ASTVผู้จัดการรายวัน - พีทีที โกลบอลฯ คงเป้างบลงทุน 5 ปี (2556-2560) อยู่ที่ 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.35 แสนล้านบาท โดยปีหน้าควักเงินลงทุน 1-1.5 พันล้านเหรียญลุยโครงการใหม่และโครงการต่อเนื่อง แย้มจ่อลงทุนโครงการดาวน์สตรีม 2 โครงการในมาเลย์ คาดปีหน้ารายได้โตไม่เกิน 10% เหตุแนวโน้มราคาปิโตรเคมียังไม่ดี
นายปฏิภาณ สุคนธมาน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งงบการลงทุน 5 ปีข้างหน้า (2556-2560) ไว้ที่ 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.35 แสนล้านบาทไม่เปลี่ยนแปลง โดยปีหน้ามีงบลงทุน 1-1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 3.0-4.5 หมื่นล้านบาท ใช้ลงทุนโครงการต่อเนื่อง โครงการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย First Quartile การขยายธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ และเคมีภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดแล้ม รวมถึงการลงทุนในต่างประเทศ
โดยผลการดำเนินงานในปี 2556 บริษัทฯ คาดว่ารายได้เติบโตไม่เกิน 10% จากปีนี้ เนื่องจากมีกำลังการผลิตเพิ่มแค่ 3% ขณะที่แนวโน้มราคาโอเลฟินส์ในปีหน้าน่าจะดีกว่าปีนี้ที่น่าจะเป็นปีต่ำสุดของธุรกิจปิโตรเคมีแล้วหลังถูกกดดันจากปัญหาเศรษฐกิจยุโรป และสหรัฐฯ และกระแสการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีน ทำให้ส่วนต่างราคาเม็ดพลาสติก HDPE กับแนฟทา (สเปรด) เฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ 430 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากปี 2554 สเปรดอยู่ที่ 490 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่ค่าการกลั่นน้ำมันที่สิงคโปร์ (GRM) อยู่ที่ 7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล คาดว่าปีหน้าจะใกล้เคียงปีนี้
สำหรับราคาสารอะโรเมติกส์ในปีหน้าใกล้เคียงปีนี้ โดยส่วนต่างราคาพาราไซลีนกับวัตถุดิบในปีหน้าเฉลี่ยที่ 530 เหรียญสหรัฐ/ตัน ดังนั้นในปีหน้าหากราคาโอเลฟินส์ดีขึ้นจะเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้ผลประกอบการบริษัทฯ โตกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
นายปฏิภาณกล่าวถึงความคืบหน้าการลงทุนในต่างประเทศว่า บริษัทฯ ได้ศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนผลิตเคมีภัณฑ์เกรดพิเศษภายใต้โครงการ Petronas Rapid Project ในประเทศมาเลเซียว่า บริษัทฯ จะลงทุนโครงการปิโตรเคมีขั้นปลาย (ดาวน์สตรีม) 2 โครงการ หนึ่งในนั้นคือ โครงการผลิตโพลีออล ซึ่งเป็นโครงการต่อยอดโครงการผลิตโพลีคาร์บอเนต และโพลียูรีเทน ซึ่งบริษัทฯ เป็นผู้ถือหุ้นใน VENCOREX ซึ่งเป็นผู้ผลิตและเจ้าของเทคโนโลยีการผลิตไอโซไซยาเนส (Isocyanates) ที่ใช้ในการผลิตโพลียูรีเทน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้บันทึกความเข้าใจเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายการลงทุนโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ครบวงจรร่วมกับเปอร์ตามินา ประเทศอินโดนีเซีย คาดว่าจะมีความชัดเจนในกลางปี 2556 โดยอินโดนีเซียเป็นตลาดที่มีศักยภาพดี เพราะต้องนำเข้าปิโตรเคมีสูงถึง 50% ของความต้องการใช้ทั้งหมด
นายปฏิภาณกล่าวถึงกรณีที่ ปตท.เสนอโครงการลงทุนโรงกลั่นและปิโตรเคมีครบวงจร ประเทศเวียดนาม มูลค่า 2.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 8.6 แสนล้านบาทว่า บริษัทฯ มองว่าเป็นโอกาสในการขยายการลงทุนไปยังเวียดนาม แต่ยังไม่ได้มีการพิจารณารายละเอียดเรื่องนี้ คงต้องรอให้รัฐบาลเวียดนามให้ความเห็นชอบโครงการดังกล่าวเสียก่อน หลังจากนั้นค่อยหารือร่วมกัน
พีทีที โกลบอลฯ มีกำลังการผลิตรวม 8.4 ล้านตันต่อปี ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในสายอะโรเมติกส์ โอเลฟินส์ และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ รวมถึงเคมีภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ไบโอพลาสติก เคมีภัณฑ์สำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพอนามัย โดยมีสัดส่วนการตลาดโดยรวมแบ่งเป็นตลาดภายในประเทศ 62% และตลาดส่งออก 38%