“ชัชชาติ” ยันหนุนทวาย เตรียมถกลงทุนร่วมไทย-พม่า-ญี่ปุ่น และเร่งเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมถึงชายแดน ทั้งมอเตอร์เวย์-รถไฟ ด้านสมาคมผู้แทนเรือกรุงเทพและกรรมการสภาอุตสาหกรรมแนะรอบคอบ ชี้อาจไม่คุ้มค่ากับการขนส่งทางเรือ แนะรัฐหนุนท่าเรือสงขลา 2 เชื่อมโยงในพื้นที่ภาคใต้แทน
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยในการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “บทบาทของโครงการทวายกับการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันของประเทศไทย” ว่า ไม่เปลี่ยนจุดยืนการสนับสนุนโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวาย โดยพร้อมให้ความร่วมมือรัฐบาลเมียนมาร์และบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน) ในทุก ๆ ด้าน ล่าสุดเตรียมหารือกันอย่างเป็นทางการระหว่างไตรภาคี ประกอบด้วย ไทย ญี่ปุ่น และพม่า เพื่อร่วมมือด้านการลงทุนเมกะโปรเจกต์ดังกล่าว โดยจะเร่งแผนการพัฒนาระบบโครงข่ายให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างท่าเรือน้ำลึกทวายกับแหลมฉบังให้เกิดประสิทธิภาพ ซึ่งในช่วงแรกจะเร่งผลักดันมอเตอร์เวย์จากบางใหญ่ไปยังกาญจนบุรีที่สามารถเชื่อมโยงสู่ภาคใต้ได้ด้วย เช่นเดียวกับเส้นทางรถไฟไปจ่อชายแดนช่วงบ้านพุน้ำร้อนก็เร่งสรุปผลการศึกษาให้เชื่อมโยงสู่แหลมฉบังได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ต้องเร่งดำเนินการควบคู่กันไป
ด้านนายสุวัฒน์ อัศวทองกุล นายกสมาคมเจ้าของและตัวแทนเรือกรุงเทพ (BSAA) กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่กระทรวงคมนาคมพยายามผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงการเดินเรือในโครงการนี้เพราะจะมีค่าใช้จ่ายหลายๆ ด้านและใช้เวลาไม่คุ้มค่า เนื่องจากปริมาณสินค้าจำนวนหลายหมื่นตู้จำเป็นต้องใช้เวลาขนถ่ายขึ้น-ลงและขนถ่ายสู่รถไฟจำนวนมาก ค่าใช้จ่ายจึงไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อเที่ยวอย่างแน่นอน แต่ควรหันไปสร้างท่าเรือสงขลา 2 น่าจะเกิดผลมากกว่าเพื่อเชื่อมโยงภาคใต้ของไทย
“สมาคมฯ มองว่าทวายเป็นเพียงหนึ่งในท่าเรือสำคัญของโลกเท่านั้น แม้ว่าจะเป็นประตูออกทางด้านตะวันตก โดยทวายเหมาะที่จะพัฒนาให้เป็นท่าเรือระบบฟีดเดอร์มากกว่าเพราะสามารถป้อนสินค้าสู่เรือแม่ของเส้นทางการเดินเรือในภูมิภาคนั้นได้ทันที หากให้เป็นฮับจึงมองว่าความเป็นไปได้ค่อนข้างยากเพราะไปฝืนเส้นทางการเดินเรือของบริษัทชั้นนำของโลก ปัจจัยสำคัญรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ควรมองข้ามเรื่องโลเกชันและต้นทุนการขนส่ง นอกจากนี้สินค้ายังมีจำนวนไม่มาก ดังนั้นการเชื่อมโยงยังเป็นไปได้ยากโดยเฉพาะช่วงเริ่มต้นโครงการ แนวทางที่ดีควรเปิดรับฟังความเห็นของผู้ประกอบการรายย่อยให้ครอบคลุมมากขึ้น เพราะสิ่งสำคัญทวายต้องสร้างอุตสาหกรรมต้นน้ำและกลางน้ำให้มากที่สุด”
ด้านนายธนิต โสรัตน์ กรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า รัฐบาลต้องรอบคอบในการลงทุน เพราะขณะนี้อุปสรรคการลงทุนยังไม่ได้รับการแก้ไขอีกมากที่จะกระทบต่อการเข้าไปลงทุนของภาคเอกชนได้ ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องควรมองให้ครอบคลุมทุกด้าน ประการสำคัญยังมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงควรเร่งพัฒนาให้เป็นนานาชาติมากขึ้น มองปัจจัยต้นทุนลอจิสติกส์และระยะเวลาการเข้า-ออกประเทศและพื้นที่ของพม่าเอาไว้ด้วย
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยในการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “บทบาทของโครงการทวายกับการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันของประเทศไทย” ว่า ไม่เปลี่ยนจุดยืนการสนับสนุนโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวาย โดยพร้อมให้ความร่วมมือรัฐบาลเมียนมาร์และบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน) ในทุก ๆ ด้าน ล่าสุดเตรียมหารือกันอย่างเป็นทางการระหว่างไตรภาคี ประกอบด้วย ไทย ญี่ปุ่น และพม่า เพื่อร่วมมือด้านการลงทุนเมกะโปรเจกต์ดังกล่าว โดยจะเร่งแผนการพัฒนาระบบโครงข่ายให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างท่าเรือน้ำลึกทวายกับแหลมฉบังให้เกิดประสิทธิภาพ ซึ่งในช่วงแรกจะเร่งผลักดันมอเตอร์เวย์จากบางใหญ่ไปยังกาญจนบุรีที่สามารถเชื่อมโยงสู่ภาคใต้ได้ด้วย เช่นเดียวกับเส้นทางรถไฟไปจ่อชายแดนช่วงบ้านพุน้ำร้อนก็เร่งสรุปผลการศึกษาให้เชื่อมโยงสู่แหลมฉบังได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ต้องเร่งดำเนินการควบคู่กันไป
ด้านนายสุวัฒน์ อัศวทองกุล นายกสมาคมเจ้าของและตัวแทนเรือกรุงเทพ (BSAA) กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่กระทรวงคมนาคมพยายามผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงการเดินเรือในโครงการนี้เพราะจะมีค่าใช้จ่ายหลายๆ ด้านและใช้เวลาไม่คุ้มค่า เนื่องจากปริมาณสินค้าจำนวนหลายหมื่นตู้จำเป็นต้องใช้เวลาขนถ่ายขึ้น-ลงและขนถ่ายสู่รถไฟจำนวนมาก ค่าใช้จ่ายจึงไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อเที่ยวอย่างแน่นอน แต่ควรหันไปสร้างท่าเรือสงขลา 2 น่าจะเกิดผลมากกว่าเพื่อเชื่อมโยงภาคใต้ของไทย
“สมาคมฯ มองว่าทวายเป็นเพียงหนึ่งในท่าเรือสำคัญของโลกเท่านั้น แม้ว่าจะเป็นประตูออกทางด้านตะวันตก โดยทวายเหมาะที่จะพัฒนาให้เป็นท่าเรือระบบฟีดเดอร์มากกว่าเพราะสามารถป้อนสินค้าสู่เรือแม่ของเส้นทางการเดินเรือในภูมิภาคนั้นได้ทันที หากให้เป็นฮับจึงมองว่าความเป็นไปได้ค่อนข้างยากเพราะไปฝืนเส้นทางการเดินเรือของบริษัทชั้นนำของโลก ปัจจัยสำคัญรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ควรมองข้ามเรื่องโลเกชันและต้นทุนการขนส่ง นอกจากนี้สินค้ายังมีจำนวนไม่มาก ดังนั้นการเชื่อมโยงยังเป็นไปได้ยากโดยเฉพาะช่วงเริ่มต้นโครงการ แนวทางที่ดีควรเปิดรับฟังความเห็นของผู้ประกอบการรายย่อยให้ครอบคลุมมากขึ้น เพราะสิ่งสำคัญทวายต้องสร้างอุตสาหกรรมต้นน้ำและกลางน้ำให้มากที่สุด”
ด้านนายธนิต โสรัตน์ กรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า รัฐบาลต้องรอบคอบในการลงทุน เพราะขณะนี้อุปสรรคการลงทุนยังไม่ได้รับการแก้ไขอีกมากที่จะกระทบต่อการเข้าไปลงทุนของภาคเอกชนได้ ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องควรมองให้ครอบคลุมทุกด้าน ประการสำคัญยังมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงควรเร่งพัฒนาให้เป็นนานาชาติมากขึ้น มองปัจจัยต้นทุนลอจิสติกส์และระยะเวลาการเข้า-ออกประเทศและพื้นที่ของพม่าเอาไว้ด้วย
