ASTVผู้จัดการรายวัน - อาเซียนเนื้อหอม เป็นตลาดที่ภาคธุรกิจทั่วโลกพร้อมลงทุน โอกาสทองด้านการลงทุนระบบสาธารณูประโภครับเปิดเออีซีไมซ์ระดับโลกแห่จับจองพื้นที่ในไทยเพิ่ม คาดมูลค่างานแสดงสินค้าอาเซียนแตะ 3หมื่นล้านในปี58
นายเดวิด เลวิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบีเอ็ม จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการรายใหญ่ของโลกจากประเทศอังกฤษ เปิดเผยว่า ปัจจุบันกลุ่มประเทศในอาเซียนกำลังเป็นที่จับตามองมากสำหรับนักลงทุนจากทั่วโลกเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อกลุ่มประเทศอาเซียนจะก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปลายปี 2558จะทำให้ขนาดประชากรรวมมีขนาดใหญ่ขึ้นทันทีเป็น 600 กว่าล้านคน ส่งผลให้หลายๆประเทศในกลุ่มนี้จะต้องมีการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ด้านอุตสาหกรรม เป็นต้น เพื่อรองรับการแข่งขันในเออีซีด้วยกันและรองรับการลงทุนที่จะเกิดขึ้นตามมา สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลให้มีความต้องการใช้สินค้าต่างๆ รวมถึงการขยายบริษัทขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก
รวมถึงโอกาสของตลาดไมซ์ หรืองานแสดงนิทรรศการ งานแสดงสินค้า การประชุม และการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการไมซ์ระดับโลกจากต่างประเทศให้ความสำคัญในการเข้ามารุกตลาดอาเซียนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งงานด้านอุตสาหกรรม นวัตกรรม และเทคโนโลยีการผลิต อาหาร เฟอร์นิเจอร์ ยา เป็นต้น ส่งผลให้คาดการณ์ว่าตลาดไมซ์ในอาเซียนจะมีมูลค่าสูงถึง 30,000 ล้านบาท ภายในปี 2558 นี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 22,000 ล้านบาท ซึ่งตลาดไมซ์ในอาเซียนเมื่อรวมตัวกันเป็น AECแล้ว จะมีความสำคัญเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย รองจาก ไมซ์ในจีนที่มีประชากรกว่า 1,300 ล้านคน และอินเดีย 1,200 ล้านคน ตามลำดับ
ส่วนตลาดไมซ์ในไทยนั้น เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงสุดของกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน ทั้งระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ดี มีพื้นที่การจัดงานสูงสุด ที่สำคัญประเทศไทยยังตั้งอยู่ศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ ทำให้ดึงดูดงานแสดงสินค้าระดับโลกเข้ามาจัดในไทยได้อย่างต่อเนื่อง รองลงมาคืออินโดนีเซีย ที่ตลาดไมซ์น่าสนใจและมีบทบาทมากขึ้น เพราะมีฐานประชากรจำนวนมากมองเป็นฐานการลงทุนที่น่าสนใจของนักลงทุนอีกประเทศหนึ่ง เนื่องจากต้นทุนต่างๆค่อนข้างต่ำ
ส่งผลให้ปีนี้ ทางบริษัทเตรียมจัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการในภูมิภาคอาเซียนประมาณ 16 งาน โดยส่วนใหญ่ยังคงจัดในประเทศไทย เช่น งานอินเตอร์แมค 2013, งานซับคอน ประเทศไทย 2013, งานแสดงเทคโนโลยีเครื่องจักรสำหรับงานโลหะแผ่นระดับภูมิภาคเอเชีย เป็นต้น เชื่อว่าในแง่รายได้ทั้งปีแล้ว น่าจะมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องเช่นเดียวกับปีก่อน
สำหรับรายได้ของบริษัทในปี 2555 ที่ผ่านมา พบว่า ในช่วง 9 เดือน มีรายได้จากเอเชียอยู่ที่ 734.6 ล้านปอนด์ โตขึ้น 4% โดยรายได้จากการดำเนินการเพิ่มขึ้น 11.1% คิดเป็นมูลค่า 141.7 ล้านปอนด์ ส่วนกำไรเพิ่มขึ้น 19.3% ทั้งนี้มองว่าทั้งปี2555 จะมีรายได้โต 4-5% และกำไรเพิ่มขึ้น 19.3%
อย่างไรก็ตามสำหรับมูลค่าตลาดไมซ์ในไทยนั้น ทางสสปน.หรือสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า อุตสาหกรรมไมซ์ไทยยังคงโตต่อเนื่องปีละไม่ต่ำกว่า 10% โดยในปี 2556 นี้คาดว่าจะมีนักเดินทางกลุ่มไมซ์เดินทางเข้ามายังประเทศไทยจำนวน 792,000 คน สร้างรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 63,200 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีจำนวนการจัดงานไมซ์ในประเทศไทยทั้งสิ้น 7,382 งาน
นายเดวิด เลวิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบีเอ็ม จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการรายใหญ่ของโลกจากประเทศอังกฤษ เปิดเผยว่า ปัจจุบันกลุ่มประเทศในอาเซียนกำลังเป็นที่จับตามองมากสำหรับนักลงทุนจากทั่วโลกเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อกลุ่มประเทศอาเซียนจะก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปลายปี 2558จะทำให้ขนาดประชากรรวมมีขนาดใหญ่ขึ้นทันทีเป็น 600 กว่าล้านคน ส่งผลให้หลายๆประเทศในกลุ่มนี้จะต้องมีการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ด้านอุตสาหกรรม เป็นต้น เพื่อรองรับการแข่งขันในเออีซีด้วยกันและรองรับการลงทุนที่จะเกิดขึ้นตามมา สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลให้มีความต้องการใช้สินค้าต่างๆ รวมถึงการขยายบริษัทขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก
รวมถึงโอกาสของตลาดไมซ์ หรืองานแสดงนิทรรศการ งานแสดงสินค้า การประชุม และการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการไมซ์ระดับโลกจากต่างประเทศให้ความสำคัญในการเข้ามารุกตลาดอาเซียนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งงานด้านอุตสาหกรรม นวัตกรรม และเทคโนโลยีการผลิต อาหาร เฟอร์นิเจอร์ ยา เป็นต้น ส่งผลให้คาดการณ์ว่าตลาดไมซ์ในอาเซียนจะมีมูลค่าสูงถึง 30,000 ล้านบาท ภายในปี 2558 นี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 22,000 ล้านบาท ซึ่งตลาดไมซ์ในอาเซียนเมื่อรวมตัวกันเป็น AECแล้ว จะมีความสำคัญเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย รองจาก ไมซ์ในจีนที่มีประชากรกว่า 1,300 ล้านคน และอินเดีย 1,200 ล้านคน ตามลำดับ
ส่วนตลาดไมซ์ในไทยนั้น เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงสุดของกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน ทั้งระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ดี มีพื้นที่การจัดงานสูงสุด ที่สำคัญประเทศไทยยังตั้งอยู่ศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ ทำให้ดึงดูดงานแสดงสินค้าระดับโลกเข้ามาจัดในไทยได้อย่างต่อเนื่อง รองลงมาคืออินโดนีเซีย ที่ตลาดไมซ์น่าสนใจและมีบทบาทมากขึ้น เพราะมีฐานประชากรจำนวนมากมองเป็นฐานการลงทุนที่น่าสนใจของนักลงทุนอีกประเทศหนึ่ง เนื่องจากต้นทุนต่างๆค่อนข้างต่ำ
ส่งผลให้ปีนี้ ทางบริษัทเตรียมจัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการในภูมิภาคอาเซียนประมาณ 16 งาน โดยส่วนใหญ่ยังคงจัดในประเทศไทย เช่น งานอินเตอร์แมค 2013, งานซับคอน ประเทศไทย 2013, งานแสดงเทคโนโลยีเครื่องจักรสำหรับงานโลหะแผ่นระดับภูมิภาคเอเชีย เป็นต้น เชื่อว่าในแง่รายได้ทั้งปีแล้ว น่าจะมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องเช่นเดียวกับปีก่อน
สำหรับรายได้ของบริษัทในปี 2555 ที่ผ่านมา พบว่า ในช่วง 9 เดือน มีรายได้จากเอเชียอยู่ที่ 734.6 ล้านปอนด์ โตขึ้น 4% โดยรายได้จากการดำเนินการเพิ่มขึ้น 11.1% คิดเป็นมูลค่า 141.7 ล้านปอนด์ ส่วนกำไรเพิ่มขึ้น 19.3% ทั้งนี้มองว่าทั้งปี2555 จะมีรายได้โต 4-5% และกำไรเพิ่มขึ้น 19.3%
อย่างไรก็ตามสำหรับมูลค่าตลาดไมซ์ในไทยนั้น ทางสสปน.หรือสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า อุตสาหกรรมไมซ์ไทยยังคงโตต่อเนื่องปีละไม่ต่ำกว่า 10% โดยในปี 2556 นี้คาดว่าจะมีนักเดินทางกลุ่มไมซ์เดินทางเข้ามายังประเทศไทยจำนวน 792,000 คน สร้างรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 63,200 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีจำนวนการจัดงานไมซ์ในประเทศไทยทั้งสิ้น 7,382 งาน
