“ชัชชาติ”เตรียมตั้งกก.สอบส่วยท่าเรือ หลังถูกผู้ประกอบการแฉจ่ายส่วยค่าบริการตู้ละ 300 บาท ชี้ สหภาพฯกทท.บรรลุเป้าหมายขับไล่”วิโรจน์”จนลาออกแล้ว จากนี้ต้องหันมามองตัวเองว่า มีส่วยจริงตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ ส่วนค่าโอทีต้องกำหนดหลักเกณฑ์ให้เหมาะสมกับการทำงานเพื่อความเป็นธรรม
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยถึงกรณีที่เรือตรีวิโรจน์ จงชาญสิทโธ ลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ว่า เป็นเรื่องของคณะกรรมการ (บอร์ด) กทท.ที่มีพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เป็นประธานจะพิจารณา แต่เรื่องที่ต้องตรวจสอบเร่งด่วนคือ กรณีที่มีภาคเอกชนทั้งสมาคมขนส่งสินค้าเพื่อการนำเข้าและส่งออก สมาคมขนส่งสินค้าท่าเรือแหลมฉบัง และสมาคมชิปปิ้งออกมากล่าวหาว่าต้องจ่ายส่วยในการใช้บริการท่าเรือกรุงเทพ ซึ่งจะหารือกับพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ปลัดกระทรวงคมนาคมเพื่อตั้งคณะกรรมการจากกระทรวงคมนาคมเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ รวมถึงอาจจะต้องให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมให้ข้อมูลในการตรวจสอบด้วย
“เมื่อผอ.วิโรจน์ลาออกแล้วก็ต้องถือว่าสหภาพฯได้สิ่งที่ต้องการไปแล้ว ตอนนี้ทางสหภาพฯก็ต้องหันมาดูตัวเองด้วยว่า การที่ผู้ประกอบการร้องเรียนมานั้น พนักงานกทท.ทำจริงตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ เพราะประเด็นเรื่องจ่ายส่วยที่เอกชนกล่าวหาเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไข กระทรวงจะเข้าไปดูเรื่องนี้เอง ผมซีเรียสเพราะทราบว่าส่วยเป็นปัญหาที่ฝังอยู่ในท่าเรือมานาน”นายชัชชาติกล่าว
นายชัชชาติยืนยันว่า ไม่มีนโยบายให้เรือตรีวิโรจน์ลาออก เพราะเห็นว่า หากเรือตรีวิโรจน์มีปัญหาบริหารงานบกพร่อง บอร์ดกทท.ต้องรู้และสามารถพิจารณาได้เลย ไม่ต้องให้สหภาพฯกทท.ออกมาขับไล่ และไม่อยากให้กลายเป็นผอ.กทท.ลาออกเพราะถูกสหภาพฯกดดัน ซึ่งจะส่งผลไปถึงรัฐวิสาหกิจอื่นที่จะบริหารงานได้ยากตามไปด้วย โดยส่วนตัวทราบเรื่องที่เรือตรีวิโรจน์ต้องการลาออกเมื่อช่วงค่ำวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ซึ่งประธานบอร์ดกทท.ชี้แจงว่า จะมีการพิจารณาในการประชุมบอร์ดวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ส่วนตัวเห็นว่า เรือตรีวิโรจน์อาจมีเหตุผลส่วนตัว หรืออาจเบื่อกับสถานการณ์ ซึ่งจะต้องเร่งกระบวนการสรรหาผอ.กทท.คนใหม่เพื่อไม่ให้กระทบต่อธุรกิจ
ส่วนกรณีพนักงานฟ้องร้องเรียกค่าล่วงเวลา (โอที) นั้นนายชัชชาติกล่าวว่า เรื่องอยู่ในการพิจารณาของศาล ซึ่งปัจจุบันเห็นว่า กทท.ต้องมีหลักเกณฑ์ค่าโอทีที่ชัดเจน และเหมาะสม กับการทำงาน ต้องทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศด้วย เมื่อกฎระเบียบชัดทุกคนต้องปฏิบัติตาม
สำหรับกรณีส่วยท่าเรือนั้น นายทองอยู่ คงขันธ์ ประธานที่ปรึกษาและกรรมการสมาคมขนส่งสินค้าเพื่อการนำเข้าและส่งออก ที่ปรึกษาสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยได้ออกมาระบุว่า ผู้ประกอบการต้องจ่ายส่วยในการใช้บริการ ตั้งแต่ผ่านเข้าใช้ท่าเรือ ยกสินค้าขึ้นลงเรือ เป็นต้น เป็นต้นทุนแฝงหรือส่วยที่ผู้ประกอบการต้องจ่ายตู้ละ 300 บาทส่วนปัญหาการจ่ายค่าล่วงเวลา (โอที)ควรมีการตรวจสอบเพราะมีการเบิกเงินเกินจากที่ปฏิบัติงานจริง เช่นการให้บริการเครน ยกสินค้าหน้าท่า เป็นต้น ในขณะที่ นายอนันต์ รัตนพันธ์ ที่ปรึกษาประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กทท.ยอมรับว่า ส่วยมีจริงแต่เป็นการ