ทีเส็บ/สสปน.เผยผลการดำเนินงานปีงบประมาณ 2555 โตเกินเป้า เพิ่มยอดนักเดินทางกลุ่มไมซ์ชาวต่างชาติเข้าประเทศกว่า 895,224 คน กลุ่มไมซ์จากภูมิภาคเอเชียครองสัดส่วน 65% พร้อมเดินเกมปี 2556 ปรับแนวทาง “รีแบรนด์” องค์กรมุ่งสู่ความทันสมัย เตรียมลุยตลาดเอเชียและอาเซียนพลัส 6 เต็มกำลัง ตั้งเป้าปี 2556 อุตสาหกรรมไมซ์สร้างมูลค่ากว่า 63,200 ล้านบาท
นายธงชัย ศรีดามา กรรมการ ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ กล่าวว่า “ถึงแม้ว่าทั่วโลกจะมีความกังวลต่อวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในภูมิภาคยุโรปและอเมริกา แต่อุตสาหกรรมไมซ์ของไทยกลับได้รับความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่และเติบโตสวนกระแส โดยจากผลการดำเนินงานในรอบปีงบประมาณ 2555 ของทีเส็บเป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จของอุตสาหกรรมไมซ์ไทยเป็นอย่างดี โดยในปีนี้ทีเส็บสามารถผลักดันอุตสาหกรรมไมซ์เติบโตกว่าเป้าหมายจากเดิมที่ตั้งเป้านักเดินทางกลุ่มไมซ์ไว้จำนวน 750,000 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 คิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 895,224 คน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเข้าสู่ประเทศไทยเป็นจำนวน 79,770 ล้านบาท”
มูลค่าของอุตสาหกรรมไมซ์มีสัดส่วนต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวคิดเป็นจำนวนร้อยละ 9.49 และคิดเป็นสัดส่วนมูลค่าต่อ GDP ร้อยละ 0.58 อุตสาหกรรมการประชุมนานาชาติ (Conventions) ครองสัดส่วนมูลค่าสูงที่สุดถึงร้อยละ 33 สำหรับอุตสาหกรรมการประชุมองค์กร และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลมีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน คือร้อยละ 25 และร้อยละ 24 ตามลำดับ และตามด้วยอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ ร้อยละ 18
“ในรอบปีงบประมาณ 2555 มีจำนวนการจัดงานไมซ์ในประเทศไทยทั้งสิ้น 7,382 งาน เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2554 คิดเป็นร้อยละ 6.84 แต่กลับมีจำนวนนักเดินทางกลุ่มไมซ์เติบโตกว่าเป้าหมายถึงร้อยละ 19 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของทีเส็บในการดึงงานไมซ์ขนาดใหญ่ หรือ “เมกะอีเวนต์” ให้เข้ามาจัดในประเทศไทย โดยมีอัตราเฉลี่ยการพำนักในประเทศไทยของนักเดินทางกลุ่มไมซ์ชาวต่างชาติเฉลี่ย 5.54 วัน และมีอัตราค่าใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 16,084.13 บาทต่อคนต่อวัน” นายธงชัยกล่าวเสริม
ทั้งนี้ ในรอบปีงบประมาณ 2555 นักเดินทางกลุ่มไมซ์จากภูมิภาคเอเชียถือได้ว่ามีความสำคัญต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศไทยเป็นอย่างสูง โดยครองสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 65 ของนักเดินทางกลุ่มไมซ์ทั้งหมด โดยสถิตินักเดินทางกลุ่มไมซ์จำแนกรายประเทศสูงสุด 10 อันดับแรกเป็นนักเดินทางกลุ่มไมซ์จากประเทศในกลุ่มภูมิภาคเอเชียทั้งหมด โดยมีประเทศอินเดีย จีน เกาหลีใต้ มาเลเซีย ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และฮ่องกง ตามลำดับ
“สำหรับทิศทางการดำเนินงานของทีเส็บในปี 2556 จะยังคงมุ่งเน้นการรักษาตลาดเดิมและขยายตลาดเป้าหมายเป็นหลัก โดยจะเน้นการทำการตลาดไมซ์ในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน และอาเซียน+6 เป็นหลัก ซึ่งยังคงเป็นตลาดหลักที่มีศักยภาพสูงอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ ในปี 2556 ทีเส็บยังได้ยกเครื่องปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของทีเส็บ (Rebrand)
สู่แนวทางผู้พัฒนาธุรกิจการจัดประชุมและงานแสดงสินค้าไทย หรือ Growth Driver โดยไม่เพียงแต่จะปรับเปลี่ยนรูปโฉมของอัตลักษณ์ (Logo) ให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น หากแต่ปรับเปลี่ยนไปจนถึงกระบวนทัศน์ในการทำงาน ก้าวสู่บทบาทใหม่ที่จะมุ่งเน้นการเป็นหน่วยงานที่สร้างให้เกิดสิ่งใหม่ สนับสนุนให้เกิดการต่อยอด ผลักดันและพัฒนาให้อุตสาหกรรมไมซ์ของไทยเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและก่อให้เกิดรายได้เข้าสู่ประเทศไทย” นายธงชัยกล่าวเสริม
“ทั้งนี้ แบรนด์ของทีเส็บจะเสร็จสมบูรณ์ในเดือนกุมภาพันธ์ และเราเชื่อมั่นว่าการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ ตลอดจนปรับปรุงกระบวนทัศน์การทำงานในรูปโฉมใหม่ของทีเส็บในครั้งนี้จะสามารถผลักดันให้อุตสาหกรรมไมซ์ไทยโตต่อเนื่องปีละไม่ต่ำกว่า 10% สำหรับเป้าหมายในปี 2556 ทีเส็บคาดว่าจะมีนักเดินทางกลุ่มไมซ์เดินทางเข้ามายังประเทศไทยจำนวน 792,000 คน สร้างรายได้กว่า 63,200 ล้านบาท” นายธงชัยกล่าวทิ้งท้าย
นายธงชัย ศรีดามา กรรมการ ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ กล่าวว่า “ถึงแม้ว่าทั่วโลกจะมีความกังวลต่อวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในภูมิภาคยุโรปและอเมริกา แต่อุตสาหกรรมไมซ์ของไทยกลับได้รับความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่และเติบโตสวนกระแส โดยจากผลการดำเนินงานในรอบปีงบประมาณ 2555 ของทีเส็บเป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จของอุตสาหกรรมไมซ์ไทยเป็นอย่างดี โดยในปีนี้ทีเส็บสามารถผลักดันอุตสาหกรรมไมซ์เติบโตกว่าเป้าหมายจากเดิมที่ตั้งเป้านักเดินทางกลุ่มไมซ์ไว้จำนวน 750,000 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 คิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 895,224 คน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเข้าสู่ประเทศไทยเป็นจำนวน 79,770 ล้านบาท”
มูลค่าของอุตสาหกรรมไมซ์มีสัดส่วนต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวคิดเป็นจำนวนร้อยละ 9.49 และคิดเป็นสัดส่วนมูลค่าต่อ GDP ร้อยละ 0.58 อุตสาหกรรมการประชุมนานาชาติ (Conventions) ครองสัดส่วนมูลค่าสูงที่สุดถึงร้อยละ 33 สำหรับอุตสาหกรรมการประชุมองค์กร และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลมีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน คือร้อยละ 25 และร้อยละ 24 ตามลำดับ และตามด้วยอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ ร้อยละ 18
“ในรอบปีงบประมาณ 2555 มีจำนวนการจัดงานไมซ์ในประเทศไทยทั้งสิ้น 7,382 งาน เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2554 คิดเป็นร้อยละ 6.84 แต่กลับมีจำนวนนักเดินทางกลุ่มไมซ์เติบโตกว่าเป้าหมายถึงร้อยละ 19 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของทีเส็บในการดึงงานไมซ์ขนาดใหญ่ หรือ “เมกะอีเวนต์” ให้เข้ามาจัดในประเทศไทย โดยมีอัตราเฉลี่ยการพำนักในประเทศไทยของนักเดินทางกลุ่มไมซ์ชาวต่างชาติเฉลี่ย 5.54 วัน และมีอัตราค่าใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 16,084.13 บาทต่อคนต่อวัน” นายธงชัยกล่าวเสริม
ทั้งนี้ ในรอบปีงบประมาณ 2555 นักเดินทางกลุ่มไมซ์จากภูมิภาคเอเชียถือได้ว่ามีความสำคัญต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศไทยเป็นอย่างสูง โดยครองสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 65 ของนักเดินทางกลุ่มไมซ์ทั้งหมด โดยสถิตินักเดินทางกลุ่มไมซ์จำแนกรายประเทศสูงสุด 10 อันดับแรกเป็นนักเดินทางกลุ่มไมซ์จากประเทศในกลุ่มภูมิภาคเอเชียทั้งหมด โดยมีประเทศอินเดีย จีน เกาหลีใต้ มาเลเซีย ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และฮ่องกง ตามลำดับ
“สำหรับทิศทางการดำเนินงานของทีเส็บในปี 2556 จะยังคงมุ่งเน้นการรักษาตลาดเดิมและขยายตลาดเป้าหมายเป็นหลัก โดยจะเน้นการทำการตลาดไมซ์ในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน และอาเซียน+6 เป็นหลัก ซึ่งยังคงเป็นตลาดหลักที่มีศักยภาพสูงอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ ในปี 2556 ทีเส็บยังได้ยกเครื่องปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของทีเส็บ (Rebrand)
สู่แนวทางผู้พัฒนาธุรกิจการจัดประชุมและงานแสดงสินค้าไทย หรือ Growth Driver โดยไม่เพียงแต่จะปรับเปลี่ยนรูปโฉมของอัตลักษณ์ (Logo) ให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น หากแต่ปรับเปลี่ยนไปจนถึงกระบวนทัศน์ในการทำงาน ก้าวสู่บทบาทใหม่ที่จะมุ่งเน้นการเป็นหน่วยงานที่สร้างให้เกิดสิ่งใหม่ สนับสนุนให้เกิดการต่อยอด ผลักดันและพัฒนาให้อุตสาหกรรมไมซ์ของไทยเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและก่อให้เกิดรายได้เข้าสู่ประเทศไทย” นายธงชัยกล่าวเสริม
“ทั้งนี้ แบรนด์ของทีเส็บจะเสร็จสมบูรณ์ในเดือนกุมภาพันธ์ และเราเชื่อมั่นว่าการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ ตลอดจนปรับปรุงกระบวนทัศน์การทำงานในรูปโฉมใหม่ของทีเส็บในครั้งนี้จะสามารถผลักดันให้อุตสาหกรรมไมซ์ไทยโตต่อเนื่องปีละไม่ต่ำกว่า 10% สำหรับเป้าหมายในปี 2556 ทีเส็บคาดว่าจะมีนักเดินทางกลุ่มไมซ์เดินทางเข้ามายังประเทศไทยจำนวน 792,000 คน สร้างรายได้กว่า 63,200 ล้านบาท” นายธงชัยกล่าวทิ้งท้าย