โตชิบาประกาศยกเลิกการผลิตจอแอลซีดีทีวีถาวร โฟกัสแอลอีดีทีวีแทน เหตุมีราคาถูกลง ปีหน้าส่งลุยตลาดอีก 20 รุ่น มั่นใจขึ้นแท่นผู้นำด้วยแชร์ไม่ต่ำกว่า 20% พร้อมปิดรายได้ปี 55/56 ที่ 1,000 ล้านบาท เติบโต 25% จากปีก่อน
นายยูกิฮารุ อาดาชิ ประธานบริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 56บริษัทจะเลิกทำตลาดและเลิกผลิตจอแอลซีดีทีวีโตชิบา โดยเน้นทำตลาดจอแอลอีดีทีวีแทน เพราะมีเทคโนโลยีและการดีไซน์ใหม่ออกมาสู่ตลาดจำนวนมาก และมีราคาถูกลงด้วย รวมทั้งผู้บริโภคสนใจเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น ซึ่งเตรียมเปิดตัวจอแอลอีดีทีวีเข้ามาทำตลาดใหม่ในปีหน้าจำนวน 20 รุ่น ขนาดตั้งแต่ 23-55 นิ้ว ราคาเริ่มต้นที่ 7,940 บาท จนถึงราคาสูงสุดที่ 399,900 บาท ทั้งนี้ ในปัจจุบันโตชิบามีจอแอลอีดีทีวีจำนวน 20 รุ่น และมีจอแอลซีดีทีวีจำนวน 4 รุ่นที่เตรียมเลิกทำตลาดในปีหน้า โดยโรงงานผลิตจอทีวีของโตชิบาจะมีฐานผลิตอยู่ที่อินโดนีเซีย ส่วนในอนาคตบริษัทแม่จากประเทศญี่ปุ่นจะมาสร้างโรงงานผลิตในไทยหรือไม่ต้องติดตามต่อไป สำหรับโรงงานโตชิบาในไทยปัจจุบันกลับมาผลิตได้ตามปกตินานแล้ว
ล่าสุดในไตรมาสสี่นี้พร้อมเปิดตัวสมาร์ทแอลอีดีทีวี รุ่นอาร์ดับบลิว 1 ที ซีรีส์ ที่มีนักออกแบบชื่อดังคือ จาคอบ เจนเซน มาร่วมออกแบบกับทีมโตชิบาดีไซน์ และเป็นทีวีเครื่องแรกที่ออกแบบแทบจะไร้ขอบจอ บางเพียง 1.7 มิลลิเมตร มาใน 2 รุ่น คือ 47 นิ้ว ราคา 54,990 บาท และ 55 นิ้ว ราคา 69,990 บาท เชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ 150-200 เครื่องต่อเดือน ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายว่าในสิ้นปีนี้จะสร้างยอดขายจอแอลอีดีทีวีที่ 60% และจอแอลซีดีทีวี 40% ส่วนในปี 56 จะสร้างยอดขายมาจากจอแอลอีดีทีวีทั้งหมด แตกต่างจากปัจจุบันยอดขายมาจากจอแอลซีดีทีวี 50% และจอแอลอีดีทีวี 50%
ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายว่าในสิ้นปีนี้โตชิบาจะมีส่วนแบ่งการตลาดรวมจอแอลซีดีทีวีที่ 20%อยู่ในอันดับ 3 ของตลาดรวมจอแอลซีดีทีวี เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีส่วนแบ่งการตลาดที่ 7% และอยู่ในอันดับ 4 หรือ 5 ของตลาด ส่วนในครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีส่วนแบ่งการตลาดจอแอลซีดีทีวีที่ 15-16% ตั้งเป้าหมายในอนาคตจะขึ้นเป็นผู้นำในตลาดจอทีวีของไทยต่อไป ส่วนตลาดรวมแอลซีดีทีวีของไทยมีจำนวน 2 ล้านจอ ในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 25% จากปีก่อน ซึ่งตลาดจอทีวีของไทยจะเป็นแอลซีดีทีวี 70% และแอลอีดีทีวี 30% และในปีหน้าคาดว่าตลาดจอแอลอีดีทีวีจะมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 70% และตลาดจอแอลซีดีทีวี 30% ส่วนผู้นำในตลาดจอแอลซีดีทีวีในไทยปัจจุบัน ผู้นำมีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 20% ส่วนอันดับสองของตลาดมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 17-18% และอันดับสามคือ โตชิบา
นายยูกิฮารุกล่าวต่อว่า สำหรับแผนการตลาดของบริษัทในครึ่งปีหลัง (ตามปีงบประมาณ ต.ค. 55-มี.ค. 56) เตรียมงบการตลาดไว้ 250 ล้านบาททำกิจกรรมการตลาดกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า และเปิดตัวเครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นใหม่ออกมาสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ส่วนงบการตลาดของบริษัททั้งปีอยู่ที่ 500 ล้านบาท และเป็นงบทำตลาดจอแอลซีดีทีวีประมาณ 150 ล้านบาท ทั้งนี้ มั่นใจว่าในสิ้นปีนี้ (เม.ย. 55-มี.ค. 56) จะสร้างยอดขายรวมบริษัทได้ 11,000 ล้านบาท เติบโต 25% จากปีก่อน สัดส่วนยอดขายมาจากกลุ่มภาพและเสียง 30% กลุ่มไอที 35% และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน 35% ส่วนภาพรวมยอดขายของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรก (เม.ย. 55-ก.ย. 55) เติบโต 30% เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ รวมทั้งกลุ่มภาพและเสียงที่เติบโต 30% เช่นกัน