**โดนหมัดชุดถล่มใส่ถล่มใส่จนโอนไปเอนมาหลายรอบ นโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาล ที่คาดการณ์ว่าจะเป็นผลงานชิ้นโบแดงของรัฐบาล กลายเป็นบ่อน้ำมันให้ฝ่ายตรงข้ามรุมโทรมรัฐบาล จนรัฐบาลตั้งรับไม่ทัน เสียเครดิตบานตะไท
หลายคำถามยิงเข้าใส่รัฐบาล แต่ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน ซ้ำยังอึกอักจนออกอาการ สต็อกข้าวเป็นอย่างไร ทำตัวเลขลวงโลกเป็นสต็อกลมหรือไม่ การอ้างว่าทำจีทูจี 7 ล้านกว่าตัน ไม่ค่อยมีใครเชื่อว่าทำกันไปจริงๆ แม้ช่วงหลังจะออกมากางตัวเลขกลมๆ ให้ดูก็ยังสลัดไม่พ้นความเคลือบแคลง ไม่รู้ปกปิดอะไรกันอยู่นักหนา
ขณะเดียวกันต่างชาติยังออกอาการกังขากับนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาล ตั้งเป้าลดการนำเข้าข้าวจากประเทศไทย เนื่องเพราะราคาสูง และหวั่นเกรงคุณภาพไม่ได้มาตรฐาน มันจึงเป็นคำถามย้อนมาว่า
**เป้าจีทูจีที่วางไว้จะทำได้จริงหรือ หรือเป็นเพียงการกุตัวเลขขึ้นมาแค่นั้น
เว็บไซต์ Western Farm Press สื่อวงการเกษตรกรรมของโลกตะวันตก เสนอบทความ "ไทยหล่นจากบัลลังก์ข้าว" ระบุว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ให้ราคาข้าวขาวมากกว่าราคาตลาด 50 เปอร์เซ็นต์ ข้าวหอมให้ราคามากกว่าราคาตลาด 30 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นความพยายามลัดวงจร (ชอร์ต) ตลาดข้าวของโลก และเพื่อยกระดับรายได้ของประชาชนในชนบท รายได้สูงขึ้นก็จริง แต่สต็อกข้าวของรัฐบาลก็สูงขึ้นอย่างฉับพลันเช่นกัน และนอกจากไทยจะสูญเสียตำแหน่งผู้นำในการส่งออกข้าว ยังอาจจะเผชิญกับระเบียบขององค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ด้วย"
เป็นความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังมีการเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกดับเบิลยูทีโอมีปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้โดยเร็ว ก่อนที่ประเทศอื่นๆ จะเดินตามแนวทางของประเทศไทย ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นความหวังดีจริงๆ หรือหวังดีประสงค์ร้ายกันแน่
**แต่นโยบายที่เกิดขึ้นมันสะท้านสะเทือนไปทั้งภายนอกภายในประเทศหมดแล้ว วิพากษ์วิจารณ์กันไม่เว้นแต่ละวัน หลายสิ่งหลายอย่างก็ยังเป็นเงื่อนงำ
ไม่นับเรื่องการทุจริตที่เกิดขึ้นแล้ว สอบสวนจับตัวปลาซิวปลาสร้อยสร้างภาพ แต่ตัวใหญ่ยังลอยนวล ขบวนการกินหัวคิวงบประมาณก่อนถึงมือชาวนา ทำให้ไอ้ที่ฝันจะให้ชาวนาลืมตาอ้าปาก กลายเป็นเศษเงินเศษทานเท่านั้นที่กระเด็นไปถึงมือชาวนา
ฝ่ายตรวจสอบ หน่วยกัดติดย่อมไม่ปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปเฉยๆ อยู่แล้ว ล่าสุดกลุ่ม 40 ส.ว. นำโดย ไพบูลย์ นิติตะวัน พร้อมพวกส.ว. อีก 67 คน ยื่นหนังสือถึงประธานวุฒิสภา ขอให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีสัญญาขายข้าวจีทูจี จำนวน 7.32 ล้านตัน ว่าเข้าข่ายสัญญาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ที่ครม.จะต้องชี้แจงและขอความเห็นจากรัฐสภาหรือไม่
**แต่เจียรนัยเหตุผลในการยื่นเรื่องครั้งนี้แล้ว ไม่น่าจะใช่เป้าหมายที่แท้จริง เป้าหมายหลักก็เพื่อให้รัฐบาลเปิดเผยสัญญา แจกแจงตัวเลขออกมาจะๆ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง แต่ถูกกั๊กข้อมูลเอกสารสัญญาซื้อขายข้าว จึงต้องยืมมือศาลรัฐธรรมนูญมาช่วยออกแรงให้ แต่ก็ไม่รู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะว่าอย่างไร จะตีกลับเหมือนกรณีอาจารย์นิด้าหรือเปล่า
นอกจากนี้ยังมี ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่จะไปยื่นเรื่องต่อศาลปกครอง ผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะกรรมการสิทธิ ช่วงปลายเดือนนี้ เพื่อส่งเรื่องต่อไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 43 และมาตรา 84 หรือไม่ เช่นเดียวกัน โดยจำเลยหลักที่จะยื่นฟ้องในกรณีนี้มี 3 ราย คือ คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รมว.พาณิชย์ และอธิบดีกรมการค้าภายใน
อย่างไรก็แล้วแต่ แม้จะโดนถล่มด้วยกลเม็ดวิธีไหนรัฐบาลก็ยังคงยืนกรานเดินหน้านโยบายรับจำนำข้าวต่อไปแบบไม่มีเกียร์ถอยหลัง ไม่หลงไปตามเกมไซโคฝ่ายค้านที่พยายามออกมาอวดอ้าง เหมือนคนโรคจิตชอบ "โชว์ของ" ว่านโยบายรับประกันราคาข้าวของตัวเองดีกว่าเป็นไหนๆ เหมือนต้องการให้รัฐบาลหันมาใช้นโยบายประกันราคาข้าวแทน ซึ่งก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
บางทีฝ่ายค้านก็เล่นการเมืองเกินเหตุ หลับหูหลับตาพูดอยู่ได้ว่านโยบายประกันเหนือกว่าอย่างนั้นอย่างนี้ จำนำข่าวเลวอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่รู้จะพูดหาพระแสงอะไรนักหนา เดี๋ยวถ้ามีโอกาสมาเป็นรัฐบาลก็ค่อยมาทำละกัน ไม่ค่อยจะมีเรื่อง "ติเพื่อก่อ" ยิ่งนับวันยิ่งนิสัยเสีย ชาวบ้านก็เริ่มเอือมระอากับวิธีการค้านลักษณะนี้!!
กระนั้นก็ตามที ดูเหมือนว่าฝ่ายรัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทยเองก็ไม่อาจนิ่งนอนใจเพิกเฉยต่อเรื่องที่โดนถล่มยับเยินคราวนี้ ต้องเร่งประชุมทีมยุทธศาสตร์วางโปรแกรมแจกแจงผลงานของแต่ละกระทรวง ปูพื้นก่อนมหกรรมแถลงผลงานครบรอบ 1 ปี กำชับเป็นพิเศษให้กระทรวงพาณิชย์ของ บุญทรง เตริยาภิรมย์ ที่เป็นเป้าโจมตีอย่างหนัก และคาดการณ์ว่าจะถูกจับขึ้นเขียงอภิปรายไม่ไว้วางใจ เร่งออกมาตีปี๊บ ขยายข้อมูลสร้างความกระจ่างให้ประชาชนเป็นชั้นต้นก่อน
หลังจากที่วิจารณ์เชิงตำหนิกันภายในว่าอ่อนประชาสัมพันธ์ ทำนโยบายที่เป็นความหวังของรัฐบาลกระท่อนกระแท่น ถูกโจมตีจนกลายเป็นของเน่าเสีย ทำลับๆ ล่อๆ จนเสียเครดิต อ้างว่าไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขการค้าระหว่างประเทศ จนสังคมรุมประณาม ต้องออกมาเปิดเผยตัวเลขในเวลาต่อมา
**ถือเป็นบทเรียนของรมต.มือใหม่ที่ไม่รีบออกมาแก้ไข จนในที่สุดเมื่อออกมาช้าก็ไม่ต่างอะไรกับการออกมาแก้ตัว!!
โครงการนี้เมื่อลงไปตรวจดูถึงเนื้อในแล้วก็พบว่ามันมีปัญหาจริงๆ เรื่องการทุจริตมีแน่นอน ชักหัวคิวกินกันระเบิดเถิดเทิง ชาวนามองตาปริบๆ เงินยังไม่ถึงมือชาวนาในหลายพื้นที่จนออกมาร้องแรกแหกกระเชอกันอุตลุดวุ่นวาย ที่ทางการอ้างว่าเงินล่าช้าเพราะติดขัดมติครม. ขั้นตอนการเบิกจ่าย หรือว่าเป็นเพราะไม่มีเงินกันแน่
สิ่งที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะทำให้รมต.รัฐบาลหลายคนเต้นผาง กลัวรัฐบาลจะเพลี่ยงพล้ำ อย่าง สุกำพล สุวรรณทัตรมว.กลาโหมอยู่ดีๆ ก็เสนอให้ใช้สนามบินดอนเมืองเป็นสต็อกข้าว ไม่รู้ว่าด้วยความบ้องตื้นหรืออย่างไร ในที่สุดก็โดนถล่มซ้ำอีกโยงใยไปถึงเรื่องระบายข้าว จนต้องออกมาปฏิเสธไม่มีความคิดใช้พื้นที่ดังกล่าวแต่อย่างใด
ทั้งหลายทั้งปวงถือเป็นความเพลี่ยงพล้ำอ่อนด้อย โดยเฉพาะจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และรมต.น้ำสามที่อ่อนประสบการณ์เชิงบริหาร และเชิงการเมือง ทั้งๆ ที่โครงการนี้จะว่าไปเป็นสิ่งดีทำให้ชาวบ้านลืมตาอ้าปากได้ และเคยทำประสบความสำเร็จมาแล้ว เพียงแต่ถึงยุคนี้อะไรๆ มันก็เปลี่ยนไป บริหารจัดการไม่ดี ซ้ำยังมีการทุจริต จึงดูเน่าเฟะไปทั้งขบวนการ
**ไม่รู้ว่าชาวนาจะดีใจหรือเสียใจกันดี..
หลายคำถามยิงเข้าใส่รัฐบาล แต่ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน ซ้ำยังอึกอักจนออกอาการ สต็อกข้าวเป็นอย่างไร ทำตัวเลขลวงโลกเป็นสต็อกลมหรือไม่ การอ้างว่าทำจีทูจี 7 ล้านกว่าตัน ไม่ค่อยมีใครเชื่อว่าทำกันไปจริงๆ แม้ช่วงหลังจะออกมากางตัวเลขกลมๆ ให้ดูก็ยังสลัดไม่พ้นความเคลือบแคลง ไม่รู้ปกปิดอะไรกันอยู่นักหนา
ขณะเดียวกันต่างชาติยังออกอาการกังขากับนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาล ตั้งเป้าลดการนำเข้าข้าวจากประเทศไทย เนื่องเพราะราคาสูง และหวั่นเกรงคุณภาพไม่ได้มาตรฐาน มันจึงเป็นคำถามย้อนมาว่า
**เป้าจีทูจีที่วางไว้จะทำได้จริงหรือ หรือเป็นเพียงการกุตัวเลขขึ้นมาแค่นั้น
เว็บไซต์ Western Farm Press สื่อวงการเกษตรกรรมของโลกตะวันตก เสนอบทความ "ไทยหล่นจากบัลลังก์ข้าว" ระบุว่า โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ให้ราคาข้าวขาวมากกว่าราคาตลาด 50 เปอร์เซ็นต์ ข้าวหอมให้ราคามากกว่าราคาตลาด 30 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นความพยายามลัดวงจร (ชอร์ต) ตลาดข้าวของโลก และเพื่อยกระดับรายได้ของประชาชนในชนบท รายได้สูงขึ้นก็จริง แต่สต็อกข้าวของรัฐบาลก็สูงขึ้นอย่างฉับพลันเช่นกัน และนอกจากไทยจะสูญเสียตำแหน่งผู้นำในการส่งออกข้าว ยังอาจจะเผชิญกับระเบียบขององค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ด้วย"
เป็นความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังมีการเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกดับเบิลยูทีโอมีปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้โดยเร็ว ก่อนที่ประเทศอื่นๆ จะเดินตามแนวทางของประเทศไทย ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นความหวังดีจริงๆ หรือหวังดีประสงค์ร้ายกันแน่
**แต่นโยบายที่เกิดขึ้นมันสะท้านสะเทือนไปทั้งภายนอกภายในประเทศหมดแล้ว วิพากษ์วิจารณ์กันไม่เว้นแต่ละวัน หลายสิ่งหลายอย่างก็ยังเป็นเงื่อนงำ
ไม่นับเรื่องการทุจริตที่เกิดขึ้นแล้ว สอบสวนจับตัวปลาซิวปลาสร้อยสร้างภาพ แต่ตัวใหญ่ยังลอยนวล ขบวนการกินหัวคิวงบประมาณก่อนถึงมือชาวนา ทำให้ไอ้ที่ฝันจะให้ชาวนาลืมตาอ้าปาก กลายเป็นเศษเงินเศษทานเท่านั้นที่กระเด็นไปถึงมือชาวนา
ฝ่ายตรวจสอบ หน่วยกัดติดย่อมไม่ปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปเฉยๆ อยู่แล้ว ล่าสุดกลุ่ม 40 ส.ว. นำโดย ไพบูลย์ นิติตะวัน พร้อมพวกส.ว. อีก 67 คน ยื่นหนังสือถึงประธานวุฒิสภา ขอให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีสัญญาขายข้าวจีทูจี จำนวน 7.32 ล้านตัน ว่าเข้าข่ายสัญญาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ที่ครม.จะต้องชี้แจงและขอความเห็นจากรัฐสภาหรือไม่
**แต่เจียรนัยเหตุผลในการยื่นเรื่องครั้งนี้แล้ว ไม่น่าจะใช่เป้าหมายที่แท้จริง เป้าหมายหลักก็เพื่อให้รัฐบาลเปิดเผยสัญญา แจกแจงตัวเลขออกมาจะๆ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง แต่ถูกกั๊กข้อมูลเอกสารสัญญาซื้อขายข้าว จึงต้องยืมมือศาลรัฐธรรมนูญมาช่วยออกแรงให้ แต่ก็ไม่รู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะว่าอย่างไร จะตีกลับเหมือนกรณีอาจารย์นิด้าหรือเปล่า
นอกจากนี้ยังมี ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่จะไปยื่นเรื่องต่อศาลปกครอง ผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะกรรมการสิทธิ ช่วงปลายเดือนนี้ เพื่อส่งเรื่องต่อไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 43 และมาตรา 84 หรือไม่ เช่นเดียวกัน โดยจำเลยหลักที่จะยื่นฟ้องในกรณีนี้มี 3 ราย คือ คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รมว.พาณิชย์ และอธิบดีกรมการค้าภายใน
อย่างไรก็แล้วแต่ แม้จะโดนถล่มด้วยกลเม็ดวิธีไหนรัฐบาลก็ยังคงยืนกรานเดินหน้านโยบายรับจำนำข้าวต่อไปแบบไม่มีเกียร์ถอยหลัง ไม่หลงไปตามเกมไซโคฝ่ายค้านที่พยายามออกมาอวดอ้าง เหมือนคนโรคจิตชอบ "โชว์ของ" ว่านโยบายรับประกันราคาข้าวของตัวเองดีกว่าเป็นไหนๆ เหมือนต้องการให้รัฐบาลหันมาใช้นโยบายประกันราคาข้าวแทน ซึ่งก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
บางทีฝ่ายค้านก็เล่นการเมืองเกินเหตุ หลับหูหลับตาพูดอยู่ได้ว่านโยบายประกันเหนือกว่าอย่างนั้นอย่างนี้ จำนำข่าวเลวอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่รู้จะพูดหาพระแสงอะไรนักหนา เดี๋ยวถ้ามีโอกาสมาเป็นรัฐบาลก็ค่อยมาทำละกัน ไม่ค่อยจะมีเรื่อง "ติเพื่อก่อ" ยิ่งนับวันยิ่งนิสัยเสีย ชาวบ้านก็เริ่มเอือมระอากับวิธีการค้านลักษณะนี้!!
กระนั้นก็ตามที ดูเหมือนว่าฝ่ายรัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทยเองก็ไม่อาจนิ่งนอนใจเพิกเฉยต่อเรื่องที่โดนถล่มยับเยินคราวนี้ ต้องเร่งประชุมทีมยุทธศาสตร์วางโปรแกรมแจกแจงผลงานของแต่ละกระทรวง ปูพื้นก่อนมหกรรมแถลงผลงานครบรอบ 1 ปี กำชับเป็นพิเศษให้กระทรวงพาณิชย์ของ บุญทรง เตริยาภิรมย์ ที่เป็นเป้าโจมตีอย่างหนัก และคาดการณ์ว่าจะถูกจับขึ้นเขียงอภิปรายไม่ไว้วางใจ เร่งออกมาตีปี๊บ ขยายข้อมูลสร้างความกระจ่างให้ประชาชนเป็นชั้นต้นก่อน
หลังจากที่วิจารณ์เชิงตำหนิกันภายในว่าอ่อนประชาสัมพันธ์ ทำนโยบายที่เป็นความหวังของรัฐบาลกระท่อนกระแท่น ถูกโจมตีจนกลายเป็นของเน่าเสีย ทำลับๆ ล่อๆ จนเสียเครดิต อ้างว่าไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขการค้าระหว่างประเทศ จนสังคมรุมประณาม ต้องออกมาเปิดเผยตัวเลขในเวลาต่อมา
**ถือเป็นบทเรียนของรมต.มือใหม่ที่ไม่รีบออกมาแก้ไข จนในที่สุดเมื่อออกมาช้าก็ไม่ต่างอะไรกับการออกมาแก้ตัว!!
โครงการนี้เมื่อลงไปตรวจดูถึงเนื้อในแล้วก็พบว่ามันมีปัญหาจริงๆ เรื่องการทุจริตมีแน่นอน ชักหัวคิวกินกันระเบิดเถิดเทิง ชาวนามองตาปริบๆ เงินยังไม่ถึงมือชาวนาในหลายพื้นที่จนออกมาร้องแรกแหกกระเชอกันอุตลุดวุ่นวาย ที่ทางการอ้างว่าเงินล่าช้าเพราะติดขัดมติครม. ขั้นตอนการเบิกจ่าย หรือว่าเป็นเพราะไม่มีเงินกันแน่
สิ่งที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะทำให้รมต.รัฐบาลหลายคนเต้นผาง กลัวรัฐบาลจะเพลี่ยงพล้ำ อย่าง สุกำพล สุวรรณทัตรมว.กลาโหมอยู่ดีๆ ก็เสนอให้ใช้สนามบินดอนเมืองเป็นสต็อกข้าว ไม่รู้ว่าด้วยความบ้องตื้นหรืออย่างไร ในที่สุดก็โดนถล่มซ้ำอีกโยงใยไปถึงเรื่องระบายข้าว จนต้องออกมาปฏิเสธไม่มีความคิดใช้พื้นที่ดังกล่าวแต่อย่างใด
ทั้งหลายทั้งปวงถือเป็นความเพลี่ยงพล้ำอ่อนด้อย โดยเฉพาะจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และรมต.น้ำสามที่อ่อนประสบการณ์เชิงบริหาร และเชิงการเมือง ทั้งๆ ที่โครงการนี้จะว่าไปเป็นสิ่งดีทำให้ชาวบ้านลืมตาอ้าปากได้ และเคยทำประสบความสำเร็จมาแล้ว เพียงแต่ถึงยุคนี้อะไรๆ มันก็เปลี่ยนไป บริหารจัดการไม่ดี ซ้ำยังมีการทุจริต จึงดูเน่าเฟะไปทั้งขบวนการ
**ไม่รู้ว่าชาวนาจะดีใจหรือเสียใจกันดี..