“สเวนเซ่นส์” เปิดเกมรุกต้นปี อัดงบรวม 500 ล้านบาท ผุดใหม่ 20 สาขา เดินหน้ากลยุทธ์ตลาดรูปแบบใหม่ ดึงดาราเป็นพรีเซ็นเตอร์ทุกแคมเปญ คาดหวังมีร้านสเวนเซ่นส์ทุกจังหวัด พร้อมเป้าเติบโต 20%
นายวิทยา สินทราพรรณทร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท สเวนเซ่นส์ (ไทย) จำกัด ในเครือไมเนอร์ฟู้ดกรุ๊ป เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯตั้งงบประมาณลงทุนรวม 500 ล้านบาท แบ่งเป็น งบขยายสาขาใหม่ 20 สาขารวมประมาณ 200 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่เปิด 18 สาขา งบการรีโนเวตสาขาเดิมกว่า 50 สาขา รวมประมาณ 150 ล้านบาท และงบการตลาดอีก150 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ใช้ 130 ล้านบาท เพื่อดำเนินการตลาดเต็มที่ และจะมีกลยุทธ์ใหม่ๆ ที่สเวนเซ่นส์ยังไม่เคยใช้มาก่อนด้วยหรือใช้เต็มรูปแบบมากขึ้น
ทั้งนี้ เพื่อรองรับกับการแข่งขันในตลาดไอศกรีมที่มีการแข่งขันสูง เพราะมีผู้ประกอบการเข้ามาในตลาดจำนวนมาก รวมทั้งรายเดิมที่อยู่ในตลาดไอศกรีมพรีเมียมด้วยกัน ทำให้สเวนเซ่นส์ต้องพยายามทำตลาดเต็มที่เพื่อรักษาความเป็นผู้นำตลาดไว้ต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายที่จะต้องมียอดขายรวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%-20% ต่อปี
ปัจจุบันตลาดไอศกรีมรวมระดับพรีเมียมมีมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท เติบโตไม่มากประมาณ 5-7% ต่อปี คาดว่าปีนี้จะเติบโตประมาณ 8-10% เพราะตลาดคึกคักมากขึ้นคู่แข่งทำตลาดโปรโมชั่นมากขึ้น ส่วนแบรนด์สเวนเซ่นส์มีส่วนแบ่งตลาดเป็นผู้นำด้วยแชร์ 75% หรือมียอดขายประมาณ 3,500 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปีนี้คาดว่าจะได้แชร์เพิ่มเป็น 80%
ทั้งนี้ กลยุทธ์ตลาดใหม่ๆ คือ การนำดารานักแสดงมาใช้เป็นพรีเซ็นเตอร์กับทุกแคมเปญของสเวนเซ่นส์ในปีนี้ จากเดิมใช้เพียงบางแคมเปญเท่านั้น ล่าสุดคือ แคมเปญ สตรอเบอรี่ อิน เลิฟ โดยดึง ซูเปอร์สตาร์ชื่อดัง “ไมค์-พิรัชต์” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์หลัก ในช่วงแคมเปญ เพื่อต้อนรับช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ 2 เดือน คาดว่ายอดขายไอศกรีมจากแคมเปญนี้จะมีประมาณ 500-600 ล้านบาท รวมทั้งการสร้างซีอีเอ็ม หรือประสบการณ์การทานไอศกรีมกับลูกค้ามากขึ้น
กลุ่มลูกค้าหลักของสเวนเซ่นส์ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง 70% ดังนั้นจึงต้องใช้ดาราผู้ชายมาเป็นพรีเเตอร์ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละแคมเปญเช่นกัน โดยการเข้าร้านของลูกค้าเฉลี่ย 5-8 ครั้งต่อเดือน มียอดการใช้จ่ายประมาณ 200 บาทต่อบิล และมีลูกค้าทานประมาณ 40 ล้านครั้งต่อปี อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ปรับราคาจำหน่ายขึ้นประมาณ 3-5% เมื่อปลายปีที่ผ่านมาเพราะต้นทุนดำเนินการสูงขึ้น เช่น ไอศกรีม 1 สกู๊ปจากเดิม 49 บาทเป็น 50 บาท เป็นต้น ส่วนเมนูที่แพงที่สุดขณะนี้ คือ เอิร์ธเควก ราคา 325 บาท
นอกจากนั้น ปีนี้จะหันมามุ่งเน้นการสร้างการเติบโตให้กับ เค้กและไอศกรีมเทคโฮมด้วย ตั้งเป้าเติบโต 30% ในส่วนนี้ ซึ่งขณะนี้มีรายได้จากกลุ่มนี้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 15% ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 20% ในปีนี้
สำหรับการขยายสาขาใหม่นั้น ตั้งที่ 20 สาขา แบ่งเป็น สาขาของแฟรนไชส์ประมาณ 16 สาขา ของบริษัทฯประมาณ 4 สาขา โดยมีเป้าหมายที่จะขยายไปต่างจังหวัดมากขึ้นในรูปแบบแฟรนไชส์ และวางแผนที่จะเปิดร้านสเวนเซ่นส์ให้ครบทุกจังวหัดในไทยภายในปี 2558 จากปัจจุบันมีกระจายกว่า 60 จังหวัด รวม 260 สาขา ซึ่งปัจจุบันมียอดรายได้มาจากสาขาในกรุงเทพฯ กับต่างจังหวัดเท่ากัน จากเดิมอยู่ที่กรุงเทพฯ 55% และต่างจังหวัด 45% ขณะที่สาขารวมแบ่งเป็น ของบริษัทฯ 120 สาขา ของแฟรนไชส์ 140 สาขา
นายวิทยา สินทราพรรณทร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท สเวนเซ่นส์ (ไทย) จำกัด ในเครือไมเนอร์ฟู้ดกรุ๊ป เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯตั้งงบประมาณลงทุนรวม 500 ล้านบาท แบ่งเป็น งบขยายสาขาใหม่ 20 สาขารวมประมาณ 200 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่เปิด 18 สาขา งบการรีโนเวตสาขาเดิมกว่า 50 สาขา รวมประมาณ 150 ล้านบาท และงบการตลาดอีก150 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ใช้ 130 ล้านบาท เพื่อดำเนินการตลาดเต็มที่ และจะมีกลยุทธ์ใหม่ๆ ที่สเวนเซ่นส์ยังไม่เคยใช้มาก่อนด้วยหรือใช้เต็มรูปแบบมากขึ้น
ทั้งนี้ เพื่อรองรับกับการแข่งขันในตลาดไอศกรีมที่มีการแข่งขันสูง เพราะมีผู้ประกอบการเข้ามาในตลาดจำนวนมาก รวมทั้งรายเดิมที่อยู่ในตลาดไอศกรีมพรีเมียมด้วยกัน ทำให้สเวนเซ่นส์ต้องพยายามทำตลาดเต็มที่เพื่อรักษาความเป็นผู้นำตลาดไว้ต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายที่จะต้องมียอดขายรวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%-20% ต่อปี
ปัจจุบันตลาดไอศกรีมรวมระดับพรีเมียมมีมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท เติบโตไม่มากประมาณ 5-7% ต่อปี คาดว่าปีนี้จะเติบโตประมาณ 8-10% เพราะตลาดคึกคักมากขึ้นคู่แข่งทำตลาดโปรโมชั่นมากขึ้น ส่วนแบรนด์สเวนเซ่นส์มีส่วนแบ่งตลาดเป็นผู้นำด้วยแชร์ 75% หรือมียอดขายประมาณ 3,500 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปีนี้คาดว่าจะได้แชร์เพิ่มเป็น 80%
ทั้งนี้ กลยุทธ์ตลาดใหม่ๆ คือ การนำดารานักแสดงมาใช้เป็นพรีเซ็นเตอร์กับทุกแคมเปญของสเวนเซ่นส์ในปีนี้ จากเดิมใช้เพียงบางแคมเปญเท่านั้น ล่าสุดคือ แคมเปญ สตรอเบอรี่ อิน เลิฟ โดยดึง ซูเปอร์สตาร์ชื่อดัง “ไมค์-พิรัชต์” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์หลัก ในช่วงแคมเปญ เพื่อต้อนรับช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ 2 เดือน คาดว่ายอดขายไอศกรีมจากแคมเปญนี้จะมีประมาณ 500-600 ล้านบาท รวมทั้งการสร้างซีอีเอ็ม หรือประสบการณ์การทานไอศกรีมกับลูกค้ามากขึ้น
กลุ่มลูกค้าหลักของสเวนเซ่นส์ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง 70% ดังนั้นจึงต้องใช้ดาราผู้ชายมาเป็นพรีเเตอร์ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละแคมเปญเช่นกัน โดยการเข้าร้านของลูกค้าเฉลี่ย 5-8 ครั้งต่อเดือน มียอดการใช้จ่ายประมาณ 200 บาทต่อบิล และมีลูกค้าทานประมาณ 40 ล้านครั้งต่อปี อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ปรับราคาจำหน่ายขึ้นประมาณ 3-5% เมื่อปลายปีที่ผ่านมาเพราะต้นทุนดำเนินการสูงขึ้น เช่น ไอศกรีม 1 สกู๊ปจากเดิม 49 บาทเป็น 50 บาท เป็นต้น ส่วนเมนูที่แพงที่สุดขณะนี้ คือ เอิร์ธเควก ราคา 325 บาท
นอกจากนั้น ปีนี้จะหันมามุ่งเน้นการสร้างการเติบโตให้กับ เค้กและไอศกรีมเทคโฮมด้วย ตั้งเป้าเติบโต 30% ในส่วนนี้ ซึ่งขณะนี้มีรายได้จากกลุ่มนี้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 15% ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 20% ในปีนี้
สำหรับการขยายสาขาใหม่นั้น ตั้งที่ 20 สาขา แบ่งเป็น สาขาของแฟรนไชส์ประมาณ 16 สาขา ของบริษัทฯประมาณ 4 สาขา โดยมีเป้าหมายที่จะขยายไปต่างจังหวัดมากขึ้นในรูปแบบแฟรนไชส์ และวางแผนที่จะเปิดร้านสเวนเซ่นส์ให้ครบทุกจังวหัดในไทยภายในปี 2558 จากปัจจุบันมีกระจายกว่า 60 จังหวัด รวม 260 สาขา ซึ่งปัจจุบันมียอดรายได้มาจากสาขาในกรุงเทพฯ กับต่างจังหวัดเท่ากัน จากเดิมอยู่ที่กรุงเทพฯ 55% และต่างจังหวัด 45% ขณะที่สาขารวมแบ่งเป็น ของบริษัทฯ 120 สาขา ของแฟรนไชส์ 140 สาขา