“ชัชชาติ” เต้นสั่ง “พฤณท์” เร่งตรวจสอบกรณี “โอภาส” ผอ.ขสมก. ถูกยื่น ป.ป.ช.สอบทุจริต ยอมรับก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องร้องเรียนกรณีเรียกผลประโยชน์แต่งตั้งโยกย้ายภายใน แต่ยังไม่พบหลักฐาน ยันถ้าพบผิดไม่เอาไว้แน่ ระบุ ขสมก.จะเสนอขอซื้อรถ NGV ใหม่ถ้ายังมีปัญหาไม่โปร่งใสโครงการไปไม่รอดแน่
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า กรณีที่มีการยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบการทุจริตภายในองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) นั้น จะให้ พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะที่กำกับดูแล ขสมก.ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวโดยด่วน ซึ่งยอมรับว่าที่ผ่านมาเคยได้รับการร้องเรียนกรณีเรียกร้องผลประโยชน์จากการแต่งตั้งโยกย้ายผู้อำนวยการภายใน ขสมก. ซึ่งได้มอบหมายให้นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) ขสมก.ตรวจสอบการดำเนินงานโดยยึดความยุติธรรมเป็นหลัก เพราะจะกระทบต่อขวัญกำลังใจของพนักงาน ซึ่งได้รับรายงานว่า การแต่งตั้งตั้งโยกย้ายเป็นไปตามขั้นตอน
ทั้งนี้ ปัญหาการทุจริตหรือไม่โปร่งใสนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่ ขสมก.จะละเลยไม่ได้และต้องไม่ให้เกิดขึ้น เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมเสนอโครงการคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอนุมัติโครงการจัดซื้อจัดซื้อรถยนต์โดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน 3,183 คัน วงเงิน 13,162.2 ล้านบาท หากยังมีเรื่องความไม่โปร่งใส ไม่ว่าโครงการซื้อรถ NGV นี้จะดีแค่ไหน จะเข้ามาช่วยในเรื่องการบริการและแก้ปัญหาขาดทุนให้ ขสมก.ได้ โครงการก็คงเดินหน้าต่อไปไม่ได้
“เรื่องร้องไปที่ ป.ป.ช.ส่วนตัวผมยังไม่ทราบ จะเร่งให้ตรวจสอบว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร แต่ที่เคยมีร้องเรียนเข้ามาเป็นเรื่องเรียกรับเงินการโยกย้ายแต่งตั้งระดับผู้อำนวยการ ผมยืนยันว่าถ้าพบหลักฐานทุจริตผมไม่เอาไว้ 100%” นายชัชชาติกล่าว
สำหรับเรื่องความโปร่งใส, รอบคอบ, ยุติธรรม เป็นนโยบาย 3 ข้อที่นายชัชชาติได้ให้กับหัวหน้าหน่วยงานในวันเข้ารับตำแหน่ง รมว.คมนาคม โดยเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้าย เน้นว่าห้ามซื้อขายตำแหน่งการแต่งตั้งต้องมีความยุติธรรมเลือกคนที่ทำงานจริงๆ ถ้ามีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นกับหน่วยไหนไม่เอาไว้แน่นอนเพราะรับไม่ได้
โดยเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 55 นายพงษ์พิเชษฐ์ สุขจินดาทอง ข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ยื่นหนังสือพร้อมเอกสารหลักฐานถึงประธาน ป.ป.ช.ขอให้ตรวจสอบการทุจริตภายใน ขสมก. ตามที่ได้มีหนังสือร้องเรียนถึงสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการกระทำของนายโอภาส เพชรมุนี ผู้อำนวยการ ขสมก.กับพวก ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีพฤติการณ์เอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนให้ได้รับประโยชน์กับการทำสัญญาจัดซื้อ จัดจ้าง มีการแต่งตั้งพวกพ้องของตัวเองให้ได้รับประโยชน์อันเป็นเหตุที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ
เช่น กรณีจัดซื้อจัดจ้างในการเช่ารถยูโร 80-100 คันกับเอกชนถึง 3 ครั้ง มีการบอกเลิกสัญญาการซ่อมรถจากบริษัท เบนซ์ธนบุรี ทั้งที่เป็นบริษัทที่มีมาตรฐานมาทำสัญญากับบริษัทที่ไม่มีคุณภาพ รวมถึงการขายน้ำมันเครื่องเก่า มีการยกเลิกระเบียบเดิมที่มีการประมูลอย่างถูกต้อง ซึ่งเหตุเกิดในหลายพื้นที่ เช่น เขตการเดินรถที่ 3, 7 เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อหยุดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อองค์กรของรัฐ
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า กรณีที่มีการยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบการทุจริตภายในองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) นั้น จะให้ พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะที่กำกับดูแล ขสมก.ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวโดยด่วน ซึ่งยอมรับว่าที่ผ่านมาเคยได้รับการร้องเรียนกรณีเรียกร้องผลประโยชน์จากการแต่งตั้งโยกย้ายผู้อำนวยการภายใน ขสมก. ซึ่งได้มอบหมายให้นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) ขสมก.ตรวจสอบการดำเนินงานโดยยึดความยุติธรรมเป็นหลัก เพราะจะกระทบต่อขวัญกำลังใจของพนักงาน ซึ่งได้รับรายงานว่า การแต่งตั้งตั้งโยกย้ายเป็นไปตามขั้นตอน
ทั้งนี้ ปัญหาการทุจริตหรือไม่โปร่งใสนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่ ขสมก.จะละเลยไม่ได้และต้องไม่ให้เกิดขึ้น เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมเสนอโครงการคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอนุมัติโครงการจัดซื้อจัดซื้อรถยนต์โดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน 3,183 คัน วงเงิน 13,162.2 ล้านบาท หากยังมีเรื่องความไม่โปร่งใส ไม่ว่าโครงการซื้อรถ NGV นี้จะดีแค่ไหน จะเข้ามาช่วยในเรื่องการบริการและแก้ปัญหาขาดทุนให้ ขสมก.ได้ โครงการก็คงเดินหน้าต่อไปไม่ได้
“เรื่องร้องไปที่ ป.ป.ช.ส่วนตัวผมยังไม่ทราบ จะเร่งให้ตรวจสอบว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร แต่ที่เคยมีร้องเรียนเข้ามาเป็นเรื่องเรียกรับเงินการโยกย้ายแต่งตั้งระดับผู้อำนวยการ ผมยืนยันว่าถ้าพบหลักฐานทุจริตผมไม่เอาไว้ 100%” นายชัชชาติกล่าว
สำหรับเรื่องความโปร่งใส, รอบคอบ, ยุติธรรม เป็นนโยบาย 3 ข้อที่นายชัชชาติได้ให้กับหัวหน้าหน่วยงานในวันเข้ารับตำแหน่ง รมว.คมนาคม โดยเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้าย เน้นว่าห้ามซื้อขายตำแหน่งการแต่งตั้งต้องมีความยุติธรรมเลือกคนที่ทำงานจริงๆ ถ้ามีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นกับหน่วยไหนไม่เอาไว้แน่นอนเพราะรับไม่ได้
โดยเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 55 นายพงษ์พิเชษฐ์ สุขจินดาทอง ข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ยื่นหนังสือพร้อมเอกสารหลักฐานถึงประธาน ป.ป.ช.ขอให้ตรวจสอบการทุจริตภายใน ขสมก. ตามที่ได้มีหนังสือร้องเรียนถึงสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการกระทำของนายโอภาส เพชรมุนี ผู้อำนวยการ ขสมก.กับพวก ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีพฤติการณ์เอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนให้ได้รับประโยชน์กับการทำสัญญาจัดซื้อ จัดจ้าง มีการแต่งตั้งพวกพ้องของตัวเองให้ได้รับประโยชน์อันเป็นเหตุที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ
เช่น กรณีจัดซื้อจัดจ้างในการเช่ารถยูโร 80-100 คันกับเอกชนถึง 3 ครั้ง มีการบอกเลิกสัญญาการซ่อมรถจากบริษัท เบนซ์ธนบุรี ทั้งที่เป็นบริษัทที่มีมาตรฐานมาทำสัญญากับบริษัทที่ไม่มีคุณภาพ รวมถึงการขายน้ำมันเครื่องเก่า มีการยกเลิกระเบียบเดิมที่มีการประมูลอย่างถูกต้อง ซึ่งเหตุเกิดในหลายพื้นที่ เช่น เขตการเดินรถที่ 3, 7 เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อหยุดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อองค์กรของรัฐ