เอส เอ็น ซีฯ สำรองงบลงทุนปี 56 กว่า 600 ล้านบาท หวังรองรับการขยายการผลิตหากเจรจากับลูกค้าสำเร็จ ขณะที่ผลงานปีนี้ไม่เข้าเป้าหลังรับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม และปรับสายการผลิต งวด 9 เดือนกำไรสุทธิลดฮวบ 21%
นายสามิตต์ ผลิตกรรม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SNC กล่าวถึงผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2555 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 79.45 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.28 บาท ลดลงจากปีก่อนกำไรสุทธิ 111.09 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.38 บาท ขณะที่งวด 9 เดือนกำไรสุทธิรวม 388.67 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.35 บาท เทียบกับปีก่อนกำไรสุทธิ 496.94 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.73 บาท คิดเป็นกำไรสุทธิลดลง 108.27 ล้านบาท หรือ 21.79%
ด้านนายสมชัย ไทยสงวนวรกุล ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอส เอ็น ซีฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้กำไรสุทธิของบริษัทคงจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ประมาณ 520 ล้านบาท จากเดิมที่คาดเป้าจะขยายตัว 20% เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายย้ายโรงงานหลังน้ำท่วม ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร รวมทั้งเปอร์เซ็นต์ที่ให้ส่วนลดสินค้าชิ้นส่วนยายนต์ราว 4-5%
ขณะที่รายได้จะปรับตัวลดลงต่ำกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 8,357 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้ตัดยอดขายสินค้า OEM บางตัวที่ทำกำไรน้อย หรือมีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ต่ำ โดยจะไม่รับผลิตเลย ซึ่งสัดส่วนรายได้จากสินค้า OEM คิดเป็น 45-50% ของรายได้รวม
สำหรับไตรมาส 4/55 คาดกำไรสูงกว่าไตรมาส 3/55 เนื่องจากค่าใช้จ่ายย้ายโรงงานส่วนใหญ่บันทึกไปในไตรมาส 3 แล้ว และ ธ.ค.จะกลับมาผลิตมากขึ้น
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 56 นั้น บริษัทคาดกำไรสุทธิจะกลับมาเติบโต 15-20% เพราะขณะนี้ได้ติดตั้งเครื่องจักรใหม่ไปแล้ว และไม่มีค่าใช้จ่ายย้ายโรงงาน รวมทั้งค่าใช้จ่ายค่าบุคลากรไม่เพิ่มขึ้น และส่วนลดให้แก่สินค้ากลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์เหลือแค่ 1-2% จึงนับเป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ที่ลงทุนไปแล้วในปีนี้
ขณะเดียวกัน บริษัทได้ตั้งงบลงทุนจำนวน 600 ล้านบาท หากโครงการที่กำลังเจรจากับลูกค้ารายใหม่ 3 รายสำเร็จ บริษัทจำเป็นต้องลงทุนขยายโรงงานเพิ่มขึ้น ซึ่งมีทั้งชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วนยานยนต์ โดยบริษัทจะใช้เงินทุนจากเงินหมุนเวียนของบริษัทจำนวน 200 ล้านบาท และเงินกู้อีก 400 ล้านบาท
นายสามิตต์ ผลิตกรรม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SNC กล่าวถึงผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2555 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 79.45 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.28 บาท ลดลงจากปีก่อนกำไรสุทธิ 111.09 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.38 บาท ขณะที่งวด 9 เดือนกำไรสุทธิรวม 388.67 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.35 บาท เทียบกับปีก่อนกำไรสุทธิ 496.94 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.73 บาท คิดเป็นกำไรสุทธิลดลง 108.27 ล้านบาท หรือ 21.79%
ด้านนายสมชัย ไทยสงวนวรกุล ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอส เอ็น ซีฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้กำไรสุทธิของบริษัทคงจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ประมาณ 520 ล้านบาท จากเดิมที่คาดเป้าจะขยายตัว 20% เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายย้ายโรงงานหลังน้ำท่วม ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร รวมทั้งเปอร์เซ็นต์ที่ให้ส่วนลดสินค้าชิ้นส่วนยายนต์ราว 4-5%
ขณะที่รายได้จะปรับตัวลดลงต่ำกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 8,357 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้ตัดยอดขายสินค้า OEM บางตัวที่ทำกำไรน้อย หรือมีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ต่ำ โดยจะไม่รับผลิตเลย ซึ่งสัดส่วนรายได้จากสินค้า OEM คิดเป็น 45-50% ของรายได้รวม
สำหรับไตรมาส 4/55 คาดกำไรสูงกว่าไตรมาส 3/55 เนื่องจากค่าใช้จ่ายย้ายโรงงานส่วนใหญ่บันทึกไปในไตรมาส 3 แล้ว และ ธ.ค.จะกลับมาผลิตมากขึ้น
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 56 นั้น บริษัทคาดกำไรสุทธิจะกลับมาเติบโต 15-20% เพราะขณะนี้ได้ติดตั้งเครื่องจักรใหม่ไปแล้ว และไม่มีค่าใช้จ่ายย้ายโรงงาน รวมทั้งค่าใช้จ่ายค่าบุคลากรไม่เพิ่มขึ้น และส่วนลดให้แก่สินค้ากลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์เหลือแค่ 1-2% จึงนับเป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ที่ลงทุนไปแล้วในปีนี้
ขณะเดียวกัน บริษัทได้ตั้งงบลงทุนจำนวน 600 ล้านบาท หากโครงการที่กำลังเจรจากับลูกค้ารายใหม่ 3 รายสำเร็จ บริษัทจำเป็นต้องลงทุนขยายโรงงานเพิ่มขึ้น ซึ่งมีทั้งชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วนยานยนต์ โดยบริษัทจะใช้เงินทุนจากเงินหมุนเวียนของบริษัทจำนวน 200 ล้านบาท และเงินกู้อีก 400 ล้านบาท