ร.ฟ.ท.เดินทางปรับปรุงตลาดนัดจตุจักร เฟส 1 เริ่ม พ.ค.นี้ ลงทุน 114 ล้านบาท เน้นเรื่องระบบระบายและสาธารณูปโภค ส่วนเฟส 2 เริ่มปี 57 อีก 200 ล้าน รื้อใหญ่โครงสร้างหลังคาสร้างเป็นแลนด์มาร์กใหม่ “จรัสพันธ์” เผยกำลังพิจารณาอายุสัญญาใหม่หลังสัญญาเดิมครบ 2 ปี คาดเพิ่มเป็น 5-7 ปี เพื่อความมั่นใจในการลงทุนส่วนผู้ค้า 620 แผงค้างชำระหมดสิทธิ์ต่อสัญญา
นายจรัสพันธ์ วัชโรทัย ผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถและในฐานะผู้อำนวยการบริหารพื้นที่ตลาดจตุจักร การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยถึงแผนการพัฒนาตลาดนัดจตุจักรว่า ขณะนี้ได้ออกแบบรายละเอียด (Detail & Design) การปรับปรุงของเฟส 1 เสร็จเรียบร้อยแล้วและจะเปิดประกวดราคาหาผู้รับเหมาภายในเดือนกุมภาพันธ์
คาดว่าจะเริ่มงานได้ประมาณปลายเดือนมีนาคม หรืออย่างช้าต้นเดือนพฤษภาคม ระยะเวลาดำเนินงาน 120 วัน วงเงิน 114 ล้านบาท โดยจะมีการปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค ปรับปรุงท่อระบายน้ำ และสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียก่อนระบายออกคลองบางซื่อ ปูพื้นถนนโดยรอบและพื้นทางเดินทั้ง 27 โครงการพร้อมเครื่องหมายบอกทิศทางและแบ่งแต่ละโซนด้วยสีให้ขัดเจน
ส่วนเฟส 2 จะมีการปรับปรุงประตูทางเข้า (Gate) 3 จุด ฝั่งถนนกำแพงเพชร 2, 3 และถนนพหลโยธิน ให้มีเอกลักษณ์เป็นแลนด์มาร์กมากขึ้น รวมถึงปรับปรุงพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานทั้งโครงสร้างหลังคา ติดระบบระบายอากาศภายในแต่ละโครงการ ปรับปรุงระบบสายไฟฟ้า ปรับปรุงรั้ว โดยจะจ้างว่าจ้างที่ปรึกษาออกแบบประมาณเดือนตุลาคม 2556 ระยะเวลาศึกษา 6 เดือนจากนั้นจึงจะประกวดราคาผู้รับเหมาได้ โดยตั้งงบประมาณปี 2557 วงเงิน 200 ล้านบาทเศษสำหรับดำเนินการในเฟส 2 และหลังจากปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานแล้วจะมีการว่าจ้างบริษัทด้านตลาดที่เป็นมืออาชีพเข้ามาช่วยทำงานด้านประชาสัมพันธ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มปริมาณผู้ใช้บริการ วงเงินว่าจ้าง 15 ล้านบาทต่อปี โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้ตลาดนัดจตุจักรเป็น แหล่งท่องเที่ยวและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น
นายจรัสพันธ์กล่าวว่า ปัจจุบัน ร.ฟ.ท.มีรายได้จากค่าเช่าแผงค้าตลาดนัดจตุจักรประมาณ 38 ล้านบาทต่อเดือน มีค่าใช้จ่ายประมาณ 13 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งพอเพียงต่อการปรับปรุงพัฒนาในช่วงแรก โดยขณะนี้ยังมีผู้ค้าที่ค้างชำระค่าเช่าอยู่ประมาณ 620 ราย ซึ่ง ร.ฟ.ท.ได้แจ้งยกเลิกสัญญาแล้วแต่ผู้ค้าได้ขอศาลคุ้มครอง เรื่องยังไม่ยุติแต่ไม่ส่งผลกระทบใดๆ เพราะเป็นผู้ค้าส่วนน้อย จากทั้งหมด 8,875 แผง โดยยืนยันว่าภายหลังสัญญาเช่าเดิมซึ่งมีอายุ 2 ปี ครบกำหนด (1 มี.ค. 55 - 28 ก.พ. 57) จะพิจารณาผู้ค้ารายใหม่เข้ามาแทนผู้ค้าที่ค้างชำระค่าเช่าเพราะถือว่าทำผิดสัญญา
นอกจากนี้ จากที่ผู้ค้าได้ยื่นข้อเสนอให้ ร.ฟ.ท.พิจารณาปรับเพิ่มอายุสัญญาเช่าแผงค้าให้มากกว่า 2 ปีนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาความเหมาะสมของอายุสัญญาใหม่ที่จะเริ่มใช้หลังสัญญาเดิมครบกำหนดในเดือน ก.พ. 2557 ระหว่าง 5 ปี หรือ 7 ปี ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ค้าเกิดความมั่นใจ และมีความมั่นคงทางการค้าและให้สามารถใช้เป็นหลักประกันในการกู้เงินมาลงทุนปรับปรุงแผงและขยายกิจการของผู้ค้าด้วย ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนผู้ค้าและทำให้ตลาดนัดจตุจักรมีการพัฒนามากขึ้น
“อายุสัญญาจะประเมินจากมูลค่าลงทุน และผลตอบแทน และภาวะเงินเฟ้อของปี 56 ประกอบกันเพราะจะมีผลต่ออัตราค่าเช่าว่าจะปรับจากแผงละ 3,157 บาทต่อเดือนด้วยหรือไม่ ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับที่ ร.ฟ.ท.พิจารณาอายุสัญญาเซ็นทรัลฯ ซึ่งเรื่องจตุจักรยังมีเวลาพิจารณาความเหมาะสมให้รอบคอบมากที่สุด เพราะสัญญาจะครบ 2 ปีในต้นปี 57” นายจรัสพันธ์กล่าว
นายจรัสพันธ์ วัชโรทัย ผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถและในฐานะผู้อำนวยการบริหารพื้นที่ตลาดจตุจักร การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยถึงแผนการพัฒนาตลาดนัดจตุจักรว่า ขณะนี้ได้ออกแบบรายละเอียด (Detail & Design) การปรับปรุงของเฟส 1 เสร็จเรียบร้อยแล้วและจะเปิดประกวดราคาหาผู้รับเหมาภายในเดือนกุมภาพันธ์
คาดว่าจะเริ่มงานได้ประมาณปลายเดือนมีนาคม หรืออย่างช้าต้นเดือนพฤษภาคม ระยะเวลาดำเนินงาน 120 วัน วงเงิน 114 ล้านบาท โดยจะมีการปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค ปรับปรุงท่อระบายน้ำ และสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียก่อนระบายออกคลองบางซื่อ ปูพื้นถนนโดยรอบและพื้นทางเดินทั้ง 27 โครงการพร้อมเครื่องหมายบอกทิศทางและแบ่งแต่ละโซนด้วยสีให้ขัดเจน
ส่วนเฟส 2 จะมีการปรับปรุงประตูทางเข้า (Gate) 3 จุด ฝั่งถนนกำแพงเพชร 2, 3 และถนนพหลโยธิน ให้มีเอกลักษณ์เป็นแลนด์มาร์กมากขึ้น รวมถึงปรับปรุงพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานทั้งโครงสร้างหลังคา ติดระบบระบายอากาศภายในแต่ละโครงการ ปรับปรุงระบบสายไฟฟ้า ปรับปรุงรั้ว โดยจะจ้างว่าจ้างที่ปรึกษาออกแบบประมาณเดือนตุลาคม 2556 ระยะเวลาศึกษา 6 เดือนจากนั้นจึงจะประกวดราคาผู้รับเหมาได้ โดยตั้งงบประมาณปี 2557 วงเงิน 200 ล้านบาทเศษสำหรับดำเนินการในเฟส 2 และหลังจากปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานแล้วจะมีการว่าจ้างบริษัทด้านตลาดที่เป็นมืออาชีพเข้ามาช่วยทำงานด้านประชาสัมพันธ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มปริมาณผู้ใช้บริการ วงเงินว่าจ้าง 15 ล้านบาทต่อปี โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้ตลาดนัดจตุจักรเป็น แหล่งท่องเที่ยวและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น
นายจรัสพันธ์กล่าวว่า ปัจจุบัน ร.ฟ.ท.มีรายได้จากค่าเช่าแผงค้าตลาดนัดจตุจักรประมาณ 38 ล้านบาทต่อเดือน มีค่าใช้จ่ายประมาณ 13 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งพอเพียงต่อการปรับปรุงพัฒนาในช่วงแรก โดยขณะนี้ยังมีผู้ค้าที่ค้างชำระค่าเช่าอยู่ประมาณ 620 ราย ซึ่ง ร.ฟ.ท.ได้แจ้งยกเลิกสัญญาแล้วแต่ผู้ค้าได้ขอศาลคุ้มครอง เรื่องยังไม่ยุติแต่ไม่ส่งผลกระทบใดๆ เพราะเป็นผู้ค้าส่วนน้อย จากทั้งหมด 8,875 แผง โดยยืนยันว่าภายหลังสัญญาเช่าเดิมซึ่งมีอายุ 2 ปี ครบกำหนด (1 มี.ค. 55 - 28 ก.พ. 57) จะพิจารณาผู้ค้ารายใหม่เข้ามาแทนผู้ค้าที่ค้างชำระค่าเช่าเพราะถือว่าทำผิดสัญญา
นอกจากนี้ จากที่ผู้ค้าได้ยื่นข้อเสนอให้ ร.ฟ.ท.พิจารณาปรับเพิ่มอายุสัญญาเช่าแผงค้าให้มากกว่า 2 ปีนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาความเหมาะสมของอายุสัญญาใหม่ที่จะเริ่มใช้หลังสัญญาเดิมครบกำหนดในเดือน ก.พ. 2557 ระหว่าง 5 ปี หรือ 7 ปี ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ค้าเกิดความมั่นใจ และมีความมั่นคงทางการค้าและให้สามารถใช้เป็นหลักประกันในการกู้เงินมาลงทุนปรับปรุงแผงและขยายกิจการของผู้ค้าด้วย ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนผู้ค้าและทำให้ตลาดนัดจตุจักรมีการพัฒนามากขึ้น
“อายุสัญญาจะประเมินจากมูลค่าลงทุน และผลตอบแทน และภาวะเงินเฟ้อของปี 56 ประกอบกันเพราะจะมีผลต่ออัตราค่าเช่าว่าจะปรับจากแผงละ 3,157 บาทต่อเดือนด้วยหรือไม่ ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับที่ ร.ฟ.ท.พิจารณาอายุสัญญาเซ็นทรัลฯ ซึ่งเรื่องจตุจักรยังมีเวลาพิจารณาความเหมาะสมให้รอบคอบมากที่สุด เพราะสัญญาจะครบ 2 ปีในต้นปี 57” นายจรัสพันธ์กล่าว
