วินเนอร์ กรุ๊ป ฉลอง 30 ปีเดินหน้าสู่ผู้นำตลาดธุรกิจอาหารของประเทศ พร้อมความสำเร็จในปี 55 ทะลุ 1,400 ล้านบาท หวังปีนี้ผลักดันยอดขายเพิ่มอีกร้อยละ 20
นายเจน วองอิสริยะกุล ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท วินเนอร์ กรุ๊ป เอ็นเตอร์ไพรซ์ จํากัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาวินเนอร์ กรุ๊ปเป็นบริษัทที่อยู่กับธุรกิจอาหารของคนไทยมาอย่างยาวนาน และเกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรมอาหารของคนไทยมาโดยตลอด โดยในช่วงแรกเราได้นำเข้าสินค้าวัตถุดิบและส่วนประกอบอาหารสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร และต่อมาได้ต่อยอดขยายไปในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อเจาะตลาดเข้าทั้งช่องทางฟูดเซอร์วิสและผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งทำให้สินค้าของเราได้เข้าไปอยู่ในทุกภาคส่วนของธุรกิจอาหารที่อยู่ในชีวิตประจำวันของคนไทยทุกคน และในวันนี้เราพร้อมที่จะเติบโตเคียงคู่ไปกับคนไทย กอปรกับมุ่งขยายธุรกิจรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ และการเปิดตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558 ที่จะถึงในอนาคตอันใกล้
สินค้าภายใต้การดำเนินงานของวินเนอร์ กรุ๊ป นอกจากการนำเข้าแล้ว เรายังมีโรงงานผลิตของเราเอง ซึ่งปัจจุบันผลิตสินค้ากลุ่มสารผสมต่างๆ เช่น ผงฟู และน้ำตาลไอซิ่ง และในปีนี้เรามีแผนที่จะขยายพื้นที่ของโรงงาน และเพิ่มกำลังการผลิตอีกเท่าตัวให้เพียงพอต่อความต้องการสำหรับภาคธุรกิจ และรองรับความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นการตั้งรับเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนอนาคตของเราที่จะเจาะสู่ตลาดเวียดนาม พม่า ลาว เป็นต้น ซึ่งประเทศเหล่านี้ต่างมีการขยายและเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร และยังมีช่องว่างทางการตลาดมีความต้องการสินค้าวัตถุดิบทางด้านอาหารอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งในปีนี้และในอนาคตอันใกล้เราเชื่อมั่นว่าธุรกิจของเรายังคงจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าจะสามารถทำรายได้ผลักดันให้วินเนอร์ กรุ๊ปเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งวางเป้าหมายของปีนี้จะสามารถเติบโตไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 และในอนาคตเราจะเติบโตแบบก้าวกระโดดตามแผนธุรกิจที่เราวางเอาไว้ และหากเราสามารถจดทะเบียนเข้าในตลาดหลักทรัพย์เสร็จภายในสิ้นปีนี้ เชื่อมั่นว่าวินเนอร์ กรุ๊ปจะสามารถก้าวสู่ผู้นำตลาดของประเทศไทยได้อย่างแน่นอน
นางสาวกนกพรรณ เกรียงไกรกฤษฎา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วินเนอร์ กรุ๊ป เอ็นเตอร์ไพรซ์ จํากัด กล่าวว่า ในปีนี้เรายังคงมีแผนที่จะเพิ่มการนำเข้าสินค้าระดับพรีเมียมอย่างต่อเนื่องเพื่อเจาะตลาดกลุ่มที่มีกำลังซื้อในประเทศ กลุ่มคนต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย และต้องการสินค้าคุณภาพที่มาจากต่างประเทศ ดังจะเห็นได้จากการเติบโตของกลุ่มเหล่านี้ที่เพิ่มปริมาณมากขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ และตามหัวเมืองใหญ่ในประเทศ นอกจากนี้เราก็ได้วางแผนที่จะเพิ่มกลุ่มสินค้าที่เป็น Mass เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคให้กว้างขวางขึ้นภายใต้แบรนด์ของวินเนอร์ กรุ๊ปเองด้วย นอกเหนือจากนั้น ในปีที่ผ่านมาเราได้ขยายไปสู่ธุรกิจบริการอาหารและเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง โดยเปิดร้านกาแฟระดับพรีเมียมภายใต้ชื่อ “Delice” รวม 2 สาขาที่ Park Lane เอกมัย และ The Promanade ซึ่งถือเป็นการต่อยอดของธุรกิจภายใต้ “วินเนอร์ กรุ๊ป”
ในปี 2556 ตั้งงบประมาณการตลาดในทุกช่องทางรวม 140 ล้านบาท ทั้งในส่วนของการพัฒนาธุรกิจโดยตรงกับผู้ใช้ที่เป็น End User ในอุตสาหกรรมและฟูดเซอร์วิส ซึ่งเน้นในด้านการให้บริการทางเทคนิค การนำเสนอเทคโนโลยี และนวัตกรรมทางด้านอาหารใหม่ๆ และอีกส่วนหนึ่งสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านช่องทางค้าปลีก ทั้ง Modern Trade และ General Trade ซึ่งได้วางแผนทั้งในส่วนของ Above the line และ Below the line สำหรับการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ กิจกรรมส่งเสริมการตลาดในรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างตลาดวางรากฐานที่มั่นคงในอนาคต รองรับการขยายฐานการผลิตในสินค้าภายใต้ “วินเนอร์ กรุ๊ป” สู่กลุ่มผู้บริโภคที่กว้างขึ้น เป็นการสร้างความเชื่อมั่น ภาพลักษณ์ที่ดี มั่นใจว่าจะสามารถผลักดันตราสินค้าภายใต้ “วินเนอร์ กรุ๊ป” และขับเคลื่อนสินค้าและบริการของเราสู่มาตรฐาน คุณภาพที่ให้ความสำคัญมาโดยตลอด เชื่อมั่นว่า “วินเนอร์ กรุ๊ป” จะสามารถผลักดันยอดขายให้ได้ตามเป้าตามที่เราวางเอาไว้ที่ 20% จาก 1,400 ล้านบาทในปีก่อน