หลังจากนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เจ้าของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลทุจริตเกี่ยวกับค่าโฆษณาและเวลาโฆษณาของช่องโมเดิร์นไนน์ไปแล้ว แต่นายสรยุทธก็ยังคงเดินหน้าจัดรายการทางช่อง 3 อยู่เหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับความผิดดังกล่าว
ขณะที่ช่อง 3 เองก็ออกมาประกาศโดยอ้างว่าเรื่องทั้งหมดยังอยู่ในคดีความและการพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมาย ยังไม่มีความชัดเจน ทุกอย่างต้องรอก่อน การไม่ลงดาบสรยุทธของช่อง 3 เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ไม่ยาก นั่นก็เป็นเพราะลึกๆ แล้วปฏิเสธไม่ได้ว่าสรยุทธกับบริษัท ไร่ส้ม จำกัด แม้จะเป็น “ของร้อน” แต่ช่อง 3 ก็ยังต้องการอุ้มต่อไป เพราะนี่คือบ่อเงินบ่อทองบ่อใหญ่ของช่อง 3 นั่นเอง
คนในวงการสื่อรายหนึ่งให้ความเห็นว่า ต้นทุนการทำรายการของสรยุทธนั้นต่ำมากเมื่อเทียบกับรายการข่าวอื่นๆ เพราะเพียงแค่นั่งอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ของคนอื่น ไม่ค่อยได้มีลงภาคสนามจะมีมากก็ตอนช่วงเหตุการณ์ใหญ่ๆ หรือเมื่อทำไปแล้วจะได้ภาพลักษณ์เท่านั้น ไม่ใช่ทำในเชิงเจาะข่าวแต่อย่างใด เช่น น้ำท่วม หรือการรับนักกีฬาโอลิมปิกที่ได้เหรียญทอง เป็นต้นเท่านั้นเอง
ขณะที่รายการของเขากอบโกยรายได้จากค่าโฆษณาเป็นจำนวนมาก เข้าทำนองต้นทุนต่ำ รายได้สูง เพราะในแต่ละปี ช่อง 3 สามารถสร้างรายได้ผ่านทางสรยุทธมากโข ว่ากันว่าไม่ต่ำกว่า 1,000-1,500 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ที่มาจากสรยุทธ จากรายได้รวมของช่อง 3 ที่มีประมาณ 10,000 กว่าล้านบาท ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มากโขทีเดียว แทบจะคิดเป็นเกือบ 50% ของรายได้รวมที่มาจากโฆษณาของช่องโมเดิร์นไนน์ที่ทำได้ประมาณ 3,000 กว่าล้านบาทด้วยซ้ำไป โดยเงื่อนไขนั้นเป็นแบบไทม์แชริงที่แบ่งสัดส่วนรายได้กันตามตกลง
คิดกันคร่าวๆ จากรายการและเวลาที่มีอยู่ในช่อง 3 ของสรยุทธ ผ่านเวลารายการของบริษัท บีอีซีเทโร บริษัทลูกของช่อง 3 อีกทอด
1. รายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” จันทร์ถึงศุกร์ เวลาออกอากาศ 06.00-09.00 น. ค่าโฆษณาอยู่ที่ 1.8 แสนบาทต่อนาที ซึ่งสูงที่สุดในช่วงข่าวเช้า มีพื้นที่ขายโฆษณา 20 นาที คำนวณแล้วตกวันละ 3.6-4 ล้านบาทต่อวัน หรือเดือนละประมาณ 80 กว่าล้านบาท คิดเป็นปีก็ประมาณ 950-1,000 ล้านบาท
2. รายการ “เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์” เวลา 10.45-12.15 น. ราคาค่าโฆษณา 2.5 แสนบาทต่อนาที มีประมาณ 8 วันใน 1 เดือน เท่ากับ 20 ล้านบาท ตกปีละประมาณ 240 ล้านบาท
3. รายการ “เรื่องเด่นเย็นนี้” จันทร์-ศุกร์ เวลา 16.10-18.00 น. ซึ่งจะมีช่วง เจาะข่าวเด่น ที่เป็นของสรยุทธดำเนินรายการประมาณ 17.45 น. ที่จะมีรายได้อีกส่วนหนึ่ง
นี่คือสิ่งที่สรยุทธสร้างให้กับช่อง 3 อย่างคร่าวๆ น้อยคนนักที่จะรู้ว่าช่อง 3 มีรายการประเภทข่าวประมาณ 20-30% ของผังรายการ แต่สามารถทำรายได้มากถึง 30% ของรายได้ทั้งหมด ขณะที่เทียบกับฟรีทีวีอีกช่องหนึ่งมีเวลารายการประเภทข่าวประมาณ 30% แต่ทำรายได้ประมาณ 20% ของรายได้รวม
“ช่อง 3 อาจจะหงุดหงิดบ้างกับกรณีข่าวทุจริตของบริษัทไร่ส้ม แต่สรยุทธก็เป็นคนทำเงินให้มาก อย่างไรก็ต้องรักษาไว้ ไม่แคร์กับเสียงสังคมภายนอก แม้ว่าช่อง 3 เองจะอยู่ในตลาดหุ้นด้วยก็ตาม แต่ก็อ้างตลอดว่าอยู่ในขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งถ้าจะบอกว่าช่อง 3 เอาถูกใจไว้ก่อนโดยไม่คำนึงความถูกต้องก็ไม่ผิด” แหล่งข่าววงในให้ความเห็น
ถ้าหากมองอดีตแล้ว ช่อง 3 ไม่แคร์อยู่แล้วกับเรื่องใหญ่ๆ ที่ผ่านมา เช่น กรณีการไม่สนใจและไม่ยึดถือเอาเรตติ้งที่ออกโดยบริษัท นีลเส็นมีเดียรีเสิร์ช เพราะไม่เชื่อในผลเรตติ้ง และมั่นใจว่าเรตติ้งของตัวเองต้องสูงกว่าและชัดเจนกว่าที่นีลเส็นทำสำรวจออกมา หรือกรณีที่รายการไทยแลนด์ ก็อตทาแลนต์มีการแพร่ภาพทางช่อง 3 เป็นภาพสาวที่เข้าแข่งขันคนหนึ่งทำการโชว์หน้าอกเปลือยเพนต์สี ซึ่งก็ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก แต่ในช่วงแรกช่อง 3 ก็ปฏิเสธความรับผิดชอบมาตลอด
หากเทียบกับช่อง 7 ที่เป็นพี่ใหญ่ด้านเรตติ้งและเม็ดเงินโฆษณาเหมือนกัน ก็ยังไม่กร้าวเท่านี้ สังเกตจากหลายปีก่อนนี้ช่อง 7 ทะเลาะกับยูนิลีเวอร์ เจ้าแห่งงบโฆษณาในเรื่องส่วนลดค่าโฆษณา ทำให้ลีเวอร์ถอนยวงออกจากช่อง 7 หมด ซึ่งช่อง 7 เองก็สูญเสียค่าโฆษณาไปหลายร้อยล้านบาท แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ตกลงกันได้กลับมาป็นพันธมิตรกันเหมือนดิม เพราะไม่อย่างนั้นก็มีแต่เสียกับเสียทั้งคู่ ทว่าช่อง 3 ไม่เป็นเช่นนั้น
ส่วนการที่ทางภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่นออกมาจี้ให้ผู่บริหารช่อง 3 ตัดสินใจรณีของสรุทธ ด้วนระบบธรรมาภิบาล พร้อมกับให้สินค้าต่างๆ ที่ลงโฆษณาถอนตัวจากรายการของสรยุทธนั้น ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่ช่อง 3 ไม่กังวลเลยด้วยซ้ำไป และซ้ำร้ายกว่านั้นไม่มีทีท่าว่าจะลดอัตราค่าโฆษณา มีแต่แผนที่จะปรับขึ้นค่าโฆษณาด้วยอีกต่างหาก ซึ่งช่อง 3 เองก็มีการขึ้นค่าโฆษณาถี่มากในช่วงรอบปี มากกว่าช่องอื่นอย่างเห็นได้ชัด
แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีกระแสออกมาชัดเจนแล้วว่า 4 สินค้าใหญ่เตรียมถอนโฆษณาออกจากรายการสรยุทธ คือ ปูนซิเมนต์ไทย แบงก์ไทยพาณิชย์ โตโยต้า และโตชิบา แต่ก็ต้องรอถึงปีหน้าให้สัญญาเดิมสิ้นสุดลงก่อนและจะไม่มีการซื้อโฆษณาใหม่ จะถอนทันควันก็ไม่ได้
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธาน ภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น กล่าวว่า การขอความร่วมมือจากสมาชิกภาคีฯ เพื่อให้ถอดโฆษณาช่วงรายการเล่าข่าวของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดานั้น เป็นสิทธิที่สมาชิกภาคีเครือข่ายฯ จะเป็นผู้ตัดสินใจเอง ไม่อยากพูดแทนคนอื่นว่าใครได้ดำเนินการอะไรไปบ้างแล้ว แต่ยืนยันได้ว่าธุรกิจที่อยู่ในภาคีเครือข่ายฯ ไม่สนับสนุนการทุจริต ขอให้ไปดูรายการของเขาเอาเอง แล้วจะรู้ว่ามีใครถอนไม่ถอน ไม่ยาก ถ้าดูแล้วไม่มี ค่อยมาบอกเราดีกว่า
ทั้งนี้ สมาชิกของภาคีฯ ไม่ได้เป็นในนามของตัวสินค้าหรือบริษัทเจ้าของสินค้า เพราะสมาชิกส่วนใหญ่แล้วจะเป็นในนามขององค์กร และหน่วยงานเป็นหลัก
สำหรับสินค้าที่ลงโฆษณาในรายการของสรยุทธที่มีการรวบรวมกันไว้สิ้นสุดเดือนสิงหาคมนั้น เช่น โตโยต้า เนสกาแฟ คอลเกต บางกอกแอร์ ซูกิชิ มาม่า และบีเอสซีของเครือสหพัฒน์ ซูซูกิ ไมโล แมคโดนัลด์ แอคทีเวีย ฟูจิโกะ แอนมัม เอสซีจี หรือปูนซิเมนต์ไทย ดูเม็กซ์ แมจิกคลีน เคเอฟซี เมืองไทยประกันชีวิต แว็กซี่ นิสสัน แว่นท็อปเจริญ ทีโอที สตาร์เวลล์ โอเลย์ เป็นต้น
แหล่งข่าวจากบริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บอกว่า บีอีซี-เทโร มีช่วงเวลาที่ผลิตรายการให้กับทางช่อง 3 โดยเฉพาะรายการข่าวหลายรายการ เช่น เรื่องเล่าเช้านี้ ข่าววันใหม่ โลกยามเช้า และก๊วนข่าวเช้าวันหยุด ซึ่งในช่วงเรื่องเล่าเช้านี้ที่มีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นผู้ดำเนินรายการนั้น
ขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบจากสปอนเซอร์โฆษณาที่มาลงแต่อย่างใด โดยลูกค้าส่วนใหญ่ซื้อโฆษณาไป จนถึงสิ้นปีอยู่แล้ว ดังนั้นหากจะมองถึงผลกระทบ หรือการเปลี่ยนแปลงใดๆนั้น ต้องดูปีหน้าเป็นต้นไป
นางวรรณี รัตนพล ประธานบริหารบริษัท ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจการวางแผน และซื้อสื่อโฆษณา กล่าวแสดงความคิดเห็นถึงกรณีสรยุทธกับคดีไร่ส้มว่า ในแง่ของลูกค้าที่ซื้อโฆษณาขณะนี้ยังไม่เห็นอะไรเปลี่ยนแปลง ลูกค้าก็ยังคงซื้อ ฆษณาไปตามปกติ และจากที่ติดตามข่าวอยู่นั้น ทราบว่าทางช่อง 3 เองก็ยังไม่ได้ตัดสินใจใดๆ กับนายสรยุทธโดยยังมองว่าคดียังไม่สิ้นสุด ดังนั้นจึงยังเปิดโอกาสให้นายสรยุทธดำเนินรายการอยู่
อย่างไรก็ตามใ นฐานะเอเยนซีโฆษณา มองว่าเรื่องนี้ยังไม่มีอะไรชัดเจนว่าในแง่ของมูลค่าเพอร์เซอร์นัลแบรนด์ของนายสรยุทธจะออกมาเป็นเช่นไร จะลดลงหรือไม่ แต่ตราบใดที่นายสรยุทธยังสามารถดึงความสนใจจากผู้ชมได้อยู่ ลูกค้าก็ยังพร้อมซื้อโฆษณาในรายการที่นายสรยุทธดำเนินรายการต่อไป สอดคล้องกับที่คนในวงการอีกรายหนึ่งมองว่า ถ้าสินค้าถอนงบโฆษณาจากรายการของสรยุทธก็คงจะโยกกงบไปลงรายการอื่นในช่อง 3 เหมือนเดิม คงไม่ได้ไปที่ช่องไหน ซึ่งตอนนี้ก็ทราบมาว่ามีหลายสินค้าที่เริ่มคุยกันว่าจะถอดงบโฆษณาจากรายการสรยุทธอีก แต่ก็ต้องรอต้นปีหน้า
ดังนั้น ภายในต้นปีหน้าคงจะมีคำตอบที่ออกมาชัดเจนแล้วว่า สินค้าตัวใดจะถอนหรือไม่ถอนจากรายการของสรยุทธ สุทัศนะจินดา “ของร้อน” ที่ช่อง 3 ต้องการ “อุ้ม” เพื่อรายได้ของตัวเอง