xs
xsm
sm
md
lg

เอกชนปรับแผนสู้ค่าแรง เดินหน้าขยายธุรกิจเปิดรับอีกเป็นแสนคน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาคธุรกิจชี้เอกชนต้องปรับตัวเตรียมรับมือค่าแรง 300 บาทปีหน้าให้พร้อม เหตุเป็นต้นทุนสำคัญ แนะปรับกระบวนการผลิต ลดไขมันองค์กร ด้านธุรกิจค้าปลีก-แฟชั่น ไม่หวั่นค่าแรง 300 บาท เดินหน้าขยายธุรกิจรับแรงงานอีกเพียบ ไม่ต่ำกว่าแสนคน

นายอนุรัตน์ โค้วคาสัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ และการตลาด บริษัท ยูเนี่ยนโฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด หรือยูเอฟพี บริษัทผู้ผลิตและส่งออกอาหารทะเลแช่แข็ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งแบรนด์พรานทะเล กล่าวว่า ในปีหน้า 2556 เป็นปีที่นโยบายปรับค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 300 บาทของรัฐบาลจะมีผลบังคับใช้ทั่วประเทศ ดังนั้นภาคเอกชนต้องปรับตัวรองรับให้ดี เพราะเป็นปัจจัยลบที่มีผลกระทบต่อต้นทุนการดำเนินธุรกิจอย่างมาก

เขากล่าวด้วยว่า สิ่งที่เอกชนควรมอง คือ การเตรียมตรวจสอบกระบวนการผลิตใหม่หมดเพื่อลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น การนำเครื่องจักรเข้ามาใช้ทดแทนแรงงานคน การลดขนาดบรรจุภัณฑ์ให้เล็กลงเหมาะกับความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัทเองก็มีประสบการณ์จากการปรับขึ้นค่าแรงให้แก่พนักงาน 300 บาทต่อวันตั้งแต่ปีนี้แล้ว เพราะบริษัทมีโรงงานกระจายอยู่ใน จ.สมุทรสาคร ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นปีที่ทำธุรกิจเหนื่อยมาก อย่างไรก็ตามยังสามารถอยู่รอดมาได้เพราะมีการปรับตัวรองรับไว้อย่างดี อีกทั้งไม่มีการลดจำนวนแรงงานลงด้วยจากที่มีอยู่ 3,800 คน

โดยบริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้น 38% ด้วยการหันมาปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การใช้เครื่องจักรมากขึ้น แต่คงคุณภาพสินค้าเหมือนเดิม ทำให้ในสิ้นปีนี้ บริษัทในเครือยังคงมีรายได้รวมประมาณ 9,000 ล้านบาท เติบโต 10% ตามเป้าหมายที่วางไว้เช่นเดิม

อย่างไรก็ตาม ในปี 2556 คาดว่ารายได้ของบริษัทฯ จะเติบโต 10% อีกทั้งจากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและได้ลดภาษีนิติบุคคลในปีหน้า จะทำให้อัตราผลกำไรระยะยาวเติบโตขึ้นด้วย ซึ่งบริษัทคาดว่าปีหน้าผลกำไรจะเติบโต 4% ส่วนในปีนี้กำไรเติบโตแค่ 2% เท่านั้นเอง

นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอาง สินค้า แฟชั่น เครื่องแต่งกายสุภาพบุรุษมากกว่า 100 แบรนด์ในเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า เนื่องจากในปีหน้าบริษัทฯ จะมีการขยายธุรกิจจำนวนมาก ส่งผลให้มีความต้องการพนักงานเพิ่มตามไปด้วย ปีหน้าจึงมีแผนที่จะรับพนักงานใหม่หลายร้อยคนจากปัจจุบันมีพนักงานในเครือรวม 7,000 คน แต่บริษัทก็ไม่มีความกังวลใดๆ เกี่ยวกับผลกระทบของนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ เพราะบริษัทได้ทำการปรับค่าแรงขั้นต่ำให้แก่พนักงานไปแล้วตั้งแต่ปีนี้ ซึ่งยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อต้นทุนของบริษัทพอสมควร เพราะทำให้บริษัทฯมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนเพิ่มขึ้นหลายสิบล้านบาท แต่ได้พยายามลดต้นทุนในองค์กร และไม่ได้ลดแรงงานที่มีอยู่แต่อย่างใด

นายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า ในปี 2556 ประเมินกันว่า ภาคธุรกิจค้าปลีกจะมีความต้องการรับพนักงานใหม่เพิ่มมากกว่า 100,000 คน เพื่อรองรับกับการขยายธุรกิจและการเปิดสาขาใหม่จำนวนมาก จากปัจจุบันภาคธุรกิจค้าปลีกมีจำนวนแรงงานทั้งหมดกว่า 6.1 ล้านคน ซึ่งถือว่าเป็นภาคอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานคนมากที่สุดของประเทศ

นอกจากนั้นแล้วแม้ว่าปีหน้าจะมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ แต่ภาคธุรกิจค้าปลีกส่วนใหญ่แล้วก็ยังไม่มีแผนที่จะปรับลดจำนวนพนักงานลง เพราะปัจจุบันค่าแรงของภาคค้าปลีก ส่วนใหญ่จะเกิน 300 บาทต่อวันอยู่แล้ว ซึ่งได้มีการรวมค่าสวัสดิการและค่าโอทีต่างๆ ประกอบกับภาคเอกชน มีต้นทุนธุรกิจที่ลดลง จากการลดภาษีนิติบุคคล เหลือ 20% ในปีหน้าด้วย

ส่วนการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 เชื่อมั่นว่าแรงงานในธุรกิจค้าปลีกจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะกฎหมายไม่ได้อนุญาติให้แรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานในธุรกิจนี้ ยกเว้นกลุ่มแม่บ้าน และ รปภ.ที่อนุญาตให้ใช้แรงงานต่างชาติได้ แต่ต้องขออนุญาตจากหน่วยงานภาครัฐก่อน

สำหรับภาพรวมธุรกิจค้าปลีกในปี 2556 คาดว่าทั้งอุตสาหกรรมจะมีการเติบโตประมาณ 8-9% ตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศ และผลจากการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาททั่วประเทศ ทำให้ลูกค้ามีกำลังซื้อมากขึ้น และออกมาใช้จ่ายเพิ่มขึ้น คาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจะอยู่ที่ 5% ซึ่งปกติภาคค้าปลีกจะเติบโตมากกว่าจีดีพี 3-4% ส่วนปี 2555 หรือปีนี้ภาคธุรกิจค้าปลีกเติบโต 10-11% เป็นผลมาจากปีก่อนเกิดน้ำท่วม ทำให้ฐานปีก่อนหน้านี้อยู่ในระดับต่ำ
กำลังโหลดความคิดเห็น