- ยอดค้าปลีกยูโรโซนในเดือนม.ค. ปรับตัวขึ้น 1.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ดีกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ฟื้นตัวขึ้นมากจากยอดค้าปลีกที่ลดลง 0.8% ในเดือนธ.ค. และเมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเดือนม.ค.ลดลง 1.3% โดยประเทศที่ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นจากเดือนธ.ค.มากที่สุดคือ โปรตุเกส เบลเยียมและเยอรมนี
- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของยูโรโซนในเดือนก.พ. อยู่ที่ 47.9 จุด ลดลงจาก 48.6 จุดในเดือนก่อนหน้า แต่นับว่าดีกว่าที่ตลาดคาดว่าดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 47.3 จุด โดยดัชนี PMI ภาคบริการของประเทศเยอรมนีอยู่ที่ 54.7 จุด มีการขยายตัวที่ดีแม้จะชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งดัชนีอยู่ที่ระดับ 55.7 จุด สำหรับประเทศฝรั่งเศส อิตาลี ดัชนีค่อนข้างทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยตัวเลขยังอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 50 จุด แสดงว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจภาคบริการยังคงอยู่ในภาวะหดตัวต่อเนื่อง
- ดัชนี ISM Non-Manufacturing ของสหรัฐฯ ในเดือนก.พ. อยู่ที่ระดับ 56 จุด ปรับตัวขึ้นจาก 55.2 จุดในเดือนก่อนหน้า และดีกว่าที่ตลาดคาดว่าดัชนีจะอยู่ที่ 55 จุด แสดงถึงการขยายตัวที่ดีต่อเนื่องของธุรกิจภาคบริการในสหรัฐ
- พอล ครูกแมน นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล กล่าวว่า รัฐบาลกลางสหรัฐฯจำเป็นต้องเพิ่มการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจมีความต่อเนื่องและยั่งยืน และให้ความเห็นต่อความพยายามจะลดการใช้จ่ายจองรัฐบาลสหรัฐว่า อาจจะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจหยุดชะงักได้ เนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐจะขาดแรงกระตุ้นด้านความต้องการในการบริโภค
- HSBC รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีนในเดือนก.พ.อยู่ที่ 52.1 จุด ลดลงจาก 54.0 จุดในเดือนก่อนหน้า. โดยการชะลอตัวของธุรกิจภาคบริการเนื่องจากความต้องการที่ลดลง แต่ HSBC คาดว่าธุรกิจภาคบริการจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงหลายเดือนข้างหน้า จากภาวะตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งและการฟื้นตัวต่อเนื่องของธุรกิจภาคการผลิต
- รัฐบาลจีนคงเป้าหมายการเติบโตของจีดีพีสำหรับปี 2556 ไว้ที่ 7.5% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับเป้าหมายการขยายตัวในปี 2555 เพื่อให้มีความเหมาะสมสำหรับการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ในขณะที่ได้ปรับลดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ไว้ที่ 3.5% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ในปีที่แล้วอยู่ 0.5% โดยแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่สำคัญนั้นเป็นผลมาจากราคาที่ดิน ค่าแรง และราคาสินค้าเกษตรและบริการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้จีนยังกำลังเผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจากการนำเข้า เนื่องมาจากนโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายในประเทศพัฒนาแล้วบางประเทศ และรัฐบาลจีนจะควบคุมการเก็งกำไรและอุปสงค์ด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างเข้มงวด รวมทั้งจะปรับปรุงนโยบายด้านการกำกับดูแลราคาอสังหาริมทรัพย์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- จีนเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมขึ้น 10.7% เป็น 7.4 แสนล้านหยวนในปีนี้ จาก 6.7 แสนล้านหยวนในปีก่อนหน้า หลังจากมีนโยบายปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัย โดยจีนมีนโยบายที่จะปรับปรุงกองเรือรบ ยกระดับเทคโนโลยีเครื่องบินรบ และขีปนาวุธ ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงท่าทีที่แข็งกร้าว จากข้อพิพาทระหว่างกันเกี่ยวกับหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ และทะเลจีนตะวันออก ในขณะที่ไม่มีประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มงบด้านการทหารขึ้น
- สองผู้ชิงตำแหน่งรองผู้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นมีความเห็นแตกต่างกันต่อนโยบายการเงินของญี่ปุ่น โดยหนึ่งในนั้น นายคิคุโอะ อิวาตะ ให้ความเห็นว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นควรใช้นโยบายซื้อพันธบัตรระยะยาวที่มาอายุครบกำหนดมากขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ในขณะที่คู่แข่ง นายฮิโรชิ นากาโซ กล่าวว่า เป็นเรื่องยากที่จะบรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อให้ได้ภายใน 2 ปี เพราะการใช้นโยบายการเงินนั้นก็มีขีดจำกัด และควรจะเพิ่มความระมัดระวังการใช้นโยบายการเงินแบบสุดโต่งให้มากขึ้น
- อัตราเงินเฟ้อของฟิลิปปินส์ในเดือนก.พ.อยู่ที่ 3.4% ขยายตัวเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนนับตั้งแต่เดือนก.ย. 55 ซึ่งอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 3.6% โดยมีสาเหตุเนื่องจากราคาอาหารที่สูงขึ้น แต่นับว่าอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นยังอยู่ในระดับที่ธนาคารกลางฟิลิปปินส์คาดการณ์ไว้ว่าเงินเฟ้อจะอยู่ในกรอบ 2.8-3.7% ซึ่งเป็นระดับที่สามารถบริหารจัดการได้
- กรมทรัพย์สินทางปัญญาเตรียมเสนอให้มีการจัดตั้งหน่วยงานตำรวจอาเซียนเพื่อทำหน้าที่ดูแลและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในกลุ่มชาติอาเซียน เนื่องจากในปี 58 เมื่อมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จะทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายสินค้าได้โดยง่าย จึงควรมีหน่วยงานกลางขึ้นมาช่วยดูแลการละเมิดในรูปแบบต่างๆ
- สภาธัญพืชโลกคาดการณ์ว่า ปริมาณผลผลิตข้าวในปีนี้จะอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังชาวนาในประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลกเพิ่มพื้นที่การเพาะปลูก โดยปริมาณผลผลิตข้าวของประเทศผู้ส่งออก 5 รายใหญ่ของโลกในฤดูกาลส่งออกปี 56 จะเพิ่มขึ้น 1.2% จากปีที่แล้ว ส่วนปริมาณผลผลิตข้าวในไทยจะเพิ่มขึ้น 40% มาอยู่ที่ 18.2 ล้านตัน ซึ่งจะเกินกว่าความสามารถในการเก็บสต็อก และคาดว่าราคาข้าวส่งออกจากเวียดนามจะลดลงมาอยู่ที่ 377.50 ดอลลาร์/ตันในเดือนธ.ค.ปี 56 ต่ำสุดนับแต่ปี 2553 ด้วยปริมาณสต็อกข้าวของโลกที่จะเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จะส่งผลให้แนวโน้มราคาข้าวไม่ค่อยดีนักในช่วงหลังจากนี้
- SET Index ปิดที่ 1,549.31 จุด เพิ่มขึ้น 8.59 จุด หรือ +0.56% มูลค่าซื้อขาย 59,194 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 420 ล้านบาท ทั้งนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐและประเทศกลุ่มยูโรโซนออกมาดีกว่าที่คาด ซึ่งอาจจะเป็นส่วนที่ทำให้ในช่วงนี้การปรับขึ้นของตลาดหุ้นในแถบเอเชียนั้น น้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐหรือยุโรป ทั้งนี้ หุ้นไทยที่มีผลต่อการปรับขึ้นของดัชนี ได้แก่ หุ้นกลุ่มค้าปลีกและหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยส่วนใหญ่เปลี่ยนแปลงในช่วงระหว่าง-0.00% ถึง 0.01% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 12.8 ปี มูลค่า 14,000 ล้านบาท
- จิม โรเจอร์ส นักลงทุนชื่อดังอดีตผู้บริหารควอนตั้มฟันด์ร่วมกับจอร์จ โซรอส ได้แสดงมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น และกล่าวว่าจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น เนื่องจากคาดว่า นโยบายเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ และเขาคาดว่าแนวโน้มนี้จะมีความต่อเนื่องไปได้หลายปี
- วอร์เรน บัฟเฟต ให้ความเห็นต่อตลาดหุ้นว่า เขากำลังซื้อหุ้นอยู่ในช่วงนี้ ถึงแม้ว่าหุ้นจะมีราคาไม่ถูกนักเมื่อเทียบกับช่วง 4 ปีที่แล้ว แต่เชื่อว่าการลงทุนหุ้นในตอนนี้จะยังคงให้ผลตอบแทนที่ดีเมื่อเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น นอกจากนี้ เขายังได้กล่าวว่า เขาไม่กังวลมากนักต่อการที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะปรับลดการใช้จ่ายในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องจากเขาเชื่อว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังสามารถขยายตัวต่อไปได้ แม้จะมีอัตราการขยายตัวที่ช้าลง ซึ่งการปรับลดการใช้จ่ายของรัฐบาลไม่น่าจะส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจถึงกับหยุดชะงักลงหรือกลับเข้าไปสู่ภาวะหดตัว