"ฟิทช์"ยกเลิกคำเตือนหั่นเครดิตสหรัฐ หลังคืบหน้าแก้ปัญหาเพดานหนี้
บริษัทฟิทช์ เรทติงส์ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศได้ยกเลิกคำเตือนที่จะลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงจากระดับ AAA ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยระบุถึงการบรรลุข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐ ซึ่งเป็นสัญญาณล่าสุดที่แสดงว่า ความวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งด้านงบประมาณที่ยืดเยื้อได้ผ่อนคลายลงแล้ว
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นได้พุ่งขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยดัชนี S&P 500ทะยานแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปีในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ความคืบหน้าของสหรัฐทำให้นักลงทุนกลับเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
ฟิทช์ระบุว่า เนื่องจากสมาชิกสภาคองเกรสไม่ได้เผชิญกับ "ปัญหาจากวิกฤตการณ์ระดมทุนในระยะสั้น" ผู้กำหนดนโยบายจึง "มีโอกาสที่จะพุ่งความสนใจไปยังทางเลือกด้านนโยบายการคลังที่มีอยู่มากมาย
อย่างไรก็ดี ฟิทช์ยังเตือนว่า สหรัฐยังคงเสี่ยงต่อการถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ ถ้าผู้กำหนดนโยบายไม่ร่วมกันวางแผน "ที่น่าเชื่อถือ" เพื่อลดยอดขาดดุลจำนวนมหาศาลของประเทศลงในระยะกลาง ซึ่งฟิทช์บ่งชี้ถึงระยะเวลา6-12 เดือน
ฟิทช์ไม่ได้เป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือแห่งเดียวที่มีความวิตกดังกล่าวโดยมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสให้แนวโน้มเชิงลบแก่อันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐซึ่งยังคงอยู่ที่ AAA และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) คงอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐไว้ที่ AA+ นับตั้งแต่ปรับลดลงจากระดับ AAA หลังจากที่เกิดความขัดแย้งเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐในเดือนส.ค.2011 ขณะที่ยังคงให้แนวโน้มเชิงลบ
การประกาศดังกล่าวของฟิทช์มีขึ้น หลังจากที่เมื่อหลายเดือนก่อน ฟิทช์ได้เตือนถึงความจำเป็นที่ผู้กำหนดนโยบายต้องไม่ทำให้เหตุการณ์เมื่อเดือนส.ค.2011เกิดซ้ำอีกครั้ง เมื่อภารกิจตามปกติในการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐได้กลายเป็นความขัดแย้งด้านนโยบาย ซึ่งทำให้รัฐบาลเกือบจะเข้าสู่ภาวะผิดนัดชำระหนี้
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายขยายระยะเวลาเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐไปจนถึงวันที่ 19 พ.ค. ด้วยคะแนนท่วมท้น285-144 และจะส่งต่อไปยังวุฒิสภาเพื่อให้การรับรองต่อไป โดยคาดว่าวุฒิสภาจะจัดประชุมพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ในสัปดาห์นี้ ขณะที่นายแฮร์รี รีด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา ก็ได้แสดงท่าทีในการอนุมัติร่างกฏหมายดังกล่าวเช่นกัน
ด้านนายเจย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า ประธานาธิบดีบารัคโอบามา จะไม่ขัดขวางการลงนามในร่างกฏหมายดังกล่าวเพื่อบังคับใช้เป็นกฏหมายโดยเขาจะลงนามในร่างกฏหมายทันทีที่ได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส
(ข้อมูลข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak
บริษัทฟิทช์ เรทติงส์ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศได้ยกเลิกคำเตือนที่จะลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงจากระดับ AAA ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยระบุถึงการบรรลุข้อตกลงเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐ ซึ่งเป็นสัญญาณล่าสุดที่แสดงว่า ความวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งด้านงบประมาณที่ยืดเยื้อได้ผ่อนคลายลงแล้ว
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นได้พุ่งขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยดัชนี S&P 500ทะยานแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปีในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ความคืบหน้าของสหรัฐทำให้นักลงทุนกลับเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
ฟิทช์ระบุว่า เนื่องจากสมาชิกสภาคองเกรสไม่ได้เผชิญกับ "ปัญหาจากวิกฤตการณ์ระดมทุนในระยะสั้น" ผู้กำหนดนโยบายจึง "มีโอกาสที่จะพุ่งความสนใจไปยังทางเลือกด้านนโยบายการคลังที่มีอยู่มากมาย
อย่างไรก็ดี ฟิทช์ยังเตือนว่า สหรัฐยังคงเสี่ยงต่อการถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ ถ้าผู้กำหนดนโยบายไม่ร่วมกันวางแผน "ที่น่าเชื่อถือ" เพื่อลดยอดขาดดุลจำนวนมหาศาลของประเทศลงในระยะกลาง ซึ่งฟิทช์บ่งชี้ถึงระยะเวลา6-12 เดือน
ฟิทช์ไม่ได้เป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือแห่งเดียวที่มีความวิตกดังกล่าวโดยมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสให้แนวโน้มเชิงลบแก่อันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐซึ่งยังคงอยู่ที่ AAA และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) คงอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐไว้ที่ AA+ นับตั้งแต่ปรับลดลงจากระดับ AAA หลังจากที่เกิดความขัดแย้งเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐในเดือนส.ค.2011 ขณะที่ยังคงให้แนวโน้มเชิงลบ
การประกาศดังกล่าวของฟิทช์มีขึ้น หลังจากที่เมื่อหลายเดือนก่อน ฟิทช์ได้เตือนถึงความจำเป็นที่ผู้กำหนดนโยบายต้องไม่ทำให้เหตุการณ์เมื่อเดือนส.ค.2011เกิดซ้ำอีกครั้ง เมื่อภารกิจตามปกติในการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐได้กลายเป็นความขัดแย้งด้านนโยบาย ซึ่งทำให้รัฐบาลเกือบจะเข้าสู่ภาวะผิดนัดชำระหนี้
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายขยายระยะเวลาเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐไปจนถึงวันที่ 19 พ.ค. ด้วยคะแนนท่วมท้น285-144 และจะส่งต่อไปยังวุฒิสภาเพื่อให้การรับรองต่อไป โดยคาดว่าวุฒิสภาจะจัดประชุมพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ในสัปดาห์นี้ ขณะที่นายแฮร์รี รีด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา ก็ได้แสดงท่าทีในการอนุมัติร่างกฏหมายดังกล่าวเช่นกัน
ด้านนายเจย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า ประธานาธิบดีบารัคโอบามา จะไม่ขัดขวางการลงนามในร่างกฏหมายดังกล่าวเพื่อบังคับใช้เป็นกฏหมายโดยเขาจะลงนามในร่างกฏหมายทันทีที่ได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส
(ข้อมูลข่าวจากสำนักข่าว รอยเตอร์)
T.Thammasak