xs
xsm
sm
md
lg

พรีเมียร์ (ห) ลีกหนี “ทรูวิชั่นส์”-“ซีทีเอช” ล้มเกมผูกขาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - ประมวลศึกชิงพรีเมียร์ลีกตลอดปี 55 “ทรูวิชั่นส์” จับมือพันธมิตรทุกรูปแบบ หวังส่งพรีเมียร์ลีกป้อนผู้ชมระดับแมสมากขึ้น แต่วืดพรีเมียร์ลีก เชื่อกระทบฐานสมาชิกพรีเมียม เดินหน้าเพิ่มคอนเทนต์ แพกเกจใหม่เจาะกลุ่มแมส สู้ศึกเคเบิลทีวีปี 56

ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ศึกชิงลิขสิทธิ์การแข่งขันฟุตบอลอังกฤษพรีเมียร์ลีก 3 ฤดูกาล นับตั้งแต่ปี 2556-2558 ถือเป็นประเด็นร้อนตลอดทั้งปีในวงการเคเบิลทีวี ส่งผลให้เจ้าของสิทธิ์ผูกขาดอย่างทรูวิชั่นส์ต้องเดินเกมรุกอย่างต่อเนื่องเพื่อต้องการรักษาฐานสมาชิกเดิมไว้ให้มากที่สุด พร้อมจับมือกับพันธมิตรหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นช่องทางการรับชมพรีเมียร์ลีกที่ขยายสู่กลุ่มผู้ชมระดับล่างมากขึ้นผ่านฟรีทีวี รวมถึงเคเบิลทีวีด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อคงไว้ซึ่งสิทธิ์ที่หวังไว้ว่าจะจับไว้ได้อยู่หมัดอีกครั้ง

แต่สุดท้ายจากที่ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาพรีเมียร์ลีกไว้ในมือ กลับต้องเสียให้ซีทีเอชไปอย่างน่าเจ็บใจ แต่นั่นคงสุดจะเอื้อมมือคว้าไว้แล้วจริงๆ ว่ากันว่าราคาประมูลในครั้งนี้สูงถึง 11,000 ล้านบาท มากกว่าครั้งที่ผ่านมา 3-4 เท่า จากที่ทรูวิชั่นส์เคยซื้อไว้ครั้งก่อนที่ 2,000 ล้านบาท ทรูวิชั่นส์จึงยอมเสียขุมทรัพย์บ่อใหญ่ที่เคยขับเคลื่อนรายได้อย่างที่ผ่านมา เพราะมองแล้วว่าหากได้มาก็ไม่คุ้ม แถมภาระยังจะไปตกอยู่ที่ผู้บริโภคอีกด้วย

ภาระอันน่าหนักใจนี้ตกไปอยู่ในมือของบริษัท ซีทีเอช ประเทศไทย จำกัด ภายใต้การนำทัพของ นายวิชัย ทองแตง ที่เป็นผู้ประมูลลิขสิทธิ์ได้ ถึงแม้จะมีฐานสมาชิกทั่วประเทศกว่า 2.5 ล้านครัวเรือน และประกาศขายแพกเกจรับชมพรีเมียร์ถูกกว่าทรูวิชั่นส์ที่ว่ากันว่าเคาะไว้ที่ 300-400 บาท ไม่รวมค่าสมาชิกแพกเกจเดิม เป็นที่น่าจับตามองว่า 3 ปีที่ได้ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกไปจะบริหารลิขสิทธิ์ครั้งนี้อย่างไรจึงจะมีกำไรหรือไม่ขาดทุน ในสถานการณ์ที่ทรูวิชั่นส์ก็คงไม่ยอมเสียฐานสมาชิกพรีเมียมที่มีกว่า 800,000 สมาชิกไปเด็ดขาด พร้อมเตรียมงัดแผนสู้ศึกปี 56 อย่างเต็มกำลัง
องอาจ ประภากมล
***ทรูวิชั่นส์ทุ่ม 9,000 ล้านสร้างแกร่ง
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา กระแสข่าวว่ามีผู้ที่สนใจเข้าร่วมประมูลลิขสิทธิ์ฟุตบอลอังกฤษพรีเมียร์ลีกในปี 2556-2558 นั้นหนาหูมากขึ้น และแต่ละรายก็ล้วนเป็นผู้นำในธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ทรูวิชั่นส์ แกรมมี่ อาร์เอส และม้ามืดที่คาดไม่ถึงรายสุดท้ายคือ ซีทีเอช หรือบริษัท เคเบิล ไทยโฮลดิ้ง จำกัด (CABLE THAI HOLDING) ส่งผลให้ตลอดทั้งปีที่ผ่านมาทรูวิชั่นส์ต้องมีการปรับแผนรับมืออย่างเต็มกำลังเพื่อป้องกันทั้งศึกชิงพรีเมียร์ลีก และศึกเคเบิลทีวีที่กำลังแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ ทรูวิชั่นส์เริ่มขยับเก้าอี้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยนายองอาจ ประภากมล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสาย Commercial บริษัท ทรู วิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แผนการดำเนินงานในปี 55 ได้ทุ่มงบกว่า 2,000 ล้านบาทเพื่อเปลี่ยนกล่องรับสัญญาณใหม่ให้สมาชิกแพลทินัมแพกเกจ และโกลด์แพกเกจ จำนวน 4 แสนสมาชิกภายในกลางปีนี้ ขณะเดียวกันต่อปียังใช้งบประมาณกว่า 7,000 ล้านบาทสำหรับซื้อคอนเทนต์ใหม่ๆ มานำเสนออย่างต่อเนื่อง โดยในจำนวนดังกล่าวกว่า 2,000 ล้านบาทคือเม็ดเงินที่ใช้ซื้อลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลปัจจุบัน

***เดินเกมป้องพรีเมียร์ลีก
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือน ก.พ.เป็นต้นมากระแสชิงพรีเมียร์ลีกยิ่งรุนแรงขึ้น ซีทีเอช ประกาศตัวชัดเจน หลังได้นายวิชัย ทองแดง และไทยรัฐถือหุ้นสร้างความแข็งแกร่ง รายชื่อผู้เข้าร่วมชิงพรีเมียร์ลีกชัดเจนมากขึ้น รวมแล้วมี 4 ราย คือ แกรมมี่ อาร์เอส ซีทีเอช และทรูวิชั่นส์ ส่งผลให้ทรูวิชั่นส์เดินหน้าลุยทุกรูปแบบเพื่อรักษาพรีเมียร์ลีกไว้ให้ได้

นายองอาจได้กล่าวไว้ก่อนที่ผลประมูลจะออกมาว่า “คอนเทนต์พรีเมียร์ลีกอยู่กับทรูวิชั่นส์มาตลอด ถึงแม้ครั้งนี้จะมีกระแสว่ามีหลายคนสนใจเข้าประมูลลิขสิทธิ์ก็ตาม แต่จากประสบการณ์ และความแข็งแกร่งของทรูวิชั่นส์ที่ผ่านมา บริษัทพร้อมประมูลในรูปแบบรายเดียว แต่มั่นใจว่าพรีเมียร์ลีกจะอยู่กับเราเช่นที่ผ่านมา”

โดยทรูวิชั่นส์ได้งัดกลยุทธ์ 300 บาทมาใช้ในแพกเกจทรูโนวเลจ จากที่ชมได้ 74 ช่อง สมาชิกยังรับชมพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ตามติดเส้นทางลุ้นแชมป์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครบทั้ง 7 แมตช์ไปจนสิ้นฤดูกาลนี้ (พ.ค. 2556) เพียงจ่ายเดือนละ 300 บาท จากราคาปกติ 495 บาท

ที่สำคัญยังได้ทำแพกเกจพิเศษขึ้นมาให้สมาชิกระดับกลางสามารถรับชมพรีเมียร์ลีกผ่าน “ซูเปอร์สปอร์ตส์แพก” ในระบบที่ดีที่สุดอย่างเอชดี สดทุกสัปดาห์ รวม 190 แมตช์ ในราคาเดือนละ 650 บาท จากทรูโนว์เลจแพกเกจ พร้อมจับมือกับทางช่อง 3 เพื่อร่วมกันถ่ายทอดสดการแข่งขันพรีเมียร์ลีกรวมกว่า 17 แมตช์

รวมถึงการจับมือกับพันธมิตรอย่างพีเอสไอในการเปิดตัวกล่อง “พีเอสไอ ทรูทีวี” ขายเพียง 890 บาท โดยนำช่อง Channel 10 ที่นำเสนอรายการไฮไลต์พรีเมียมคอนเทนต์ของทางทรูวิชั่นส์ ทั้งภาพยนตร์, ซีรีส์ และการแข่งขันฟุตบอลดังจากต่างประเทศ และที่สำคัญคือ การแข่งขันพรีเมียร์ลีกมาให้รับชม นอกจากนี้นำคอนเทนต์พรีเมียร์ลีกอังกฤษมานำเสนอในรูปแบบอินเทอร์เน็ตทีวี ในราคา 350 บาทต่อเดือน โดยสามารถรับชมได้ครบ 380 แมตช์
วิชัย ทองแตง
***วืดพรีเมียร์ลีกอย่างสมศักดิ์ศรี

แต่ในท้ายที่สุดแผนการนำพรีเมียร์ลีกให้เข้าถึงกลุ่มผู้ชมทั่วประเทศในครั้งนี้ก็ไม่อาจนำไปสู่เป้าหมายได้ นั่นเพราะทรูวิชั่นส์เดินเกมผิด หรืออ่านใจกรรมการไม่ออก ไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ แม้คำตอบของผู้บริหารระดับสูงของทรูวิชั่นส์จะออกมาให้สัมภาษณ์ว่า

“การที่ทรูวิชั่นส์ไม่ได้สิทธิ์ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลอังกฤษพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลถัดไปนั้น ยอมรับว่าเสียใจที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของสมาชิกได้ แต่ทั้งนี้ถือว่าบริษัททำดีที่สุดแล้ว โดยเฉพาะในส่วนของเม็ดเงินในการประมูลครั้งนี้ ถือว่าสูสีและสมศักดิ์ศรีในการเข้าร่วมประมูลกับผู้ที่ได้สิทธิ์ไป ทั้งนี้ทางบริษัทพร้อมเตรียมแผนรับมือกับสถาณการณ์ที่จะเกิดขึ้น โดยจะมุ่งเฟ้นหาคอนเทนต์รายการดีๆ มีคุณภาพทั้งไทยและเทศมานำเสนอ โดยจะต้องเป็นคอนเทนต์ที่มีมูลค่าเพิ่มที่ได้มากกว่าการรับชมพรีเมียร์ลีกมากกว่าเดิม เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่สมาชิกสูงสุด”

นั่นคือคำยืนยันจาก นายองอาจ ประภากมล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายคอมเมอร์เชียล บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน)

***เพิ่มแพกเกจรับศึกปี 56

แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ได้รับประโยชน์สูงสุดในศึกชิงพรีเมียร์ลีกตลอดทั้งปีนี้ คือ ผู้ชมทั่วประเทศ ที่ได้เข้าถึงแมตช์การแข่งขันพรีเมียร์ลีกมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ปีนี้เรายังได้เห็นทรูวิชั่นส์ในบทบาทของผู้นำเพย์ทีวีที่ลุกขึ้นมาแข่งขันกับเคเบิลทีวีอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน และหลังจากที่รู้ผลว่าไม่ได้ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกครั้งต่อไปแล้ว ทรูวิชั่นส์ย่อมได้รับผลกระทบแน่นอน แต่จะมากหรือน้อยนั้นยังพอมีเวลารับมือไปจนถึงช่วงกลางปีหน้า และจะได้เห็นผลกระทบชัดเจนในช่วง ส.ค. 2556 เป็นต้นไป โดยเฉพาะช่วงเวลาค่ำของวันเสาร์ และอาทิตย์ที่จะมีการถ่ายทอดสดการแข่งขันพรีเมียร์ลีก

ดังนั้น ทางทรูวิชั่นส์จึงต้องมีการปรับแผนรับมือกับสถาณการณ์ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า ล่าสุดได้เตรียมหาคอนเทนต์ใหม่ๆ มานำเสนอ พร้อมปรับแผนและกลยุทธ์ และตัวเลขฐานสมาชิกใหม่หมด เน้นเจาะกลุ่มสมาชิกเป็นเซกเมนต์มากขึ้นทดแทนกลุ่มคอกีฬาที่อาจจะสูญเสียไป เช่น จะมีการเพิ่มแพกเกจใหม่ให้มีความหลากหลาย สำหรับกลุ่มเด็ก/เยาวชน, กลุ่มครอบครัว กลุ่มคอภาพยนตร์ และกีฬา เป็นต้น

และจากเดิมที่ให้ความสำคัญต่อสมาชิกระดับพรีเมียม ปีหน้าจะได้เห็นทรูวิชั่นส์ลงมาชิงพื้นที่ผู้ชมระดับแมสมากยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบันฐานสมาชิกกว่าครึ่งของไทยยังรับชมช่องรายการโทรทัศน์ผ่านเสาก้างปลา และปีหน้าจะเปลี่ยนมารับชมผ่านกล่องรับสัญญาณมากขึ้น ทรูวิชั่นส์เองก็ได้มองเห็นโอกาสในการสร้างรายได้จากตลาดนี้เช่นกัน โดยได้จับมือกับทางพีเอสไอ และสมาคมการค้าผู้ประกอบการเคเบิลทีวี (COA) เพื่อหวังเข้าถึงฐานผู้ชมกลุ่มดังกล่าวให้มากที่สุด จากฐานสมาชิกในสิ้นปีนี้ที่ทรูวิชั่นส์คาดการณ์ไว้ว่าจะมีอยู่ไม่ต่ำกว่า 2-2.2 ล้านสมาชิก แบ่งเป็น ระดับพรีเมียม จากแพลทินัมแพกเกจ และโกลด์แพกเกจ 8 แสนสมาชิก และที่เหลือมาจากทรูโนว์เลจ แพกเกจ และกล่องทรูวิชั่นส์แบบขายขาด
กำลังโหลดความคิดเห็น