ยูนิลีเวอร์ชี้ 3 ปัจจัยท้าทายลุยธุรกิจอุปโภคบริโภคปีหน้า “เศรษฐกิจโลก-เทคโนโลยี-ภัยธรรมชาติ” ชูกุญแจแห่งความสำเร็จ ความเข้าใจ คิดบวก มองวิกฤตเป็นโอกาส ควักเซกเมนเตชันสร้างตลาดบิวตี้ไทย ยิ้มรับรากหญ้ากำลังซื้อเพิ่มขึ้น จากค่าแรงปรับ 300 บาท ฉลองรายได้ 4 หมื่นล้านบาทตามเป้า ผุดแม็กนั่ม คาเฟ่
นางวรรณิภา ภักดีบุตร รองประธานกรรมการบริหารด้านการตลาดผลิตภัณฑ์ความงาม บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยถึงความท้าทายการดำเนินธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคในปีหน้าว่า ความไม่แน่นอนในการทำธุรกิจมีสูงขึ้นทุกปี โดยมาจาก 3 ปัจจัยด้วยกัน คือ 1. เทรนด์ของเทคโนโลยีที่ปรับเปลี่ยนและพัฒนาใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง 2. แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผกผันตามเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจจากทางยุโรป อเมริกา
และจีน หรือกระทั่งการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558 ทำให้การประเมินสถานการณ์ทำได้ยากมากขึ้น
3. การเกิดภัยธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ อย่างประเทศไทย ในปี 2554 เกิดวิกฤตน้ำท่วมครั้งใหญ่ในช่วงปลายปี ดังนั้นยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจของบริษัทยูนิลีเวอร์ภายใต้สถานการณ์ที่ท้าทาย สิ่งที่ทำได้คือ ต้องมีความเข้าใจทั้งปัจจัยภายนอกและภายใน รวมทั้งกำลังการซื้อของผู้บริโภค อย่างปรับค่าแรงขึ้น 300บาทนับว่าเป็นปัจจัยบวก ส่งผลให้กลุ่มรากหญ้า หรือประชากรส่วนใหญ่ของประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ในทางกลับกันต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้นบริษัทจะต้องเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และทำให้สินค้ามีคุณภาพดีขึ้นตามค่าแรงที่เพิ่มขึ้น
“วิธีการทำงานของเราถูกสอนมาว่าต้องคิดบวกเสมอ ทำให้เรามองท่ามกลางที่เกิดวิกฤตก็เป็นโอกาส ในสภาพที่เลวร้าย การดำเนินธุรกิจของบริษัทต้องเติบโตและต้องทำให้ดีที่สุด สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทก็ทำได้ตามเป้าหมาย คือราว 4 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 80 ปีสำหรับการดำเนินธุรกิจยูนิลีเวอร์ในประเทศไทย ขณะที่ผลประกอบการทั่วโลก 5 หมื่นล้านยูโร”
สภาพตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคไทย การดำเนินกลยุทธ์การตลาดต้องเซกเมนเตชันมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดเพอร์ซันนัลแคร์ หรือผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล เพื่อสร้างตลาดให้มีการเติบโตเพิ่มขึ้น อย่างล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวแบรนด์โทนี่แอนด์กาย เพื่อผลักดันให้การมีสินค้าครบทุกพอร์ตโฟลิโอและครอบคลุมทุกเซกเมนต์ โดยเฉพาะตลาดผลิตภัณฑ์ความงามของประเทศไทยถือว่าเป็นตลาดใหญ่และผู้บริโภคไทยต้องการสินค้าที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะเจาะจงและซับซ้อนมากกว่าหลายๆ ประเทศ
สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดกลุ่มไอศกรีมแม็กนั่ม ได้เตรียมเปิดตัวแม็กนั่ม คาเฟ่ ขึ้นที่สยามพารากอน ในวันที่ 9 มกราคม 56 โดยจะเป็นช่องทางการจำหน่ายไอศกรีมระดับพรีเมียมอีกช่องทางหนึ่ง จากปกติจะจำหน่ายตามตู้ไอศกรีมวอลล์ หลังจากประสบความสำเร็จในช่วง 4 สัปดาห์มียอดขาย 10 ล้านแท่ง จากปกติยอดขาย 5 ล้านแท่งต่อปีเท่านั้นในช่วงเปิดตัว
นางวรรณิภา ภักดีบุตร รองประธานกรรมการบริหารด้านการตลาดผลิตภัณฑ์ความงาม บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยถึงความท้าทายการดำเนินธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคในปีหน้าว่า ความไม่แน่นอนในการทำธุรกิจมีสูงขึ้นทุกปี โดยมาจาก 3 ปัจจัยด้วยกัน คือ 1. เทรนด์ของเทคโนโลยีที่ปรับเปลี่ยนและพัฒนาใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง 2. แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผกผันตามเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจจากทางยุโรป อเมริกา
และจีน หรือกระทั่งการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558 ทำให้การประเมินสถานการณ์ทำได้ยากมากขึ้น
3. การเกิดภัยธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ อย่างประเทศไทย ในปี 2554 เกิดวิกฤตน้ำท่วมครั้งใหญ่ในช่วงปลายปี ดังนั้นยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจของบริษัทยูนิลีเวอร์ภายใต้สถานการณ์ที่ท้าทาย สิ่งที่ทำได้คือ ต้องมีความเข้าใจทั้งปัจจัยภายนอกและภายใน รวมทั้งกำลังการซื้อของผู้บริโภค อย่างปรับค่าแรงขึ้น 300บาทนับว่าเป็นปัจจัยบวก ส่งผลให้กลุ่มรากหญ้า หรือประชากรส่วนใหญ่ของประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ในทางกลับกันต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้นบริษัทจะต้องเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และทำให้สินค้ามีคุณภาพดีขึ้นตามค่าแรงที่เพิ่มขึ้น
“วิธีการทำงานของเราถูกสอนมาว่าต้องคิดบวกเสมอ ทำให้เรามองท่ามกลางที่เกิดวิกฤตก็เป็นโอกาส ในสภาพที่เลวร้าย การดำเนินธุรกิจของบริษัทต้องเติบโตและต้องทำให้ดีที่สุด สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทก็ทำได้ตามเป้าหมาย คือราว 4 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 80 ปีสำหรับการดำเนินธุรกิจยูนิลีเวอร์ในประเทศไทย ขณะที่ผลประกอบการทั่วโลก 5 หมื่นล้านยูโร”
สภาพตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคไทย การดำเนินกลยุทธ์การตลาดต้องเซกเมนเตชันมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดเพอร์ซันนัลแคร์ หรือผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล เพื่อสร้างตลาดให้มีการเติบโตเพิ่มขึ้น อย่างล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวแบรนด์โทนี่แอนด์กาย เพื่อผลักดันให้การมีสินค้าครบทุกพอร์ตโฟลิโอและครอบคลุมทุกเซกเมนต์ โดยเฉพาะตลาดผลิตภัณฑ์ความงามของประเทศไทยถือว่าเป็นตลาดใหญ่และผู้บริโภคไทยต้องการสินค้าที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะเจาะจงและซับซ้อนมากกว่าหลายๆ ประเทศ
สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดกลุ่มไอศกรีมแม็กนั่ม ได้เตรียมเปิดตัวแม็กนั่ม คาเฟ่ ขึ้นที่สยามพารากอน ในวันที่ 9 มกราคม 56 โดยจะเป็นช่องทางการจำหน่ายไอศกรีมระดับพรีเมียมอีกช่องทางหนึ่ง จากปกติจะจำหน่ายตามตู้ไอศกรีมวอลล์ หลังจากประสบความสำเร็จในช่วง 4 สัปดาห์มียอดขาย 10 ล้านแท่ง จากปกติยอดขาย 5 ล้านแท่งต่อปีเท่านั้นในช่วงเปิดตัว