บิ๊กซีอัดงบเสริมช่องทางขายผ่านออนไลน์ต่อเนื่อง โดยปีนี้ทุ่มกว่า 5 ล้านบาทลุยนวัตกรรมการชอปผ่านระบบออนไลน์สู่แอปพลิเคชันบนมือถือ โดยพบแนวโน้มการซื้อผ่านออนไลน์โตพรวด 410% มอง 3จี ช่วยลูกค้าหันซื้อผ่านออนไลน์มากขึ้น
นายกุฎาธาร นาควิโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายองค์การสัมพันธ์ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บิ๊กซีได้พัฒนาระบบชอปปิ้งออนไลน์มาตลอด 3 ปี โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาก็ได้เพิ่มงบประมาณอีกราว 5 ล้านบาทเพื่อพัฒนารูปแบบการให้บริการเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งพบว่าตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ย.มีจำนวนผู้เข้าชมหน้าเว็บชอปออนไลน์ของบิ๊กซีเพิ่มขึ้น 46% จำนวนผู้กดไลก์แฟนเพจเฟซบุ๊กเพิ่มสูงขึ้นถึง 71,000 คน และยอดการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น 410% จากสิ้นปีที่แล้วที่มียอดขายจากชอปปิ้งออนไลน์เติบโต 200%
ล่าสุดบริษัทได้พัฒนาบริการในชอปปิ้งออนไลน์อีก 1 บริการ คือ แอปพลิเคชันบนมือถือ ทั้งสำหรับสมาร์ทโฟนระบบไอโอเอส และระบบแอนดรอยส์ ซึ่งรวมแล้วมีผู้ใช้งานกว่า 13 ล้านคน และกำลังจะเพิ่มขึ้นอีกอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะภายหลังจากที่การประมูล 3จีจบลง เชื่อว่าจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะทำให้บริการชอปปิ้งออนไลน์เติบโตได้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทยังได้เพิ่มบริการส่งสินค้าจากการสั่งซื้อผ่านชอปปิ้งออนไลน์ให้ถึงบ้านเพิ่มอีกใน 5 จังหวัดตามความต้องการที่จะขยายตัวตามมา เมื่อสั่งซื้อครบ 1,500 บาทขึ้นไป เช่นที่ขอนแก่น พัทยา ชลบุรี เป็นต้น จากปัจจุบันลูกค้าสามารถเลือกรับสินค้าได้ 3 ทาง คือ 1. รับสินค้าและชำระเงินที่บิ๊กซีทุกสาขาทั่วประเทศ 2. บริการจัดส่งฟรีถึงบ้านเมื่อลูกค้าซื้อ 1,500 บาทขึ้นไป และ 3. บิ๊กซี ไดรฟ์ ที่บิ๊กซี เอ็กซ์ตรา เพชรเกษม
อย่างไรก็ตาม สำหรับภาพรวมรายได้ในสิ้นปีนี้คาดว่าจะเติบโต 8-10% ตามเป้าที่วางไว้ หรือมีรายได้รวมกว่า 1.2-1.3 แสนล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการขยายสาขานั้น ปีนี้ใช้งบกว่า 5,500 ล้านบาท
สำหรับการขยายสาขาทั้งหมด แบ่งออกเป็น บิ๊กซีในรูปแบบไฮเปอร์มาร์เกตปีนี้เปิดเพิ่ม 4 สาขา รวมเป็น 112 สาขาในปัจจุบัน ส่วนบิ๊กซี มาร์เกต ปีนี้เปิดเพิ่ม 6 สาขา รวมเป็น 18 สาขา ขณะที่รูปแบบมินิบิ๊กซีปัจจุบันมีอยู่ 93 สาขา คาดว่าสิ้นปีจะเปิดครบ 125 สาขา และร้านเพียวซึ่งเป็นร้านขายยาปัจจุบันเปิดให้บริการอยู่ 89 สาขา สิ้นปีจะเปิดอีก 1 แห่ง หรือสิ้นปีนี้เปิดให้บริการครบ 90 สาขา
ทั้งนี้ บริษัทยังพร้อมลงทุนขยายสาขาต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมายไว้ว่าภายในปี 2016 จะมีบิ๊กซี ไฮเปอร์มาร์เกตรวม 300 สาขา บิ๊กซีมินิ และบิ๊กซีมาร์เกตรวม 950 สาขา
ดร.สรินทิพย์ สถิตย์เสถียร รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บิ๊กซีออกแบบให้แอปพลิเคชันนี้ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าออนไลน์ของเรา ที่มีทั้งผู้บริโภครายย่อย กลุ่มหลักอายุ 25-45 ปี และลูกค้าที่เป็นบริษัทห้างร้าน ด้วยการใช้คิวอาร์โค้ดเป็นเครื่องช่วยให้ลูกค้าซื้อสินค้าได้อย่างรวดเร็ว ภายใต้แนวคิด “โหลด-สแกน-ชอป-ส่งฟรี ทุกเรื่องชอป เป็นเรื่องง่าย”
“แอปพลิเคชันของบิ๊กซีมีจุดเด่นหลายด้าน เช่น มีสินค้ากว่า 10,000 รายการ และมีราคาและโปรโมชันเดียวกับสินค้าที่สาขาของบิ๊กซี ยังมีสินค้าโปรโมชันราคาพิเศษเฉพาะการซื้อออนไลน์ด้วย เช่น เครื่องอุปโภคบริโภค ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า และของใช้ในบ้าน”
