xs
xsm
sm
md
lg

“บีทีเอส” เดินหน้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน หวั่นปัญหาดีเอสไอกระทบความเชื่อมั่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้บริหาร “บีทีเอส” คาดเปิดขายกองทุน BTSGIF ได้แน่นอน คาดช่วงกลาง-ปลายเดือน ก.พ.นี้มั่นใจระดมทุนได้ถึง 6 หมื่นล้าน ส่วนกรณี “ดีเอสไอ” เชิญให้ไปรับข้อกล่าวหากรณีการเซ็นสัญญาจ้างกับ “กรุงเทพธนาคม” ไม่มีผลกระทบต่อกองทุน แต่อาจจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ที่จะมาซื้อหน่วยลงทุนบ้าง

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC คาดจะเสนอขายกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน หรือ BTSGIF ได้ประมาณช่วงกลางหรือปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2556 และคาดว่าจะระดมทุนจากกองทุน BTSGIF ได้เม็ดเงินสูงถึง 6 หมื่นล้านบาท จากที่คณะกรรมการอนุมัติมูลค่ากองทุนไว้ไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ คาดว่าจะแบ่งสัดส่วนจำหน่ายหน่วยกองทุน BTSGIF ให้นักลงทุนต่างประเทศ 50% และนักลงทุนในประเทศสัดส่วน 50% เท่าๆ กัน ซึ่งขั้นตอนในขณะนี้อยู่ระหว่างขออนุญาตจัดตั้งจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

สำหรับการระดมทุนจากกองทุนนี้ บริษัทจะนำมาลงทุนเดินรถไฟฟ้าสำหรับส่วนต่อขยายบีทีเอสใหม่ 2 เส้นทาง ได้แก่ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต วงเงิน 30,000 ล้านบาท และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ วงเงิน 10,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 10,000-20,000 ล้านบาทจะนำมาเป็นทุนสำรองสำหรับลงทุนรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) หรือสายอื่นๆ ต่อไป

ส่วนกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เชิญให้ไปรับข้อกล่าวหากรณีการเซ็นสัญญาจ้างกับบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด วิสาหกิจของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ยืนยันว่ายังไม่มีผลกระทบต่อการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน BTSGIF แต่ยอมรับว่าอาจจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ที่จะมาซื้อหน่วยลงทุนบ้าง

นายสุรพงษ์ยืนยันว่า การตั้งกองทุนนี้ไม่เกี่ยวกับการเซ็นสัญญาจ้างส่วนต่อขยายใหม่แต่อย่างใด เป็นการระดมทุนโดยการที่บริษัทขายหรือโอนรายได้จากค่าโดยสารที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจากสัมปทานเดิมที่บริษัทได้รับจาก กทม.ระยะทาง 23.5 กิโลเมตร ที่ยังเหลืออายุสัมปทานอีก 17 ปี ซึ่งมีการตีเป็นมูลค่าออกมาแล้ว

“เราขอเลื่อนการรับฟังข้อกล่าวหากับดีเอสไอไปแล้ว ยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะเป็นวันไหน ซึ่งเราชี้แจงได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คิดว่าไม่มีผลกระทบในระยะยาว หรือทำให้การซื้อขายกองทุนสะดุด แต่ถ้าเรื่องยุติโดยเร็วจะเป็นผลดีต่อบริษัทแน่นอน การที่บริษัทได้เซ็นสัญญาจ้างส่วนต่อขยายระยะยาว 30 ปี วงเงิน 1.87 แสนล้านบาทนั้น จะเป็นการการันตีให้กับผู้ถือหุ้นว่าบริษัทมีงานทำต่อไปในข้างหน้า แต่ไม่เกี่ยวกับการตั้งกองทุน”

พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง ที่ปรึกษาอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนดีเอสไอ กล่าวภายหลัง นายประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ ประธานกรรมการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด และ นายอมร กิจเชวงกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด เข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีการต่อสัญญาให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง โครงการรถไฟฟ้า BTS โดยยอมรับว่าวันนี้ได้รับความร่วมมือจากทั้ง2 คนเป็นอย่างดี

ทั้งนี้ ตนได้มีการสอบถามเกี่ยวกับประเด็นเรื่องการทำสัญญาว่าจ้าง ระหว่างกรุงเทพธนาคม กับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ว่าสามารถดำเนินการได้จริงหรือไม่ แต่ทางดีเอสไอเห็นว่ายังขัดแย้งในเรื่องของกฎมาย และพบการทำสัญญาว่าจ้างในลักษณะเดียวกันก่อนหน้านี้อีก 2 ฉบับ ซึ่งจะดำเนินการตรวจสอบ และคาดว่าน่าจะสรุปสำนวนคดีดังกล่าวแล้วเสร็จในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้

นอกจากนี้ ในส่วน นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จะเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 21 มกราคม 2556 นี้ เวลา 09.00 น.


กำลังโหลดความคิดเห็น