xs
xsm
sm
md
lg

เอกชนค้านปากบาราเสนอทบทวนแผนลดขนาด “คมนาคม” จัดเวิร์กชอป” ก.พ.เดินหน้าหรือยุติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอกชนแนะทบทวนแผนสร้างท่าเรือปากบารา 1.1 หมื่นล้าน แนะลดขนาดเหตุลงทุนสูงปริมาณสินค้าน้อยไม่คุ้มค่า ชี้รัฐควรหันพัฒนาท่าเรือสงขลา 2 และแหลมฉบังให้เต็มประสิทธิภาพดีกว่า “คมนาคม” เตรียมจัดเวิร์กชอป ก.พ.นี้ก่อนตัดสินใจ “ประเสริฐ”เผยเป็นโครงการตามนโยบาย ไม่ทำหรือปรับเปลี่ยนต้องมีแผนรองรับ

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมโครงการท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบาราที่จังหวัดสตูล เมื่อวันที่ 30 ม.ค. ว่า ได้หารือร่วมกับผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ผู้ประกอบการจากสมาคมเจ้าของเรือไทย และผู้ประกอบการจากภาคการส่งออกเพื่อระดมความคิดเห็นต่อโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบารา จ.สตูล ซึ่งเอกชนในที่ประชุมได้เสนอให้กระทรวงคมนาคมทบทวนอีกครั้งว่าควรดำเนินการก่อสร้างหรือไม่ ซึ่งในส่วนของเอกชนมีทั้งที่สนับสนุนให้ก่อสร้างและคัดค้าน โดยประมาณเดือนกุมภาพันธ์นี้กระทรวงคมนาคมจะจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์กชอป) โครงการ คาดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนมากขึ้นและจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป เนื่องจากโครงการนี้ถูกบรรจุอยู่ในแผน พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท และเป็นนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาไว้ ดังนั้นหากไม่มีการก่อสร้างก็จะต้องมีเหตุผลรองรับที่ชัดเจน

ทั้งนี้ เนื่องจากโครงการต้องใช้เงินลงทุนสูง เฟสแรกลงทุนประมาณ 11,000 ล้านบาท เพราะต้องก่อสร้างออกไปในทะเลประมาณ  4 กิโลเมตร ในขณะที่ผู้ประกอบการระบุว่า การศึกษาปริมาณการขนส่งสินค้าที่จะผ่านท่าเรือยังไม่มากเท่าที่ควร โดยอยู่ที่ 300,000 ตู้ต่อปี ส่วนตัวเลขผลศึกษาของ สศช.คาดว่าจะมีปริมาณสินค้าประมาณ 800,000 ตู้ต่อปี ซึ่งก็ไม่น่าเป็นไปได้เพราะปริมาณการขนส่งสินค้าที่ท่าเรือกรุงเทพปัจจุบันยังอยู่ที่ 1.3 ล้านตู้ต่อปีเท่านั้น และหากจะมีการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบาราก็ควรพัฒนาพื้นที่โดยรอบให้เป็นนิคมอุตสาหกรรมก่อนเพื่อช่วยหนุนการขนส่งสินค้า 

“ตัวเลขจาก สศช.เชื่อว่าคงเป็นการคาดการณ์มากกว่า แต่ตัวเลขจากเอกชนจะเป็นตัวเลขจริง ซึ่งแตกต่างกันมาก โดยท่าเรือปากบาราจะรองรับสินค้าพวกอาหารทะเลและยางพารา ซึ่งเอกชนระบุว่าปริมาณการค้าบริเวณนั้นไม่สูงมากนัก และเอกชนยังเห็นว่าถ้าจะสร้างก็ควรลดขนาดโครงการลงไม่ต้องทำใหญ่โตมากถึง 11,000 ล้าน เอาแค่ 2,000-3,000 ล้าน รองรับเรือสินค้าที่ 500 ตู้ก็พอ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่าลงทุนมากแต่ผลตอบแทนไม่คุ้มค่า” นายประเสริฐกล่าว 

โดยผู้ประกอบการเสนอให้รัฐบาลพิจารณาก่อสร้างท่าเรือสงขลา เฟส 2 (ฝั่งอ่าวไทย) วงเงินประมาณ 15,000 ล้านบาท หรือพัฒนาศักยภาพท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 เนื่องจากจะคุ้มค่ามากกว่า เพราะท่าเรือสงขลาปัจจุบันอยู่ทะเลฝั่งอันดามัน หากมีการก่อสร้างทะเลฝั่งอ่าวไทยก็จะช่วยเสริมศักยภาพกันมากขึ้น ขณะท่าเรือแหลมฉบังปัจจุบันรองรับสินค้าที่ 6 ล้านตู้ต่อปีแต่ตามศักยภาพสามารถรองรับได้ถึง 11 ล้านตู้ต่อปี โดยเรื่องดังกล่าวได้รายงานให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รับทราบในเบื้องต้นแล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีระบุว่าการจะดำเนินโครงการต้องพิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับท่าเรือน้ำลึกทวาย และท่าเรือแหลมฉบังประกอบด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น