xs
xsm
sm
md
lg

ไมเนอร์ผลิต 1.5 หมื่นคนรับศึกฟูดแย่งชิงพนักงาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กิตติชาญ คงแป้น ผู้อำนวยการฝ่ายบนริหารบุคคล เดอะพิซซ่า คอมปะนี ประเทศไทย ในเครือไมเนอร์ฟู้ดกรุ๊ป
เดอะไมเนอร์ฟู้ดกรุ๊ปเปิดแผนสร้างบุคลากรรองรับการขยายตัวและการแย่งชิงพนักงาน รวมทั้งเปิดเออีซีด้วย ผนึกสถาบันการศึกษาผลิตคนป้อนธุรกิจ เป้าหมาย 100 แห่งในอีก 3-5 ปี นำร่องเดอะพิซซ่าฯ ก่อน หวังทั้งระบบอีก 5 ปีต้องการอีก 15,000 คน รับค่าจ้าง 300 บาทต้นทุนขึ้นแต่ก็ต้องทำ

นายกิตติชาญ คงแป้น ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารบุคคล เดอะพิซซ่า คอมปะนี ประเทศไทย ในเครือไมเนอร์ฟู้ดกรุ๊ป เปิดเผยว่า ทางกลุ่มไมเนอร์ฟู้ดกรุ๊ปมีแผนที่จะพัฒนาและสร้างบุคลากรเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ และรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2556

รวมทั้งการแข่งขันที่รุนแรงของธุรกิจอาหารที่จะมีความต้องการพนักงานเป็นจำนวนมากจากการขยายตัวในตลาดรวม ซึ่งบริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะต้องจ้างงานทั้งระดับบริหารและระดับปฏิบัติการรวมเพิ่มมากกว่า 15,000 คนภายใน 5 ปีจากนี้สำหรับธุรกิจฟูดทั้ง 6 แบรนด์ที่มีอยู่ จากปัจจุบันที่มีบุคลากรรวมกว่า 20,000 คน

โดยปีนี้เป็นปีแรกที่บริษัทฯ ได้เซ็นสัญญาบันทึกความเข้าใจ หรือเอ็มโอยู กับสถาบันการศึกษา 22 แห่งเป็นการนำร่องเพื่อออกแบบหลักสูตรการพัฒนาบุคลากรให้เหมาะสมกับการทำงานของภาคเอกชน และเปิดโอกาสให้นักศึกษาทำงานจริงกับบริษัทด้วย ซึ่งวางเป้าหมายที่จะเพิ่มสถาบันการศึกษาให้ได้ 100 แห่งในอีก 3-5 ปี ซึ่งในปีแรกนี้ได้นำมาใช้กับแบรนด์เดอะพิซซ่า คอมปะนีก่อน รวมทั้งปีนี้ยังได้นำเอาระบบทาลิโอ (TALIO) มาใช้ด้วย ซึ่งเป็นระบบการหาพนักงานผ่านระบบอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมต่อกับบริษัทจัดหางานต่างๆ

เนื่องจากเดอะพิซซ่า คอมปะนีเป็นธุรกิจที่ใช้บุคลากรมากที่สุดจากปัจจุบันที่มีประมาณ 7,000 คนจาก 248 สาขา จะต้องเพิ่มเป็น 13,000 คนในอีก 5 ปีเช่นกันที่จะมีสาขาเพิ่มเป็น 350 สาขา ซึ่งปีนี้มีการว่าจ้างแรงงานเพิ่ม 3,500 คน และว่าจ้างแรงงานพาร์ตไทม์เพิ่มอีกกว่า 3,000 คน ซึ่งระบบใหม่ทำให้บริษัทฯ สามารถได้แรงงานเข้ามาร่วมงานประมาณ 500 กว่าคนแล้วในปีแรกนี้ โดยใช้งบลงทุนพัฒนาบุคลากรปีนี้รวม 20 ล้านบาท

หากมองในภาพรวมของทั้งกรุ๊ป นายกิตติชาญกล่าวว่า ที่ผ่านมาในช่วง 3 ปีที่แล้วพบว่าอัตราการลาออกของพนักงานทุกระดับซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานระดับล่างมีการหมุนเวีนเข้าออกเฉลี่ย 3,000 กว่าคนต่อปี ซึ่งเป็นธรรมดาของร้านระดับล่าง เราเคยมีอัตราการออกสูงถึง 130% มาแล้ว แต่ก็มีการแก้ไขมาตลอด จนขณะนี้เหลือเพียง 68% ของจำนวนทั้งหมด และตั้งเป้าหมายให้เหลือเพียง 50% ภายในสิ้นปีนี้ เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าธุรกิจที่มีการว่าจ้างแรงงานแบบพาร์ตไทม์เกินกว่า 80% จะมีอัตราการเข้าออกสูงกว่า 50% แน่นอน และธุรกิจของเรามีแบรนด์สเวนเซ่นส์กับแดรี่ควีนส์ที่มีอัตราเข้าออกสูงเพราะเป็นการว่าจ้างแบบพาร์ตไทม์มาก

กลยุทธ์ที่ใช้ในการรักษาแรงงานของบริษัทฯ คือ 1. การให้โอกาสความก้าวหน้ากับการเติบโต ซึ่งเราโปรโมตคนภายในขึ้นระดับบริหารมากกว่า 80% 2. การให้ค่าจ้างและสวัสดิการที่ไม่น้อยกว่าคู่แข่ง 3. การเน้นสร้างระดับล่างให้มีทักษะในการเป็นผู้บริหารเพื่อการเติบโต

สำหรับนโยบายค่าจ้าง 300 บาทของรัฐบาลนั้น บริษัทฯ ได้จ่ายค่าจ้างมากกว่า 300 บาทใน 7 จังหวัดเริ่มต้นของรัฐบาลไปแล้ว รวมทั้งจังหวัดเศรษฐกิจอื่นๆ อีกด้วยทุกแบรนด์ รวมทั้งวันที่ 1 ธันวาคมนี้ก็จะเริ่มจ่าย 300 บาทขั้นต่ำทั่วประเทศของธุรกิจเรา ซึ่งเร็วกว่านโยบายรัฐบาลที่กำหนดเริ่มทั่วประเทศภายในวันที่ 1 มกราคม 2556 ด้วยซ้ำไป

“จริงๆ แล้วนโยบาย 300 บาทนี้ส่งผลต่อต้นทุนของเราสูงขึ้น 1% และเมื่อเราทำทั่วประเทศก็จะสูงขึ้น 2% เมื่อดูตัวเลขเป็นเปอร์เซ็นต์อาจจะไม่มากแต่เมื่อดูจากจำนวนเงินจะมาก แต่เราก็ต้องทำเพื่อการสร้างและรักษาบุคลากรให้อยู่กับเรา ซึ่งเราวางเป้าหมายได้ทั้งกรุ๊ปไว้ที่ 15,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเดอะพิซซ่า คอมปะนีประมาณ 6,600 ล้านบาทในปีนี้” นายกิตติชาญกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น