xs
xsm
sm
md
lg

ค้าปลีกเกาะ 3จี หวังขายทะลุ 8 หมื่นล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลังจาก 3จีฉลุย ธุรกิจคึกคัก ค้าปลีกโหนกระแส 3จี หวังดันธุรกรรมออนไลน์เฟื่องทะลุ 8 หมื่นล้านบาท เร่งพัฒนาแอปพลิเคชันพร้อมปรับระบบไอทีรองรับ หวังเป็นอีกช่องทางทำเงินในโลกไซเบอร์
หลังจากที่ศาลปกครองมีคำสั่งไม่รับฟ้องและไม่คุ้มครองชั่วคราวกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งเป็นผู้ฟ้องคดี กับสำนักงานคณะกรรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ซึ่งเป็นผู้ถูกฟ้องคดีเรื่อง 3จี ไปแล้ว ทำให้ความหวังของระบบ 3จีของไทยที่จะเกิดขึ้นมีมากขึ้น และคาดกันว่าอย่างช้าที่สุดก็น่าจะเป็นปีหน้าที่จะมีโอกาสใช้ 3จีกันได้แล้ว 3จีจะกลายเป็นอีกอาวุธหนึ่งของกลุ่มธุรกิจที่จะนำมาใช้ประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น แม้แต่ธุรกิจค้าปลีกก็ยังคงเกาะติดกระแส 3จีเช่นกันเพื่อหวังนำมาต่อยอดในการรุกกลยุทธ์ออนไลน์มาร์เกตติ้ง ซึ่งว่ากันว่าตลาดค้าปลีกออนไลน์ในไทยมีมูลค่ามากถึง 80,000 ล้านบาท

นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านเซเว่นอีเลฟเว่น กล่าวถึงการทำตลาดกับระบบ 3จีว่า การเกิดขึ้นของ 3จีซึ่งคาดว่าในปีหน้าคงจะสามารถเริ่มใช้ได้บ้าง คาดว่าจะทำให้เกิดธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น และจะเป็นผลที่ทำให้เข้ามาแทนที่ระบบการค้าในปัจจุบันมากขึ้น แต่คงยังไม่หมดไปทีเดียว

ทั้งนี้ บริษัทได้วางกลยุทธ์จากนี้ไปภายใต้แนวคิด “วันสตอปเซอร์วิส” เพื่อรองรับในอีก 3 ปีข้างหน้าที่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีจะเกิดขึ้นด้วย ทำให้ 3จียิ่งมีความสำคัญมากขึ้นด้วย พร้อมๆ กับระบบค้าปลีกแบบอีคอมเมิร์ซที่สอดรับกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่จับจ่ายซื้อสินค้าบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมากขึ้น

เซเว่นฯ เองได้เตรียมการพัฒนาระบบบริการทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นระบบการจัดหาและกระจายสินค้า (ซัปพลายเชน) การให้บริการสั่งซื้อและชำระสินค้าบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ระบบการจัดส่ง การมารับสินค้า การนำรายการสินค้าต่างๆ บนเซเว่นแค็ตตาล็อกมาเชื่อมกับระบบการค้าออนไลน์ ตัวเลขผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของไทยในปัจจุบันนี้คาดว่ามีประมาณ 75 ล้านเลขหมาย คอมพิวเตอร์ 21 ล้านคน อินเทอร์เน็ต 16 ล้านคน เฟซบุ๊ก 16 ล้านคน และสมาร์ทโฟน 3-4 ล้านราย

ขณะที่ทางท็อปส์ก็เคลื่อนไหวเช่นกัน นายอลิสเตอร์ เทย์เลอร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหารร้านค้าปลีกท็อปส์ ซูเปอร์, ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ เดลี่ และเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ กล่าวว่า ทางกลุ่มเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล ได้เปิดตัวแอปพลิเคชันท็อปส์ เนื่องจากว่าบริษัทเห็นความสำคัญของช่องทางขายผ่านออนไลน์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาและมีแนวโน้มมากขึ้นเมื่อเกิด 3จีด้วย โดยเฉพาะในปี 2554 ที่ผ่านมา จากตัวเลขของทางนีลเส็นพบว่ามีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง คนไทยเข้าถึงการใช้อินเทอร์เน็ต 24% แบ่งเป็นการใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์ 32% และสมาร์ทโฟน 66% โดยมองว่าช่องทางดังกล่าวจะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าหาก 3จีถูกพัฒนาและเปิดใช้บริการได้เมื่อไรก็จะยิ่งเป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์เติบโตมากขึ้นไปด้วย

ปีนี้ท็อปส์เองก็จะให้ความสำคัญต่อช่องทางออนไลน์มากขึ้น ภายใต้กลยุทธ์ “Customer Interactive Marketing” ประกอบด้วย 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ Tops Shop Online, Tops Mobile Application และ Tops Thailand : Facebook fanpage เชื่อว่าช่องทางนี้จะมียอดขายต่อเดือนเพิ่มเป็น 2-2.5 ล้านบาทได้ภายในสิ้นปี 2556 จากปัจจุบันมียอดขายต่อเดือนที่ 8 แสนบาท โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้จากส่วนออนไลน์ไว้ที่ 3-5% ของยอดรายได้รวมท็อปส์ให้ได้ในอนาคต

ดร.สรินทิพย์ สถิตย์เสถียร รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บิ๊กซีได้ทำการเปิดตัวแอปพลิเคชันใหม่เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าออนไลน์อายุ 25-45 ปี จากเดิมที่มีการขายผ่านทางเว็บไซต์อยู่แล้ว ภายใต้แนวคิด “โหลด-สแกน-ชอป-ส่งฟรี ทุกเรื่องชอป เป็นเรื่องง่าย” ซึ่งมีสินค้ากว่า 10,000 รายการให้เลือกซื้อ

นายกุฎาธาร นาควิโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายองค์การสัมพันธ์ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ช่วง 3 ไตรมาสแรกปีนี้พบว่าบิ๊กซีมียอดขายที่ผ่านทางออนไลน์เติบโตขึ้นมากกว่า 410% ดังนั้นจึงมั่นใจว่าภายหลังจากที่บิ๊กซีได้เปิดตัวบริการแอปพลิเคชันชอปปิ้งบนมือถือแล้วจะยิ่งทำให้ยอดขายออนไลน์เติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะเมื่อระบบ 3จีถูกนำมาใช้จริงยิ่งจะทำให้ช่องทางขายผ่านออนไลน์มีความสำคัญมากขึ้นตามไปด้วย

นายทศ จิราธิวัฒน์ กรามการผู้จัดการใหญ่กลุ่มค้าปลีก บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือซีอาร์ซี กล่าวว่า ได้ร่วมมือกับบริษัท ออฟฟิศเมท จำกัด (มหาชน) ในลักษณะของโอน 2 ธุรกิจ คือ บีทูเอส และออฟฟิศดีโป ของเซ็นทรัล โดยให้ออฟฟิศเมทซึ่งเป็นผู้นำตลาดค้าปลีกออนไลน์ดูแล ผ่านการควบรวมกิจการเข้าด้วยกันของทั้ง 2 กลุ่ม โดยสัดส่วนการถือครองหุ้นกว่า 75% เป็นของกลุ่มจิราธิวัฒน์ และอีก 25% เป็นของบริษัทออฟฟิศเมท ซึ่งในอนาคตจะนำกลุ่มธุรกิจอื่นๆ เข้ามาสู่ช่องทางขายออนไลน์มากยิ่งขึ้นภายใต้การเกิดขึ้นของระบบ 3จี

นายวรวุฒิ อุ่นใจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ออฟฟิศเมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดค้าปลีกออนไลน์ต่อปีเติบโต 20% และยังไม่มีใครเป็นเจ้าตลาดอย่างแท้จริง แต่ภายหลังจากการประมูล 3จีเสร็จสิ้นลงไปจนถึงการวางระบบแล้วเรียบร้อย หรืออย่างเร็วคือภายในปลายปีหน้านั้น มองว่าตลาดค้าปลีกออนไลน์จะมีอัตราการเติบโตได้มากกว่า 30% โดยเฉพาะในช่องทางโมบายล์แอปพลิเคชันคาดว่าจะมีขึ้นมากมายและเป็นทางเลือกในการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่น่าสนใจในอนาคตต่อไป

นายวรพันธ์ โลกิตสถาพร นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดหนังสือโดยรวมมียอดขายที่มาจากออนไลน์อยู่ที่ 10% แต่ภายหลังจากการประมูล 3จีเสร็จสิ้นลงและถูกนำมาใช้จริง ช่องทางขายผ่านออนไลน์จะมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น หรือภายในปีหน้ามองว่าจะมีสัดส่วนได้ถึง 15% ส่วนสำคัญมาจากหลายๆ สำนักพิมพ์และกลุ่มร้านตัวแทนจำหน่ายมีการพัฒนารูปแบบการขายสู่ระบบออนไลน์มากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นส่วนสำคัญในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ห่างไกลได้
กำลังโหลดความคิดเห็น