สกุลเงินบาทของไทยพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการเงินเอเชียในปีพ.ศ. 2540 ในวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าไทยอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า อุปสงค์ในสินทรัพย์ไทยอาจจะไม่ได้รับความเสียหายจากความกังวลที่ว่า มาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ไซปรัส
อาจส่งผลให้วิกฤติยูโรโซนปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
บาทเป็นสกุลเงินที่พุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยแข็งค่าขึ้นมาแล้ว4.3% เมื่อเทียบกับดอลลาร์
บาทปรับขึ้น 0.6% สู่ 29.34 บาท/ดอลลาร์ ณ เวลา 09.40 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ ซึ่งถือเป็นระดับที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 16 ปี และถือเป็นสกุลเงินของประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชียที่ปรับขึ้นมากที่สุดในวันนี้
เทรดเดอร์รายหนึ่งในธนาคารยุโรปกล่าวว่า "บาทเป็นสกุลเงินที่แข็งแกร่งมาก ทั้งนี้ หุ้นและตราสารหนี้ในไทยมีแนวโน้มสดใส ดังนั้นบาทจึงมีโอกาสแข็งค่าขึ้นต่อไป ถึงแม้ว่าแนวโน้มอาจชะลอตัวลงเมื่อบาทปรับขึ้นเข้าใกล้ระดับ 29.00 บาทต่อดอลลาร์"
"ไซปรัสไม่มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบมากนักต่อประเทศไทย"
นักลงทุนยังคงกังวลว่า ปัญหาในไซปรัสอาจส่งผลให้นักลงทุนจำนวนมากถอนเงินลงทุนออกจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง อย่างไรก็ดี ความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับคืนมาบ้าง หลังจากมีข่าวออกมาเมื่อวานนี้ว่า กลุ่มรัฐมนตรีคลังยูโรโซน (ยูโรกรุ๊ป)ตัดสินใจที่จะเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ไซปรัสในเรื่องมาตรการจัดเก็บภาษีเงินฝากธนาคารซึ่งถือเป็นเงื่อนไขข้อหนึ่งในมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ไซปรัส
ในสัปดาห์ที่แล้วนักเก็งกำไรบางรายในตลาดอินเตอร์แบงก์ได้ขายชอร์ตเซลบาทออกมา เพราะนักเก็งกำไรกลุ่มนี้คาดว่า ความกังวลเรื่องไซปรัสจะสร้างความเสียหายต่อความเชื่อมั่นในตลาด อย่างไรก็ดี ในวันนี้นักเก็งกำไรกลุ่มนี้จำเป็นต้องเข้าซื้อคืนบาทเพื่อตัดขาดทุน
สัญญาณทางเทคนิคบ่งชี้ว่า มีคำสั่งซื้อบาทเข้ามาในตลาดมากเกินไปแล้วเพราะดัชนี RSI ระยะ 14 วันของดอลลาร์/บาทอยู่ที่ 20.9 ทั้งนี้ ดัชนี RSIที่ระดับต่ำกว่า 30 บ่งชี้ว่ามีคำสั่งขายดอลลาร์/บาทเข้ามาในตลาดมากเกินไป ดังนั้นช่วงเวลานี้จึงเหมาะที่จะขายทำกำไรบาทออกมา
อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงคาดการณ์ในทางบวกต่อค่าเงินบาท เพราะมีกระแสเงินทุนหลั่งไหลเข้าสู่บาทอย่างต่อเนื่องเพื่อใช้เป็นทุนในโครงการสาธารณูปโภคของไทย
ธนาคารเมย์แบงก์ระบุว่า "ความเคลื่อนไหวในระยะนี้แสดงให้เห็นว่า บาทยังคงมีแนวโน้มแข็งค่าต่อไป ในขณะที่ดอลลาร์/บาทมีแนวโน้มอยู่ในช่วงขาลงต่อไปโดยดอลลาร์มีแนวรับอยู่ที่ 29.25 บาทในระยะสั้น และมีแนวต้านอยู่ที่29.60 บาท"
ยูโร/ดอลลาร์ทรงตัวใกล้จุดต่ำสุดรอบ 3 เดือนในวันนี้ ในขณะที่นักลงทุนกังวลกับเสถียรภาพของสถาบันการเงินในยูโรโซน หลังจากมีการประกาศแผนจัดเก็บภาษีเงินฝากธนาคารในไซปรัส เพื่อหาเงินมาสมทบทุนมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ไซปรัส
ยูโรอยู่ที่ 1.2957 ดอลลาร์ในวันนี้ ซึ่งเท่ากับช่วงท้ายตลาดสหรัฐวานนี้และอยู่ใกล้กับจุดต่ำสุดรอบ 3 เดือนที่ 1.2882 ดอลลาร์ที่ทำไว้ในวันจันทร์ โดยยูโรมีแนวรับที่แข็งแกร่งอยู่ที่ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน ซึ่งตรงกับระดับ 1.2875ดอลลาร์ในวันนี้
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.5 % สู่ 95.70 เยนในวันนี้
ยูโร/เยนปรับขึ้น 0.6 % สู่ 124.04 เยนในวันนี้ ถึงแม้ว่ายูโร/เยนยังคงร่วงลง 0.5 % จากช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว
นักลงทุนในเอเชียพึงพอใจที่มาตรการจัดเก็บภาษีไซปรัสส่งผลกระทบเพียงในวงจำกัดต่อประเทศสมาชิกยูโรโซนในช่วงนี้ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสเปนและอิตาลีปรับขึ้นเพียงในวงจำกัดเท่านั้น อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ยังคงมีท่าทีระมัดระวังต่ออนาคตระยะใกล้
นายไดสุเกะ อุโนะ หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนของธนาคารสุมิโตโม่มิตซุยกล่าวว่า "ตลาดยุโรปและสหรัฐได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยเมื่อวานนี้ แต่ขณะนี้ยังเร็วเกินไปทีจะกล่าวได้ว่า สถานการณ์จะดีขึ้นภายในเวลาเพียงสองวัน"
ยูโรยังคงเผชิญกับความยากลำบากในการแข็งค่ากลับขึ้นสู่ระดับปิดวันศุกร์ที่1.3076 ดอลลาร์
ยูโร/ปอนด์อยู่ที่ 85.75 เพนซ์ในวันนี้ ซึ่งใกล้กับจุดต่ำสุดรอบ 5 สัปดาห์ที่ 85.34 เพนซ์ที่ทำไว้ในวันจันทร์
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak
อาจส่งผลให้วิกฤติยูโรโซนปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
บาทเป็นสกุลเงินที่พุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยแข็งค่าขึ้นมาแล้ว4.3% เมื่อเทียบกับดอลลาร์
บาทปรับขึ้น 0.6% สู่ 29.34 บาท/ดอลลาร์ ณ เวลา 09.40 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ ซึ่งถือเป็นระดับที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 16 ปี และถือเป็นสกุลเงินของประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชียที่ปรับขึ้นมากที่สุดในวันนี้
เทรดเดอร์รายหนึ่งในธนาคารยุโรปกล่าวว่า "บาทเป็นสกุลเงินที่แข็งแกร่งมาก ทั้งนี้ หุ้นและตราสารหนี้ในไทยมีแนวโน้มสดใส ดังนั้นบาทจึงมีโอกาสแข็งค่าขึ้นต่อไป ถึงแม้ว่าแนวโน้มอาจชะลอตัวลงเมื่อบาทปรับขึ้นเข้าใกล้ระดับ 29.00 บาทต่อดอลลาร์"
"ไซปรัสไม่มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบมากนักต่อประเทศไทย"
นักลงทุนยังคงกังวลว่า ปัญหาในไซปรัสอาจส่งผลให้นักลงทุนจำนวนมากถอนเงินลงทุนออกจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง อย่างไรก็ดี ความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับคืนมาบ้าง หลังจากมีข่าวออกมาเมื่อวานนี้ว่า กลุ่มรัฐมนตรีคลังยูโรโซน (ยูโรกรุ๊ป)ตัดสินใจที่จะเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ไซปรัสในเรื่องมาตรการจัดเก็บภาษีเงินฝากธนาคารซึ่งถือเป็นเงื่อนไขข้อหนึ่งในมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ไซปรัส
ในสัปดาห์ที่แล้วนักเก็งกำไรบางรายในตลาดอินเตอร์แบงก์ได้ขายชอร์ตเซลบาทออกมา เพราะนักเก็งกำไรกลุ่มนี้คาดว่า ความกังวลเรื่องไซปรัสจะสร้างความเสียหายต่อความเชื่อมั่นในตลาด อย่างไรก็ดี ในวันนี้นักเก็งกำไรกลุ่มนี้จำเป็นต้องเข้าซื้อคืนบาทเพื่อตัดขาดทุน
สัญญาณทางเทคนิคบ่งชี้ว่า มีคำสั่งซื้อบาทเข้ามาในตลาดมากเกินไปแล้วเพราะดัชนี RSI ระยะ 14 วันของดอลลาร์/บาทอยู่ที่ 20.9 ทั้งนี้ ดัชนี RSIที่ระดับต่ำกว่า 30 บ่งชี้ว่ามีคำสั่งขายดอลลาร์/บาทเข้ามาในตลาดมากเกินไป ดังนั้นช่วงเวลานี้จึงเหมาะที่จะขายทำกำไรบาทออกมา
อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงคาดการณ์ในทางบวกต่อค่าเงินบาท เพราะมีกระแสเงินทุนหลั่งไหลเข้าสู่บาทอย่างต่อเนื่องเพื่อใช้เป็นทุนในโครงการสาธารณูปโภคของไทย
ธนาคารเมย์แบงก์ระบุว่า "ความเคลื่อนไหวในระยะนี้แสดงให้เห็นว่า บาทยังคงมีแนวโน้มแข็งค่าต่อไป ในขณะที่ดอลลาร์/บาทมีแนวโน้มอยู่ในช่วงขาลงต่อไปโดยดอลลาร์มีแนวรับอยู่ที่ 29.25 บาทในระยะสั้น และมีแนวต้านอยู่ที่29.60 บาท"
ยูโร/ดอลลาร์ทรงตัวใกล้จุดต่ำสุดรอบ 3 เดือนในวันนี้ ในขณะที่นักลงทุนกังวลกับเสถียรภาพของสถาบันการเงินในยูโรโซน หลังจากมีการประกาศแผนจัดเก็บภาษีเงินฝากธนาคารในไซปรัส เพื่อหาเงินมาสมทบทุนมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ไซปรัส
ยูโรอยู่ที่ 1.2957 ดอลลาร์ในวันนี้ ซึ่งเท่ากับช่วงท้ายตลาดสหรัฐวานนี้และอยู่ใกล้กับจุดต่ำสุดรอบ 3 เดือนที่ 1.2882 ดอลลาร์ที่ทำไว้ในวันจันทร์ โดยยูโรมีแนวรับที่แข็งแกร่งอยู่ที่ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน ซึ่งตรงกับระดับ 1.2875ดอลลาร์ในวันนี้
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.5 % สู่ 95.70 เยนในวันนี้
ยูโร/เยนปรับขึ้น 0.6 % สู่ 124.04 เยนในวันนี้ ถึงแม้ว่ายูโร/เยนยังคงร่วงลง 0.5 % จากช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว
นักลงทุนในเอเชียพึงพอใจที่มาตรการจัดเก็บภาษีไซปรัสส่งผลกระทบเพียงในวงจำกัดต่อประเทศสมาชิกยูโรโซนในช่วงนี้ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสเปนและอิตาลีปรับขึ้นเพียงในวงจำกัดเท่านั้น อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ยังคงมีท่าทีระมัดระวังต่ออนาคตระยะใกล้
นายไดสุเกะ อุโนะ หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนของธนาคารสุมิโตโม่มิตซุยกล่าวว่า "ตลาดยุโรปและสหรัฐได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยเมื่อวานนี้ แต่ขณะนี้ยังเร็วเกินไปทีจะกล่าวได้ว่า สถานการณ์จะดีขึ้นภายในเวลาเพียงสองวัน"
ยูโรยังคงเผชิญกับความยากลำบากในการแข็งค่ากลับขึ้นสู่ระดับปิดวันศุกร์ที่1.3076 ดอลลาร์
ยูโร/ปอนด์อยู่ที่ 85.75 เพนซ์ในวันนี้ ซึ่งใกล้กับจุดต่ำสุดรอบ 5 สัปดาห์ที่ 85.34 เพนซ์ที่ทำไว้ในวันจันทร์
(ข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak