ผู้ส่งออกร้องระงม อินโดนีเซียกีดกันนำเข้าสินค้าไทย “บุญทรง” สั่งแก้ไขด่วน หวั่นส่งออกสะดุด พร้อมตั้งทีมปฏิบัติการพิเศษติดตามเป็นรายประเทศ “พิรมล” บุกคุยอินโดนีเซียแก้ทันที
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้ส่งออกไทยและผู้นำเข้าของอินโดนีเซียอย่างต่อเนื่องถึงปัญหาและอุปสรรคการนำเข้าสินค้าจากประเทศไทย โดยเฉพาะสินค้าผัก ผลไม้ และพืชสวน ข้าวหอมมะลิ สินค้าอาหารสำเร็จรูป ยาและผลิตภัณฑ์ จึงได้สั่งการให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศดำเนินการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนเพื่อให้การส่งออกสินค้าไทยคล่องตัวมากขึ้น เพราะหากปล่อยให้ปัญหาเกิดขึ้นในระยะยาวจะกระทบต่อการส่งออกของไทยไปอินโดนีเซียได้
สำหรับมาตรการกีดกันทางการค้าที่อินโดนีเซียใช้กับการนำเข้าสินค้าดังกล่าวจากไทย เช่น ลดจำนวนท่าเรือนำเข้าผัก ผลไม้สด และพืชสวน โดยไม่ให้นำเข้าที่ท่าเรือ ณ กรุงจาการ์ตา ส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งสูง และพืชผัก ผลไม้สดเสียหาย และหลังใช้มาตรการได้ทำให้การนำเข้าผักและผลไม้สดของอินโดนีเซียจากทั่วโลกลดลง 29.7% ขณะเดียวกันยังได้กำหนดเงื่อนไขและใช้เวลาในการออกใบอนุญาตนำเข้านาน เช่น ต้องได้รับหนังสือรับรองการนำเข้าจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้นำเข้าต้องเป็นเจ้าของห้องเย็น รถขนส่งที่เก็บความเย็น ต้องมีสัญญาขายสินค้าให้แก่ผู้จัดจำหน่ายอย่างน้อย 3 รายเป็นเวลา 1 ปี และการออกใบอนุญาตนำเข้าพืชสวน เช่น หอมแดง หอมหัวใหญ่ ทุเรียน ลำไย กล้วยไม้ ให้เฉพาะผู้นำเข้าพืชสวนเพื่อการผลิต และผู้นำเข้าพืชสวนเพื่อธุรกิจการค้าเท่านั้น
ส่วนการนำเข้าข้าวหอมมะลิไทยโดยภาคเอกชนอินโดนีเซียยังถูกจัดให้เป็นข้าวชนิดพิเศษ กำหนดให้ขายได้เฉพาะในภัตตาคารและโรงแรมเท่านั้น ไม่สามารถจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เกตได้ และการขออนุญาตนำเข้าต้องใช้เวลานานมาก และสินค้าอาหารสำเร็จรูปประเภทอื่น อินโดนีเซียไม่ยอมรับตราฮาลาลของไทย ทำให้ต้องไปขอตรารับรองจากอินโดนีเซียซึ่งใช้เวลานานมาก ส่งผลให้ผู้นำเข้าสินค้าไทยหลายรายชะลอการนำเข้าสินค้าไทยหลายรายการในช่วงปี 2555
“ไม่ใช่อินโดนีเซียประเทศเดียวที่สินค้าไทยต้องประสบปัญหาการนำเข้าจากมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่มาตรการทางภาษี (NTBs) ยังมีอีกหลายประเทศที่ใช้เพิ่มมากขึ้น จึงได้สั่งการให้ตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษ มีอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเป็นหัวหน้า ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชน ลงพื้นที่และประชุมร่วมกับคู่ค้าเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา NTBs ให้ได้ เพราะไม่อย่างนั้นจะกระทบต่อการส่งออกของไทยไปประเทศต่างๆ และสินค้าไทยอาจเสียตลาดได้ในอนาคต” นายบุญทรงกล่าว
นางพิรมล เจริญเผ่า อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ได้หารือกับกรมความร่วมมือการค้าระหว่างประเทศของอินโดนีเซียเพื่อแจ้งข้อกังวลของไทยแล้ว และขอให้อินโดนีเซียเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะขณะนี้เกือบทุกประเทศที่เป็นคู่ค้าของอินโดนีเซียกำลังเร่งเจรจาหาทางแก้ไขเช่นเดียวกับไทย โดยอินโดนีเซียได้ตกลงที่จะช่วยเร่งรัดจัดทำความตกลงยอมรับการตรวจรับรองร่วมกัน (MRA) กับไทยให้เร็วที่สุด เพื่อให้สินค้าผักผลไม้ได้ผ่านเข้าได้ทุกจุดโดยไม่ต้องตรวจสารตกค้างที่ด่านนำเข้าของอินโดนีเซียซ้ำอีก
ทั้งนี้ กรมฯ ยังได้เร่งรัดให้คณะผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก (WTO) ณ นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ หยิบยกกรณีที่ประเทศต่างๆ หันมาใช้ NTBs กีดกันการนำเข้าสินค้าขึ้นหารือในเวที WTO เพราะมีหลายประเทศได้รับผลกระทบแล้ว เช่น จีน สหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย อินเดีย เวียดนาม มาเลเซีย เป็นต้น
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้ส่งออกไทยและผู้นำเข้าของอินโดนีเซียอย่างต่อเนื่องถึงปัญหาและอุปสรรคการนำเข้าสินค้าจากประเทศไทย โดยเฉพาะสินค้าผัก ผลไม้ และพืชสวน ข้าวหอมมะลิ สินค้าอาหารสำเร็จรูป ยาและผลิตภัณฑ์ จึงได้สั่งการให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศดำเนินการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนเพื่อให้การส่งออกสินค้าไทยคล่องตัวมากขึ้น เพราะหากปล่อยให้ปัญหาเกิดขึ้นในระยะยาวจะกระทบต่อการส่งออกของไทยไปอินโดนีเซียได้
สำหรับมาตรการกีดกันทางการค้าที่อินโดนีเซียใช้กับการนำเข้าสินค้าดังกล่าวจากไทย เช่น ลดจำนวนท่าเรือนำเข้าผัก ผลไม้สด และพืชสวน โดยไม่ให้นำเข้าที่ท่าเรือ ณ กรุงจาการ์ตา ส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งสูง และพืชผัก ผลไม้สดเสียหาย และหลังใช้มาตรการได้ทำให้การนำเข้าผักและผลไม้สดของอินโดนีเซียจากทั่วโลกลดลง 29.7% ขณะเดียวกันยังได้กำหนดเงื่อนไขและใช้เวลาในการออกใบอนุญาตนำเข้านาน เช่น ต้องได้รับหนังสือรับรองการนำเข้าจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้นำเข้าต้องเป็นเจ้าของห้องเย็น รถขนส่งที่เก็บความเย็น ต้องมีสัญญาขายสินค้าให้แก่ผู้จัดจำหน่ายอย่างน้อย 3 รายเป็นเวลา 1 ปี และการออกใบอนุญาตนำเข้าพืชสวน เช่น หอมแดง หอมหัวใหญ่ ทุเรียน ลำไย กล้วยไม้ ให้เฉพาะผู้นำเข้าพืชสวนเพื่อการผลิต และผู้นำเข้าพืชสวนเพื่อธุรกิจการค้าเท่านั้น
ส่วนการนำเข้าข้าวหอมมะลิไทยโดยภาคเอกชนอินโดนีเซียยังถูกจัดให้เป็นข้าวชนิดพิเศษ กำหนดให้ขายได้เฉพาะในภัตตาคารและโรงแรมเท่านั้น ไม่สามารถจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เกตได้ และการขออนุญาตนำเข้าต้องใช้เวลานานมาก และสินค้าอาหารสำเร็จรูปประเภทอื่น อินโดนีเซียไม่ยอมรับตราฮาลาลของไทย ทำให้ต้องไปขอตรารับรองจากอินโดนีเซียซึ่งใช้เวลานานมาก ส่งผลให้ผู้นำเข้าสินค้าไทยหลายรายชะลอการนำเข้าสินค้าไทยหลายรายการในช่วงปี 2555
“ไม่ใช่อินโดนีเซียประเทศเดียวที่สินค้าไทยต้องประสบปัญหาการนำเข้าจากมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่มาตรการทางภาษี (NTBs) ยังมีอีกหลายประเทศที่ใช้เพิ่มมากขึ้น จึงได้สั่งการให้ตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษ มีอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเป็นหัวหน้า ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชน ลงพื้นที่และประชุมร่วมกับคู่ค้าเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา NTBs ให้ได้ เพราะไม่อย่างนั้นจะกระทบต่อการส่งออกของไทยไปประเทศต่างๆ และสินค้าไทยอาจเสียตลาดได้ในอนาคต” นายบุญทรงกล่าว
นางพิรมล เจริญเผ่า อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ได้หารือกับกรมความร่วมมือการค้าระหว่างประเทศของอินโดนีเซียเพื่อแจ้งข้อกังวลของไทยแล้ว และขอให้อินโดนีเซียเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะขณะนี้เกือบทุกประเทศที่เป็นคู่ค้าของอินโดนีเซียกำลังเร่งเจรจาหาทางแก้ไขเช่นเดียวกับไทย โดยอินโดนีเซียได้ตกลงที่จะช่วยเร่งรัดจัดทำความตกลงยอมรับการตรวจรับรองร่วมกัน (MRA) กับไทยให้เร็วที่สุด เพื่อให้สินค้าผักผลไม้ได้ผ่านเข้าได้ทุกจุดโดยไม่ต้องตรวจสารตกค้างที่ด่านนำเข้าของอินโดนีเซียซ้ำอีก
ทั้งนี้ กรมฯ ยังได้เร่งรัดให้คณะผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก (WTO) ณ นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ หยิบยกกรณีที่ประเทศต่างๆ หันมาใช้ NTBs กีดกันการนำเข้าสินค้าขึ้นหารือในเวที WTO เพราะมีหลายประเทศได้รับผลกระทบแล้ว เช่น จีน สหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย อินเดีย เวียดนาม มาเลเซีย เป็นต้น
