xs
xsm
sm
md
lg

“เพ้ง” เคาะลดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ 50 สตางค์ ตรึงราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สิงห์กระบะเฮลั่น “เพ้ง” นั่งหัวโต๊ะ กบง.เคาะลดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ 50 สตางค์ เพื่อตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกินลิตรละ 30 บาทตามนโยบายของรัฐบาล

มีรายงานข่าวว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) วันนี้ ซึ่งมีนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานฯ มีมติให้ปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของน้ำมันดีเซลลิตรละ 50 สตางค์ จากปัจจุบันเก็บอยู่ที่ลิตรละ 1.20 บาท

ทั้งนี้ เพื่อตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาทตามนโยบายของรัฐบาล หลังจากราคาน้ำมันตลาดโลกพุ่งนำหน้าไปแล้วจนทำให้ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลอยู่ต่ำกว่าลิตรละ 1 บาท

นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน ชี้แจงว่า การลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันดีเซล 50 สตางค์ต่อลิตรวันนี้ (28 พ.ย.) ส่งผลให้การจัดเก็บเงินจากการจำหน่ายน้ำมันดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันฯ ลดจาก 1.20 บาทต่อลิตร เหลือ 70 สตางค์ต่อลิตร โดยราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหน้าสถานีบริการจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนน้ำมันประเภทอื่นๆ ยังคงจัดเก็บในอัตราเดิม

สำหรับการลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในครั้งนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบดูไบเพิ่มขึ้นจาก 103.35 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 109.45 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เบนซิน 95 เพิ่มขึ้นจาก 112 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 121 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และดีเซลเพิ่มขึ้นจาก 120.96 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 125.9 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลให้ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลเหลือประมาณ 1 บาทต่อลิตร ซึ่งหากไม่มีปรับลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ อาจจะทำให้ผู้ค้าต้องปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล

หลังปรับลดการเรียกเก็บเงินจากการจำหน่ายน้ำมันดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันฯ แล้วส่งผลให้มีเงินไหลเข้ากองทุนน้ำมันฯ ลดลงจาก 68 ล้านบาทต่อวัน เหลือประมาณ 41.63 ล้านบาทต่อวัน ขณะที่สถานะกองทุนน้ำมันฯ ปัจจุบันยังติดลบอยู่ประมาณ 18,000 ล้านบาท

ปลัดกระทรวงพลังงานกล่าวว่า ที่ประชุมฯ ยังได้อนุมัติสูตรการคำนวณราคาขายเอทานอลในประเทศ จากเดิมเป็นตลาดเสรีมาเป็นการคำนวณจากราคาเฉลี่ยและปริมาณการใช้ตามประเภทเชื้อเพลิงตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค. 56 เนื่องจากปีหน้ากระทรวงพลังงานมีเป้าหมายการส่งเสริมการใช้เอทานอลเพิ่มมากขึ้นเป็น 2 ล้านลิตรต่อวัน จากปัจจุบันมีการใช้อยู่ที่ 1.4 ล้านลิตรต่อวัน และขอความร่วมมือจากผู้ค้าน้ำมันนำเอทานอลมาผสมในน้ำมันแก๊สโซฮอล์ โดยใช้เอทานอลจากกากน้ำตาล (โมลาส) ในสัดส่วนร้อยละ 62 และมันสำปะหลังร้อยละ 38 เพื่อให้สะท้อนต้นทุนราคาเอทานอลที่แท้จริงของผู้ค้าตามมาตรา 7

โดยการปรับสูตรคำนวณขายราคาเอทานอลใหม่ ทำให้ราคาเอทานอลจะเพิ่มขึ้นประมาณ 25 สตางค์ต่อลิตรมาอยู่ที่ 20.25 บาทต่อลิตร จากในเดือน พ.ย. 55 ที่ราคาเอทานอลตามสูตรเดิมอยู่ที่ 19.95 บาทต่อลิตร ซึ่งคำนวณจากราคาซื้อขายมันสำปะหลังที่ 2.50-2.60 บาทต่อกิโลกรัม และราคาโมลาสเฉลี่ยที่ 3,500 บาทต่อตัน ทั้งนี้จะทดลองใช้สูตรการคำนวณใหม่นี้ก่อนประมาณ 3 เดือน

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังเห็นชอบแผนปฏิบัติการยกเลิกการจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 ในวันที่ 1 ม.ค. 56 โดยได้เตรียมบรรเทาผลกระทบของผู้ค้า ซึ่งกรมธุรกิจพลังงานจะออกหนังสือผ่อนผันปริมาณน้ำมันเบนซิน 91 ที่ยังเหลืออยู่ที่คลังน้ำมันและสถานีบริการน้ำมันระยะเวลา 3 เดือนในการจำหน่ายน้ำมันดังกล่าวให้หมดไป และจะฝึกซ้อมแผนการจัดหาน้ำมันเบนซินพื้นฐาน (จีเบส) ในภาวะฉุกเฉิน และยังเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนหันมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เพิ่มมากขึ้น โดยเพิ่มส่วนต่างระหว่าง E20 กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 จำนวน 3 บาทต่อลิตรเพื่อเป็นการจูงใจ
กำลังโหลดความคิดเห็น