แมงเม้าท์เล่าอินไซด์มาแล้จร้า...เอี้ยดดดดดดดดดดดด ... ติดเบรกจนได้สำหรับตลาดหุ้นไทย หลังจากขึ้นไปทำสถิติสูงสุดได้ในการซื้อขายระหว่างวันจันทร์ระดับ 1511 จุด ก็ถอดถอยลงมา แถมช่วงท้านวันศุกร์ยังปิดต่ำกว่า 1500 จุด ซะอย่างนั้น หลังจากเขียวไปแทบทั้งวัน โดยปิดที่ระดับ 1,497.30 จุด ลดลง 2.51 จุด แต่หากเทียบกันทั้งสัปดาห์หุ้นไทยปิดลดลง 0.13% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าซื้อขายต่อวันเริ่มที่จะลดลง 4.51% แสดงให้เห็นว่าแรงกระทิงเริ่มชะลอ ไม่กล้าที่ฝ่าด่าน 1510 ไปมากนัก
ขณะต่างชาติเริ่มหันมาขายกันแล้ว มีซื้อวันจันทร์วันเดียว จากนั้นเป็นมหกรรมขายเต็มๆ 4 วันติด สรุปทั้งสัปดาห์ขายถึง 10,095 ล้านบาท ซึ่งนั้นทำให้ยอดซื้อสะสะสมของต่างชาติตั้วแต่ต้นปีลดฮวบเหลือแค่ซื้อสะสมแค่ 5,909 ล้านบาท หากยังคงออกต่อเนื่องในสัปดาห์ที่จะถึง มีหวังติดลบเป็นแน่แท้เลยนะเนี่ย...หวังว่าคงไม่ใจร้ายหนีออกไปก่อนนะจ๊ะ
ส่วนใครมีคนถามว่าต่างชาติขายสุทธิขนาดนี้ แล้วหุ้นทำไมลงแค่นี้ ก็แหม..เป็นเพราะว่ามีคนซื้อ และ คนซื้อก็ไม่ใช่ใครที่ไหน มาจากสถาบันในประเทศที่ออก ทริกเกอร์ฟันด์ และ พวกมือเทรดจากโบรกเกอร์นั้นเอง
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยติดเพดานส่วนหนึ่ง เกิดจากความกังวลที่เริ่มจะกลับมา ในตลาดหุ้นยุโรป โดยเฉพาะที่ อิตาลี เมื่อ ซิลวิโอ แบลุสโคนี่ อดีตผู้นำอิตาลี ผู้สร้างหนี้ตัวยง ประชานิยมมือเทพ มีราศีจับ คะแนนนำมาขณะนี้ ท่ามกลางการเลือกตั้งของอิลาตีที่จะมีขึ้นในวันที่ 24-25 กุมภาพันธ์
ขณะที่ปัญหาการเมืองในสเปนก็มีขึ้นกดดันเมื่อ มาริอาโน ราฮอย นายกรัฐมนตรีสเปน ที่กำลังเคลียร์ปัญหาเรื่องหนี้เกิดถูกกดดันให้ ลาออกเนื่องจากถูกกล่าวหาถึงการคอรัปชั่น
นั้นก็เลยทำให้หลายฝ่าย เกิดความกังวล กับ ปัญหายุโรปอีกครั้ง ว่าที่เคยสงบสุขจากการรัดเข็มขัด จะถึงเวลาปลดแอก กลับมาก่อหนี้อีกหรือไม่ จ๊ากกก งานนี้ไม่แปลกที่ผลตอบแทนพันธบัตรของอิตาลี และ สเปนเลยพุ่งอีกครั้ง นี่ไม่ใช่ภาพที่ดีกับตลาดหุ้นนะเนี่ย เพราะกระทบต่อต้นทุนการกู้ยืมของทั้งสองประเทศ
ประกอบกับมีเสียงของ ประธานธนาคารกลางยุโรป "มาริโอ้ ดาร์กี้" บ่นขรมกับการแข็งค่าของสกุลเงินยูโร เมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ผ่านมา เป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจยุโรป ยิ่งซ้ำเติมเข้าไปอีก
นั้นก็ทำให้หุ้นยุโรปร่วงกันกระจายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งเยอรมัน อังกฤษ ฝรั่งเศษ แม้ว่าวันศุกร์จะรีบาวด์ขึ้นมาได้ก็ตาม แต่อาการก็ยังน่าเป็นห่วง
เป็นที่น่าสงสัยนิดๆ ว่าในส่วนของตลาดหุ้นสหรัฐมีเพียงดาวโจนส์ที่ทำท่าชะงักดัชนียังคงต่ำกว่า 14,000 จุด แต่สำหรับ S&P 500 กลับปิดที่ 1,517.93 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2550 หรือในรอบ 5 ปี เช่นเดียวกับ Nasdaq ปิดที่ 3,193.87 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี หลังมีข่าวแอปเปิ้ลอาจจะเพิ่มเงินปันผล
ขณะเดียวกันเหตุการณ์ในประเทศเกี่ยวกับ ค่าเงินบาดหมาง เอ้ย ค่าเงินบาท ก็ร้อนไม่จบ จากการรุกหนักของรัฐบาลนำโดย ท่านกิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่กระหน่ำรุมให้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ยลง เพื่อหวังจะให้เงินไหลออก ตามมาด้วยนายกรัฐมนตรี ก็มีการส่งสัญญาณสำทับ ขอให้แบงก์ชาติ ทำงานประสานกับรัฐบาล แม้ว่าท่านผู้ว่าแบงก์ชาติ ประสาร ไตรรัตน์วรกุล จะพยายามชี้ว่าการลดดอกเบี้ยจะไม่ได้ช่วยทำให้บาทอ่อน แต่ล่าสุดการที่แบงก์ชาติมองเงินเฟ้อปีนี้จะไม่ถึง 3% เหลือแค่ 2.80% ก็ทำให้วงการเม้าท์กันให้แซด ว่านี่จะเป็นสัญญาณในการปรับดอกเบี้ยลงในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ สัปดาห์ถัดไปหรือไม่ มิน่า ต่างชาติจึงเร่งถอนเงินออกจากตลาดหุ้นขนาดนี้
ภาพแบบนี้จะเอาอย่างไรกับตลาดหุ้นไทยดี ตอนนี้บอกตามตรงอยู่ในช่วงของการสับสน ไม่รู้จะเลือกอย่างไหนดี แม้ทิศทางในระยะยาวยังดีจากพื้นฐานไทยแลนด์แดนลงทุน แต่ระยะสั้นอาจจะผันผวนจากเงินทุนที่ไหลออก ต้องเลือกกลยุทธ์กันเอง ว่าจะเลือกแบบไหน แต่ถ้าดัชนีลงมาแล้วไม่หลุด 1480 จุด ก็ไม่น่าห่วงอาราย แต่บางครั้งการนั่งเฉยในช่วงต่างชาติขาย เพื่อดูทิศทางก็อาจจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่ ชิว ชืว รอทิศทางชัดเจนก็ไม่สายอ่ะป่าว แต่ถ้าใครใจกล้าก็ลุยต่อปายย
แต่หากไปถาม บล.กสิกรไทย และบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย เค้ามองกันว่า ดัชนีมีโอกาสที่จะปรับฐานช่วงสั้น โดยต้องจับตาแรงขายของต่างชาติ รวมถึงการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ อาทิ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) ทั้งนี้ ให้แนวรับที่ 1,487 และ 1,454 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 1,524 และ 1,550 จุด
ขณะที่ ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า จะยังคงมีความผันผวนต่อเนื่อง ด้วยวอลุ่มที่ เบาบาง หลังหลายตลาดหุ้นในภูมิภาคหยุดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน ขณะเดียวกันยังต้องจับตา ทิศทางการลงทุนของต่างชาติ หลังในขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
แต่ก็มองว่าการที่บริษัทจดทะเบียน(บจ.) จะทยอยประกาศผลประกอบการปี 55 และประกาศจ่ายปันผล ในช่วงสัปดาห์หน้านั้น เชื่อว่าจะสามารถประคองภาพรวมตลาดได้ โดย มองแนวรับสัปดาห์หน้าบริเวณ 1,480 และแนวต้านที่ 1,510 และ 1,530 จุด
เอ้า ใครจะลุยหุ้นหรือไม่ ก็แล้วแต่ตัวใครตัวมัน ดูทิศทางให้ดีๆ ก่อนแล้วกัน แต่ถ้าคิดจะลุยก็ต้องดูไปทางอสังหาริมทรัพย์ หากเชื่อว่าแบงก์ชาติจะลดดอกเบี้ย หุหุ
ถึงเวลาเม้าท์ บจ. มีข่าวลือกับให้แซดอีกแล้วสำหรับ TRUE กับทางออกทางการเงินที่ต้องจับตา ในอดีตใครหลายคนหากดูงบการเงินของทรูแล้วก็จะรู้ว่า ไม่ไหวกับการลงทุน 3G แน่ๆ ต้องเพิ่มทุน! แต่ล่าสุดทีข่าวออกมาว่าทรูอาจจะมีการออก Infarstucture Fund หรือ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ก็เรียกกันง่ายๆ ว่า จะขายธุรกิจโครงข่ายมือถือในปัจจุบันเข้ากองทุน ระดมทุนจากประชาชนนั้นไงล่ะ ซึ่งเค้าบอกกันกระหน่ำหูว่า จะมีเงินเข้ามาถึง 50,000 ล้านบาท เอามาล้างหนี้ได้เกือบหมดเลยทีเดียว โอ้ววววว ... แถมยังมีการลือกันอีกว่า จะมีการขายหุ้นให้กับ China mobile ด้วย แต่ต้องมีราคาสูงกว่านี้ จริงๆ รู้ตัวเลขแต่ไม่กล้าบอก บอกไว้ก่อนนี่คือข่าวลือที่เข้าหูมาไม่ได้กรอง จะจริงหรือไม่ หรือมีโอกาสแค่ไหนลองตรองดูกันแล้วกัน
สัปดาห์นี้ไปก่อน โบกมือแล้วจร้าาาาาาาาาา โชคดีรับตรุษจีนกันทุกๆ ราย
ขณะต่างชาติเริ่มหันมาขายกันแล้ว มีซื้อวันจันทร์วันเดียว จากนั้นเป็นมหกรรมขายเต็มๆ 4 วันติด สรุปทั้งสัปดาห์ขายถึง 10,095 ล้านบาท ซึ่งนั้นทำให้ยอดซื้อสะสะสมของต่างชาติตั้วแต่ต้นปีลดฮวบเหลือแค่ซื้อสะสมแค่ 5,909 ล้านบาท หากยังคงออกต่อเนื่องในสัปดาห์ที่จะถึง มีหวังติดลบเป็นแน่แท้เลยนะเนี่ย...หวังว่าคงไม่ใจร้ายหนีออกไปก่อนนะจ๊ะ
ส่วนใครมีคนถามว่าต่างชาติขายสุทธิขนาดนี้ แล้วหุ้นทำไมลงแค่นี้ ก็แหม..เป็นเพราะว่ามีคนซื้อ และ คนซื้อก็ไม่ใช่ใครที่ไหน มาจากสถาบันในประเทศที่ออก ทริกเกอร์ฟันด์ และ พวกมือเทรดจากโบรกเกอร์นั้นเอง
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยติดเพดานส่วนหนึ่ง เกิดจากความกังวลที่เริ่มจะกลับมา ในตลาดหุ้นยุโรป โดยเฉพาะที่ อิตาลี เมื่อ ซิลวิโอ แบลุสโคนี่ อดีตผู้นำอิตาลี ผู้สร้างหนี้ตัวยง ประชานิยมมือเทพ มีราศีจับ คะแนนนำมาขณะนี้ ท่ามกลางการเลือกตั้งของอิลาตีที่จะมีขึ้นในวันที่ 24-25 กุมภาพันธ์
ขณะที่ปัญหาการเมืองในสเปนก็มีขึ้นกดดันเมื่อ มาริอาโน ราฮอย นายกรัฐมนตรีสเปน ที่กำลังเคลียร์ปัญหาเรื่องหนี้เกิดถูกกดดันให้ ลาออกเนื่องจากถูกกล่าวหาถึงการคอรัปชั่น
นั้นก็เลยทำให้หลายฝ่าย เกิดความกังวล กับ ปัญหายุโรปอีกครั้ง ว่าที่เคยสงบสุขจากการรัดเข็มขัด จะถึงเวลาปลดแอก กลับมาก่อหนี้อีกหรือไม่ จ๊ากกก งานนี้ไม่แปลกที่ผลตอบแทนพันธบัตรของอิตาลี และ สเปนเลยพุ่งอีกครั้ง นี่ไม่ใช่ภาพที่ดีกับตลาดหุ้นนะเนี่ย เพราะกระทบต่อต้นทุนการกู้ยืมของทั้งสองประเทศ
ประกอบกับมีเสียงของ ประธานธนาคารกลางยุโรป "มาริโอ้ ดาร์กี้" บ่นขรมกับการแข็งค่าของสกุลเงินยูโร เมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ผ่านมา เป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจยุโรป ยิ่งซ้ำเติมเข้าไปอีก
นั้นก็ทำให้หุ้นยุโรปร่วงกันกระจายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งเยอรมัน อังกฤษ ฝรั่งเศษ แม้ว่าวันศุกร์จะรีบาวด์ขึ้นมาได้ก็ตาม แต่อาการก็ยังน่าเป็นห่วง
เป็นที่น่าสงสัยนิดๆ ว่าในส่วนของตลาดหุ้นสหรัฐมีเพียงดาวโจนส์ที่ทำท่าชะงักดัชนียังคงต่ำกว่า 14,000 จุด แต่สำหรับ S&P 500 กลับปิดที่ 1,517.93 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2550 หรือในรอบ 5 ปี เช่นเดียวกับ Nasdaq ปิดที่ 3,193.87 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี หลังมีข่าวแอปเปิ้ลอาจจะเพิ่มเงินปันผล
ขณะเดียวกันเหตุการณ์ในประเทศเกี่ยวกับ ค่าเงินบาดหมาง เอ้ย ค่าเงินบาท ก็ร้อนไม่จบ จากการรุกหนักของรัฐบาลนำโดย ท่านกิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่กระหน่ำรุมให้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ยลง เพื่อหวังจะให้เงินไหลออก ตามมาด้วยนายกรัฐมนตรี ก็มีการส่งสัญญาณสำทับ ขอให้แบงก์ชาติ ทำงานประสานกับรัฐบาล แม้ว่าท่านผู้ว่าแบงก์ชาติ ประสาร ไตรรัตน์วรกุล จะพยายามชี้ว่าการลดดอกเบี้ยจะไม่ได้ช่วยทำให้บาทอ่อน แต่ล่าสุดการที่แบงก์ชาติมองเงินเฟ้อปีนี้จะไม่ถึง 3% เหลือแค่ 2.80% ก็ทำให้วงการเม้าท์กันให้แซด ว่านี่จะเป็นสัญญาณในการปรับดอกเบี้ยลงในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ สัปดาห์ถัดไปหรือไม่ มิน่า ต่างชาติจึงเร่งถอนเงินออกจากตลาดหุ้นขนาดนี้
ภาพแบบนี้จะเอาอย่างไรกับตลาดหุ้นไทยดี ตอนนี้บอกตามตรงอยู่ในช่วงของการสับสน ไม่รู้จะเลือกอย่างไหนดี แม้ทิศทางในระยะยาวยังดีจากพื้นฐานไทยแลนด์แดนลงทุน แต่ระยะสั้นอาจจะผันผวนจากเงินทุนที่ไหลออก ต้องเลือกกลยุทธ์กันเอง ว่าจะเลือกแบบไหน แต่ถ้าดัชนีลงมาแล้วไม่หลุด 1480 จุด ก็ไม่น่าห่วงอาราย แต่บางครั้งการนั่งเฉยในช่วงต่างชาติขาย เพื่อดูทิศทางก็อาจจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่ ชิว ชืว รอทิศทางชัดเจนก็ไม่สายอ่ะป่าว แต่ถ้าใครใจกล้าก็ลุยต่อปายย
แต่หากไปถาม บล.กสิกรไทย และบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย เค้ามองกันว่า ดัชนีมีโอกาสที่จะปรับฐานช่วงสั้น โดยต้องจับตาแรงขายของต่างชาติ รวมถึงการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ อาทิ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) ทั้งนี้ ให้แนวรับที่ 1,487 และ 1,454 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 1,524 และ 1,550 จุด
ขณะที่ ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า จะยังคงมีความผันผวนต่อเนื่อง ด้วยวอลุ่มที่ เบาบาง หลังหลายตลาดหุ้นในภูมิภาคหยุดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน ขณะเดียวกันยังต้องจับตา ทิศทางการลงทุนของต่างชาติ หลังในขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
แต่ก็มองว่าการที่บริษัทจดทะเบียน(บจ.) จะทยอยประกาศผลประกอบการปี 55 และประกาศจ่ายปันผล ในช่วงสัปดาห์หน้านั้น เชื่อว่าจะสามารถประคองภาพรวมตลาดได้ โดย มองแนวรับสัปดาห์หน้าบริเวณ 1,480 และแนวต้านที่ 1,510 และ 1,530 จุด
เอ้า ใครจะลุยหุ้นหรือไม่ ก็แล้วแต่ตัวใครตัวมัน ดูทิศทางให้ดีๆ ก่อนแล้วกัน แต่ถ้าคิดจะลุยก็ต้องดูไปทางอสังหาริมทรัพย์ หากเชื่อว่าแบงก์ชาติจะลดดอกเบี้ย หุหุ
ถึงเวลาเม้าท์ บจ. มีข่าวลือกับให้แซดอีกแล้วสำหรับ TRUE กับทางออกทางการเงินที่ต้องจับตา ในอดีตใครหลายคนหากดูงบการเงินของทรูแล้วก็จะรู้ว่า ไม่ไหวกับการลงทุน 3G แน่ๆ ต้องเพิ่มทุน! แต่ล่าสุดทีข่าวออกมาว่าทรูอาจจะมีการออก Infarstucture Fund หรือ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ก็เรียกกันง่ายๆ ว่า จะขายธุรกิจโครงข่ายมือถือในปัจจุบันเข้ากองทุน ระดมทุนจากประชาชนนั้นไงล่ะ ซึ่งเค้าบอกกันกระหน่ำหูว่า จะมีเงินเข้ามาถึง 50,000 ล้านบาท เอามาล้างหนี้ได้เกือบหมดเลยทีเดียว โอ้ววววว ... แถมยังมีการลือกันอีกว่า จะมีการขายหุ้นให้กับ China mobile ด้วย แต่ต้องมีราคาสูงกว่านี้ จริงๆ รู้ตัวเลขแต่ไม่กล้าบอก บอกไว้ก่อนนี่คือข่าวลือที่เข้าหูมาไม่ได้กรอง จะจริงหรือไม่ หรือมีโอกาสแค่ไหนลองตรองดูกันแล้วกัน
สัปดาห์นี้ไปก่อน โบกมือแล้วจร้าาาาาาาาาา โชคดีรับตรุษจีนกันทุกๆ ราย