“บีทีเอสโกรท” ไม่เกี่ยวสัญญาส่วนต่อขยาย ก.ล.ต. ยันรายได้มาจากสัมปทานเดิม

ก.ล.ต. ยืนยัน “กองทุนบีทีเอสโกรท” ไม่เกี่ยวข้องกับคดีฟ้องร้องต่ออายุสัมปทาน หรือส่วนต่อขยาย แต่จะนำรายได้จากสัมปทานเดิมที่มีระยะเวลา 17 ปี มาเป็นรายได้ของกองทุน

นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของ ก.ล.ต.นั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีสัญญาส่วนต่อขยายของ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ที่กำลังเป็นเรื่องฟ้องร้องกันอยู่

นายวรพล ระบุว่า กองทุน BTSGIF จะนำรายได้จากสัมปทานเดิมที่มีระยะเวลา 17 ปีมาเป็นรายได้ของกองทุน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขอข้อมูลจาก BTS เพิ่มเติม

“สินทรัพย์ของกองทุน BTSGIF ที่ยื่นไฟลิ่งมีเฉพาะสัมปทาน 17 ปี ไม่รวมส่วนต่อขยาย ดังนั้น กองทุนนี้จะไม่เกี่ยวกับการฟ้องร้องกรณีส่วนต่อขยาย และดีเอสไอ (กรมสอบสวนพิเศษ) ก็ไม่ได้ขอข้อมูลเพิ่มเติมมายัง ก.ล.ต. แต่ที่ยังอยู่ระหว่างการอนุมัติ เพราะว่ากำลังขอข้อมูลเพิ่มเติมบางส่วน”

สำหรับการโฆษณาเสนอขายกองทุนนั้นก็ไม่ผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ เพราะในโฆษณาระบุว่า อยู่ระหว่างการพิจารณาของ ก.ล.ต. และการประกาศข้อความในโฆษณาไม่มีข้อความใดขัดต่อกฎหมายทั้งสิ้น

นอกจากนี้ คาดว่าจะมีธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่สนใจออกกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน 1 แห่ง

ก่อนหน้านี้ นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร BTS ระบุว่า การจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน BTSGIF มูลค่าประมาณ 5-6 หมื่นล้านบาท ไม่ได้รับผลกระทบจากคดีฟ้องร้อง เพราะกองทุนนี้จะนำรายได้ค่าโดยสารในอนาคตที่อายุสัญญสัมปทานเหลืออยู่ 17 ปี (สิ้นสุด 4 ธ.ค.72) ของ บมจ. ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) (บ.ย่อยที่ถือหุ้นสัดส่วน 97.46%) จากการเดินรถไฟฟ้าสายหลัก คือสายสุขุมวิท และสายสีลม ระยะทางรวม 23.5 กม.

BTS กำหนดให้ข้อมูล หรือจัดโรดโชว์ให้แก่นักลงทุนในประเทศทุกภาคเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค.นี้ หลังจากเดินสายโรดโชว์ในต่างประเทศเสร็จแล้ว และคาดว่าจะสามารถกำหนดราคาขาย และเสนอขายครั้งแรกประมาณต้นเดือน ก.พ.56