ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ หรือ FPI ผู้ผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์ที่ผลิตจากพลาสติกที่ครบวงจร พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ 20 กันยายนนี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาไอพีโอ 1,033 ล้านบาท
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยถึง บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) (FPI) ซึ่งจะเข้าจดทะเบียน และเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 20 กันยายน 2555 ว่า FPI มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ยาวนานกว่า 20 ปี ปัจจุบัน FPI เป็นผู้นำในธุรกิจผลิตชิ้นส่วนพลาสติกที่เป็นอะไหล่รถยนต์ทดแทนของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับรถยนต์ปิกอัพค่ายญี่ปุ่นขนาด 1 ตัน มีสายการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์พลาสติกที่ครบวงจร และเป็นศูนย์รวมจำหน่ายชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ในภูมิภาคเอเชีย การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai นับเป็นโอกาสที่ดีที่ทำให้ FPI ได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจของบริษัท นอกจากนี้ FPI ยังเป็นบริษัทแรกที่สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตามโครงการ “หุ้นใหม่ความภูมิใจของจังหวัด” ซึ่งเป็นโครงการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ดำเนินการร่วมกับสำนักงาน ก.ล.ต. อีกด้วย
สำหรับ FPI ประกอบธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่ผลิตจากพลาสติก และเป็นศูนย์รวมจำหน่ายชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ ทั้งชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ทดแทน (Replacement Equipment Manufacturing : REM) และชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ภายใต้ตราสินค้าของค่ายรถยนต์ต่างๆ (Original Equipment Manufacturing: OEM) รวมทั้งให้บริการรับจ้างฉีดขึ้นรูป ชุบโครเมียม และพ่นสีผลิตภัณฑ์พลาสติก โดยปัจจุบัน บริษัทเน้นการส่งออกสินค้าไปขายต่างประเทศเป็นหลัก
โดย FPI มีทุนชำระแล้ว 295 ล้านบาท ประกอบด้วย หุ้นสามัญเดิม 232 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 63 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท บริษัทฯ เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 60 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ และพนักงานของบริษัท 3 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 3.50 บาท เมื่อวันที่ 10-12 กันยายน 2555 คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 220.50 ล้านบาท เพื่อใช้ขยายโรงงาน และคลังสินค้า ลงทุนในเครื่องจักร คืนเงินกู้สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ FPI เปิดเผยว่า “บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ปัจจุบัน FPI มีผลิตภัณฑ์จำหน่ายกว่า 45,000 รายการ และได้รับการยอมรับจากลูกค้ากว่า 110 ประเทศทั่วโลก การระดมทุนผ่านตลาดทุนในครั้งนี้จะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้แก่บริษัท โดยใช้ขยายโรงงาน และคลังสินค้า เพื่อรองรับการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอนาคตของอุตสาหกรรมรถยนต์”
ทั้งนี้ หลัง IPO ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ FPI 3 รายแรก ได้แก่ กลุ่มธนาดำรงศักดิ์ ถือหุ้น 78.68% นายมิน เธียรวร ถือหุ้น 0.24% และนายมินทร์ อิงค์ธเนศ ถือหุ้น 0.14% ราคา IPO ของ FPI ในราคาหุ้นละ 3.50 บาท ตามข้อมูลที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน มีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) 11.77 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้น 4 ไตรมาสที่ผ่านมา ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2554-30 มิถุนายน 2555 หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ ซึ่งเท่ากับ 295 ล้านหุ้น คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.30 บาท บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และสำรองตามกฎหมาย