ASTVผู้จัดการรายวัน - ระยองเพียวฯ รีวิวแผนขยายปั๊มแก๊สแอลพีจีเพิ่มอีก 10 แห่งในปีนี้ใหม่ หลังธุรกิจปั๊มแก๊สแข่งรุนแรง แย้มมีนักลงทุนไทยเจรจาซื้อโรงกลั่นและโรงไบโอดีเซล ลุ้นสรุปดีลปีนี้ ยอมรับบริษัทคงขาดทุนต่อเนื่องหากไม่มีธุรกิจใหม่เสริม
นางศิรพร กฤษณกาญจน์ ผู้จัดการใหญ่บริษัท ระยองเพียวริฟายเออร์ จำกัด (มหาชน) (RPC) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทได้ร่วมกับพันธมิตรในการดำเนินธุรกิจปั๊มแก๊สแอลพีจีภายในปั๊มน้ำมันเพียวนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างเพิ่มเติมอีก 1 แห่งหลังจากเปิดให้บริการแล้ว 1แห่งในต่างจังหวัด แต่เนื่องจากธุรกิจปั๊มแก๊สแอลพีจีมีการแข่งขันรุนแรงทำให้ต้องมีการพิจารณาแผนการลงทุนใหม่จากเดิมที่คาดว่าปีนี้จะเปิดปั๊มแก๊สเพิ่มอีก 10 แห่งทั่วประเทศ ใช้เงินลงทุน 60-70 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการหาแนวทางเพื่อดึงดูดลูกค้าให้มาใช้บริการปั๊มน้ำมันเพียว คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในกลางปีนี้ ปัจจุบันบริษัทมีปั๊มน้ำมันอยู่ 62 แห่งทั่วประเทศ โดยปีนี้ไม่มีแผนที่จะขยายปั๊มน้ำมันเพิ่มเติม เนื่องจากตลาดค้าปลีกน้ำมันมีการแข่งขันสูง ยอมรับว่าธุรกิจค้าปลีกน้ำมันขณะนี้มาร์จินต่ำลงหลังจากโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทต้องหยุดกลั่น เนื่องจาก ปตท.ไม่ได้ส่งวัตถุดิบทำให้ต้องหันไปซื้อน้ำมันสำเร็จรูปจากโรงกลั่นอื่นๆ ทำให้มาร์จินแคบลงมาก แต่ก็ยังประคองตัวได้
“บริษัทฯ ก็เปิดกว้างที่จะขายปั๊มน้ำมันเพียวให้กับผู้ค้าน้ำมันที่สนใจ โดยอาจจะซื้อทั้งหมดหรือแยกซื้อบางปั๊มก็ได้หากมีเงื่อนไขที่ดี เดิมเคยมีผู้ค้าน้ำมันบางรายขอซื้อบางปั๊ม แต่ยังไม่มีข้อสรุป”
นางศิรพรกล่าวถึงความคืบหน้าการขายโรงกลั่นน้ำมัน และโรงงานผลิตไบโอดีเซล (บี 100) ว่า ขณะนี้มีนักลงทุนไทยหลายรายสนใจที่จะซื้อโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา โดยบางรายเสนอให้บริษัทร่วมทุนด้วย เพราะต้องมีการปรับปรุงกระบวนการผลิตใหม่เพื่อใช้ผลิตน้ำมันชนิดอื่นแทนการผลิตดีเซล ซึ่งระยองเพียวฯ มีความชำนาญในการปรับปรุงเครื่องจักรอยู่แล้ว โดยก่อนหน้านี้นักลงทุนต่างชาติสนใจเข้าซื้อแต่ขาดความพร้อมด้านการเงิน ทำให้การเจรจาเงียบไป
สำหรับโรงงานผลิตไบโอดีเซลนั้น นักลงทุนไทยสนใจที่จะซื้อเพื่อไปผลิตเป็นน้ำมันพืช เนื่องจากกระบวนการผลิตไบโอดีเซลนั้นก็มีการใช้วัตถุดิบ คือ CPO ในการผลิตเหมือนกับน้ำมันพืชอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องลงทุนเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ คาดหวังว่าการเจรจาขายโรงกลั่นดังกล่าวจะแล้วเสร็จในปีนี้
นางศิรพรกล่าวถึงผลการดำเนินงานในปีนี้ว่า หากไม่มีธุรกิจใหม่เสริมเข้ามา บริษัทฯ คงจะประสบปัญหาการขาดทุนสุทธิเหมือนปีก่อน เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายรับ แม้ว่าจะรับรู้รายได้จากการเข้าไปถือหุ้นใน บมจ.สัมมากร (SAMCO) ก็ตาม โดยยอมรับว่าบริษัทมีความสนใจที่จะเข้าไปทำธุรกิจเทรดดิ้งน้ำมันที่บริษัทมีความชำนาญ แต่เนื่องจากการทำเทรดดิ้งนั้นต้องมีความพร้อมทั้งด้านซัปพลายและลูกค้า ที่ผ่านมาดีลการซื้อขายน้ำมันไม่ตรงกัน
