“หมอบุญชัย” ออกตัว ไม่พูดกรณีแล็บตรวจสารเสพติดของตำรวจทำผู้ปฏิบัติงานได้รับผลกระทบจากสารพิษ แต่เชื่อแล็บทุกที่มีมาตรฐานแน่นอน
นพ.นิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงกรณีปัญหาในห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ของสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ซึ่งพบตำรวจนักวิทยาศาสตร์ได้รับผลกระทบจากการตรวจสอบสารเสพติด โดยอาจเป็นผลจากสารเคมีบางชนิด เนื่องจากอุปกรณ์ป้องกันไม่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะเครื่องมือดูดไอพิษ (Hood) ว่า โอกาสสารเคมีเล็ดลอดจนส่งผลต่อผู้ปฏิบัติงานในห้องแล็บนั้น ตนไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เนื่องจากไม่ทราบว่าห้องแล็บแต่ละแห่งเป็นอย่างไร แต่โดยปกติต้องมีมาตรฐานอยู่แล้ว ส่วนสารเคมีจะเล็ดลอดสู่ร่างกายของผู้ปฏิบัติงานนั้น ต้องไปดูในรายละเอียดว่าส่งผลกระทบจริงหรือไม่ เพราะห้องปฏิบัติการดังกล่าวเป็นของตำรวจ ไม่ใช่ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ การจะพูดต้องมีข้อมูล และรายละเอียดของห้องปฏิบัติการนั้นๆ ว่า ใช้ตรวจสอบสารเคมี สารเสพติดชนิดใด จึงไม่ขอออกความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
นพ.นิพนธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับห้องแล็บที่ปลอดภัยนั้น โดยหลักแล้วต้องมีการแบ่งพื้นที่ปฏิบัติงานอย่างเหมาะสม มีระบบระบายอากาศที่ดี มีอ่างล้างมือ และอุปกรณ์ในการล้างมืออย่างเพียงพอ ส่วนบุคลากรต้องมีการตรวจสุขภาพก่อนรับเข้าทำงาน และตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ และต้องได้รับความรู้เบื้องต้นด้านความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการก่อนทำงาน ซึ่งต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด มีการสวมถุงมือทุกครั้งในระหว่างการทำงาน ไม่สวมถุงมือซ้ำ ควรสวมหน้ากากกระดาษ กรณีทำงานกับเชื้ออันตรายสูง และติดต่อทางระบบหายใจได้ ต้องสวมหน้ากากกรองเชื้อ เป็นต้น
แหล่งข่าวแวดวงสาธารณสุข กล่าวว่า โดยปกติห้องแล็บที่ตรวจสารเคมี หรือสารเสพติด จะต้องมีเครื่องมือดูดไอพิษ หรือ ตู้ดูดควัน (Use of chemical fume hood) โดยกำหนดชัดเจนว่า การทดสอบหรือทดลองในห้องแล็บที่มีการใช้สารที่เป็นไอ สารพิษ หรือสารที่ติดไฟได้ จะต้องปฏิบัติการในตู้ดูดควัน โดยตู้ดังกล่าวต้องได้รับการตรวจสอบมาตรฐานทุกปี โดยต้องทำการสอบเทียบค่ามาตรฐาน ซึ่งจะมีบริษัทเอกชนรับทำการสอบมาตรฐานดังกล่าวอยู่ อย่างไรก็ตาม ไม่แน่ใจว่าตู้ดูดควันในห้องแล็บของตำรวจที่พบว่ามีปัญหานั้น มีการสอบเทียบมาตรฐานหรือไม่ แต่หากตู้ดูดควันได้มาตรฐานโดยปกติก็ไม่น่าเกิดปัญหาอะไรได้
นพ.นิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงกรณีปัญหาในห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ของสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ซึ่งพบตำรวจนักวิทยาศาสตร์ได้รับผลกระทบจากการตรวจสอบสารเสพติด โดยอาจเป็นผลจากสารเคมีบางชนิด เนื่องจากอุปกรณ์ป้องกันไม่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะเครื่องมือดูดไอพิษ (Hood) ว่า โอกาสสารเคมีเล็ดลอดจนส่งผลต่อผู้ปฏิบัติงานในห้องแล็บนั้น ตนไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เนื่องจากไม่ทราบว่าห้องแล็บแต่ละแห่งเป็นอย่างไร แต่โดยปกติต้องมีมาตรฐานอยู่แล้ว ส่วนสารเคมีจะเล็ดลอดสู่ร่างกายของผู้ปฏิบัติงานนั้น ต้องไปดูในรายละเอียดว่าส่งผลกระทบจริงหรือไม่ เพราะห้องปฏิบัติการดังกล่าวเป็นของตำรวจ ไม่ใช่ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ การจะพูดต้องมีข้อมูล และรายละเอียดของห้องปฏิบัติการนั้นๆ ว่า ใช้ตรวจสอบสารเคมี สารเสพติดชนิดใด จึงไม่ขอออกความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
นพ.นิพนธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับห้องแล็บที่ปลอดภัยนั้น โดยหลักแล้วต้องมีการแบ่งพื้นที่ปฏิบัติงานอย่างเหมาะสม มีระบบระบายอากาศที่ดี มีอ่างล้างมือ และอุปกรณ์ในการล้างมืออย่างเพียงพอ ส่วนบุคลากรต้องมีการตรวจสุขภาพก่อนรับเข้าทำงาน และตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ และต้องได้รับความรู้เบื้องต้นด้านความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการก่อนทำงาน ซึ่งต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด มีการสวมถุงมือทุกครั้งในระหว่างการทำงาน ไม่สวมถุงมือซ้ำ ควรสวมหน้ากากกระดาษ กรณีทำงานกับเชื้ออันตรายสูง และติดต่อทางระบบหายใจได้ ต้องสวมหน้ากากกรองเชื้อ เป็นต้น
แหล่งข่าวแวดวงสาธารณสุข กล่าวว่า โดยปกติห้องแล็บที่ตรวจสารเคมี หรือสารเสพติด จะต้องมีเครื่องมือดูดไอพิษ หรือ ตู้ดูดควัน (Use of chemical fume hood) โดยกำหนดชัดเจนว่า การทดสอบหรือทดลองในห้องแล็บที่มีการใช้สารที่เป็นไอ สารพิษ หรือสารที่ติดไฟได้ จะต้องปฏิบัติการในตู้ดูดควัน โดยตู้ดังกล่าวต้องได้รับการตรวจสอบมาตรฐานทุกปี โดยต้องทำการสอบเทียบค่ามาตรฐาน ซึ่งจะมีบริษัทเอกชนรับทำการสอบมาตรฐานดังกล่าวอยู่ อย่างไรก็ตาม ไม่แน่ใจว่าตู้ดูดควันในห้องแล็บของตำรวจที่พบว่ามีปัญหานั้น มีการสอบเทียบมาตรฐานหรือไม่ แต่หากตู้ดูดควันได้มาตรฐานโดยปกติก็ไม่น่าเกิดปัญหาอะไรได้
