเพราะสภาคองเกรสไม่สามารถตกลงในแนวทางการแก้ไขปัญหาการปรับลดการขาดดุลงบประมาณได้
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในช่วงระหว่าง -0.01% ถึง 0.01% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรธปท. อายุ 1, 3, 6 เดือน และ 1 ปี รวม 115,000 ล้านบาท
- เรื่องที่ท้าทายที่สุดในการบริหารกองทุนในวันนี้ของค่ายกองทุนบัวหลวง
การบริหารกองทุนไม่ยากเท่ากับการบริหารความคาดหวังของลูกค้าในเรื่องผลตอบแทน เพราะถึงแม้ลูกค้าจะบอกว่าลงทุนนาน อดทนรอได้ แต่ลูกค้าจะสนใจว่าทำไมวันนี้ NAV ลงมาก หรือขึ้นน้อยกว่าตลาดและคู่แข่ง ซึ่งในระยะสั้นอยากให้เข้าใจว่า เป็นเรื่องของอารมณ์ตลาดมากกว่า เพราะผลประกอบการของบริษัทที่เราลงทุนไม่ได้ผันผวนหรือแกว่งในระยะเวลาอันสั้น เหมือนอารมณ์ของตลาด นอกจากนี้ ยังความท้าทายที่ต้องเผชิญ คือการค้นหา Growth stock ในนิยามของเราเริ่มมีจำนวนจำกัด และด้วยขนาดของ Market cap ของบริษัทจดทะเบียนทำให้สภาพคล่องเป็นสิ่งที่ท้าทายในการปรับพอร์ตการลงทุน หุ้นที่เราค้นหาได้ แม้ว่าจะมีคุณภาพในการทำกำไรที่ดี แต่ตลาดออกจะมองในแง่ดีเกินไป เร็วไปในขณะนี้ (Over optimism) ทำให้Valuation ยังไม่จูงใจมากพอในการเข้าไปลงทุน ซึ่งเรารอได้