ไอศกรีมพรีเมียมองศาร้อนแข่งทำตลาดสูง “สเวนเซ่นส์” เดินหน้าเต็มกำลัง ใน 5 ปีผุดร่วม 100 สาขา พร้อมโกยรายได้เติบโตเป็น 2 เท่า หรือกว่า 6,000 ล้านบาท ล่าสุดส่งแคมเปญ Happy Sundae ลุยไตรมาสสาม หวังช่วยดันยอดขายทั้งปีโต 20% แตะ 3,300 ล้านบาท
นายวิทยา สินทราพรรณทร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท สเวนเซ่นส์ไทย จำกัด ในเครือไมเนอร์ฟู้ดกรุ๊ป เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในช่วง 5 ปีหลังจากนี้ ต้องการขยายสาขาให้ได้อีก 100 สาขา เฉลี่ยปีละ 20 สาขา การลงทุนต่อสาขาราว 6-10 ล้านบาท จากปัจจุบันให้บริการอยู่ 250 สาขา ถึงช่วงปลายปีจะเปิดอีก 10 สาขา รวมแล้วถึงสิ้นปีนี้จะมีกว่า 260 สาขา ขณะที่ในแง่ของภาพรวมรายได้นั้น มั่นใจว่าจะเพิ่มเป็น 2 เท่าตัว หรือน่าจะทำได้กว่า 6,000 ล้านบาทในปี 2558 ได้
ส่วนสำคัญของการเร่งขยายสาขาครั้งนี้ มาจากการที่สเวนเซ่นส์ต้องการรักษาความเป็นผู้นำในตลาดไอศกรีมพรีเมียมมูลค่า 5,000 ล้านบาท โดยมีส่วนแบ่งกว่า 70% รวมถึงเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่รองรับการเปิดเออีซีใน 3 ปีข้างหน้า ขณะที่ปัจจุบันตลาดไอศกรีมพรีเมียมมีการแข่งขันรุนแรงขึ้น จากการที่มีผู้เล่นทั้งใหม่และเก่า เช่น แม็กนั่ม และสฟรี เข้ามาทำกิจกรรมทางการตลาด ทำให้ภาพรวมของเซกเมนต์นี้มีอัตราการเติบโตขึ้นถึง 12-15% ในสิ้นปีนี้ได้ ขณะที่ภาพรวมตลาดไอศกรีมมูลค่า 15,000 ล้านบาท สิ้นปีคาดโต 10-12%
ทั้งนี้ ทางสเวนเซ่นส์พร้อมใช้เงินกว่า 150 ล้านบาท มากกว่าปีก่อน 10% สำหรับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายรวมกว่า 6 แคมเปญตลอดปี ล่าสุดได้จัดแคมเปญ Happy Sundae ตอนรับช่วงปิดเทอม เน้นกลุ่มเป้าหมายเด็กนักเรียนและครอบครัว นำเสนอ 6 รสชาติ ในราคาเพียง 59 บาท จากปกติไอศกรีมซันเดย์จะเริ่มต้นที่ราคา 69 บาทขึ้นไป ภายใต้งบการตลาดกว่า 30 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.ย. ไปจนถึง พ.ย. ตั้งเป้าหมายว่าตลอดแคมเปญจะมียอดขายกว่า 700 ล้านบาท พร้อมส่งผลให้รายได้รวมสิ้นปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 20% หรือรวมเป็น 3,300 ล้านบาทได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับปัญหาน้ำท่วมที่กำลังเกิดขึ้นในช่วงนี้มองว่าไม่น่ากังวลเท่าปีที่ผ่านมา โดยบริษัทยังพร้อมขยายสาขาตามแผนเดิมที่วางไว้ ขณะเดียวกัน ในส่วนของดีซีนั้น ปีนี้มีมาตรการรองรับ ทั้งในเรื่องของลอจิสติกส์ และดีซีสำรองเช่าเพิ่มอีก 2 แห่ง คือ ที่บางนา กม.ที่ 20 และ กม.ที่ 25 เชื่อว่าหากเกิดน้ำท่วมก็จะสามารถกระจายสินค้าได้ไม่มีปัญหา
นายวิทยากล่าวต่อว่า ปัจจุบันสเวนเซ่นส์จะเน้นการขยายสาขาในรูปแบบของแฟรนไชส์เป็นหลัก โดยในส่วนของในประเทศที่จะเปิด 20 สาขาต่อปีนั้นจะเป็นแฟรนไชส์กว่า 15 สาขา ส่วนต่างประเทศที่ทางสเวนเซ่นส์ไทยได้สิทธิบริหารมาสเตอร์แฟรนไชนส์กว่า 30 ประเทศนั้นจะเน้นลงทุนในรูปแบบขายแฟรนไชส์ทั้งหมด โดยปัจจุบันที่ลาว เขมร เวียดนาม และฟิลิปปินส์เปิดให้บริการอยู่ที่ 2-5 สาขาในแต่ละประเทศ ขณะที่อินเดียมี 8 สาขา ล่าสุดขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะขายแฟรนไชส์ไปสู่ประเทศพม่า อย่างเร็วที่สุดน่าจะไม่เกินไตรมาสสามปีหน้า