ฝนถล่มข้ามคืนทำน้ำท่วมอำเภอลับแล 3 ตำบล น้ำไหลบ่าท่วมนาข้าวราษฎรกว่า 2,000 ไร่ ชาวบ้านได้รับผลกระทบแล้วกว่า 500 ครอบครัว ส่วนที่ฝนตกหนัก ทำน้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนราษฎรแล้วกว่า 30 หลัง
จากการที่ได้เกิดฝนตกต่อเนื่องมาตั้งแต่กลางดึกวันที่ 25 ส.ค.จนกระทั่งถึงรุ่งเช้าของวานนี้ (26 ส.ค.) ส่งผลให้มีปริมาณน้ำจากภูเขาของอำเภอลับแล ไหลลงสู่คลองแม่พร่อง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของเทศบาลตำบลศรีพนมมาศ ต้องนำกำลังเข้าเก็บผักตบชวาที่ไหลมาติดคอสะพานออกก่อนที่จะทำให้น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในเขตพื้นที่ตำบลศรีพนมมาศ และกระแสน้ำยังได้ไหลบ่าเข้าท่วมนาข้าวของเกษตรกรในพื้นที่ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล ก่อนที่จะไหลลงมาตามคลองห้วยไผ่ เข้าท่วมถนน และบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่บ้านเกาะตาเพชร ต.ไผ่ล้อม อำเภอลับแล
ขณะเดียวกัน นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ออกพื้นที่ไปดูสถานการณ์น้ำที่ไหลท่วมในพื้นที่ ตำบลไผ่ล้อม และตำบลชัยจุมพล อ.ลับแล และได้ให้สัมภาษณ์ว่า ในขณะนี้ ได้สั่งการให้ป้องกันภัยและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุตรดิตถ์ ลงพื้นที่สำรวจพื้นที่นาข้าว และบ้านเรือนราษฏรทั้ง 3 ตำบลแล้วว่า มีพื้นที่นาข้าวที่ถูกน้ำท่วมเสียหายมากน้อยเพียงใด แล้วให้รายงานกลับมา และปริมาณน้ำที่มีอยู่ในขณะนี้ถ้าไม่มีฝนตกตามลงมาอีก ไม่เกิน 2 วัน ระดับน้ำก็จะลดลง
สำหรับในขณะนี้ ขอให้ประชาชนได้ติดตามพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด และคาดหมายทางอุตุนิยมวิทยาว่าจะมีปริมาณฝนตกลงมาอีก 2-3 วัน จึงขอให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ให้เตรียมอพยพสิ่งของและสัตว์เลี้ยงขึ้นไปไว้ที่สูง พร้อมทั้งติดตามข่าวสารการเตือนภัยอย่างใกล้ชิด
ส่วนที่ จ.น่าน หลังฝนตกหนักเมื่อคืนที่ผ่านมาจนถึงรุ่งเช้าวานนี้ (26 ส.ค.) ส่งผลให้ระดับน้ำในลำน้ำแก่น ลำน้ำเกี๋ยน อ.ภูเพียง จ.น่าน เพิ่มปริมาณสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และเมื่อเวลา 15.30 น.วานนี้ (26 ส.ค.)ได้เกิดน้ำป่าได้ไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรที่บ้านหนองเต่า หมุ่ 3 ต.ม่วงตึ๊ด อ.ภูเพียง จ.น่านจำนวน 30 หลังคาเรือน โดยระดับน้ำสูงกว่า 50 ซม.ชาวบ้านต้องช่วยกันเร่งขนย้ายสิ่งของเพื่อหนีน้ำ ขณะที่บ้านบางหลังที่อยู่ต่ำกว่าถนนได้ถูกน้ำทะลักเข้าท่วมไปตัวบ้านอย่างรวดเร็วไม่สามารถเก็บของหนีน้ำได้ทันได้รับความเสียหาย
นอกจากนี้ น้ำยังได้ไหลเข้าท่วมตามถนนเส้นทางสัญจรในหมู่บ้านหนองเต่าหลายจุด ทำให้รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านสัญจรไปมาได้ เจ้าหน้าที่ต้องปิดกั้นและแจ้งให้ประชาชนงดใช้ถนนและเสี่ยงไปยังเส้นทางอื่นแทน รวมทั้งพื้นที่การเกษตร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแปลงนาข้าวที่เพิ่งลงต้นกล้า ได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเบื้องต้นขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เร่งเข้าช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายของใช้ในบ้านเร่งสำรวจความเสียหายในระดับต่อไป
จากการที่ได้เกิดฝนตกต่อเนื่องมาตั้งแต่กลางดึกวันที่ 25 ส.ค.จนกระทั่งถึงรุ่งเช้าของวานนี้ (26 ส.ค.) ส่งผลให้มีปริมาณน้ำจากภูเขาของอำเภอลับแล ไหลลงสู่คลองแม่พร่อง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของเทศบาลตำบลศรีพนมมาศ ต้องนำกำลังเข้าเก็บผักตบชวาที่ไหลมาติดคอสะพานออกก่อนที่จะทำให้น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในเขตพื้นที่ตำบลศรีพนมมาศ และกระแสน้ำยังได้ไหลบ่าเข้าท่วมนาข้าวของเกษตรกรในพื้นที่ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล ก่อนที่จะไหลลงมาตามคลองห้วยไผ่ เข้าท่วมถนน และบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่บ้านเกาะตาเพชร ต.ไผ่ล้อม อำเภอลับแล
ขณะเดียวกัน นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ออกพื้นที่ไปดูสถานการณ์น้ำที่ไหลท่วมในพื้นที่ ตำบลไผ่ล้อม และตำบลชัยจุมพล อ.ลับแล และได้ให้สัมภาษณ์ว่า ในขณะนี้ ได้สั่งการให้ป้องกันภัยและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุตรดิตถ์ ลงพื้นที่สำรวจพื้นที่นาข้าว และบ้านเรือนราษฏรทั้ง 3 ตำบลแล้วว่า มีพื้นที่นาข้าวที่ถูกน้ำท่วมเสียหายมากน้อยเพียงใด แล้วให้รายงานกลับมา และปริมาณน้ำที่มีอยู่ในขณะนี้ถ้าไม่มีฝนตกตามลงมาอีก ไม่เกิน 2 วัน ระดับน้ำก็จะลดลง
สำหรับในขณะนี้ ขอให้ประชาชนได้ติดตามพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด และคาดหมายทางอุตุนิยมวิทยาว่าจะมีปริมาณฝนตกลงมาอีก 2-3 วัน จึงขอให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ให้เตรียมอพยพสิ่งของและสัตว์เลี้ยงขึ้นไปไว้ที่สูง พร้อมทั้งติดตามข่าวสารการเตือนภัยอย่างใกล้ชิด
ส่วนที่ จ.น่าน หลังฝนตกหนักเมื่อคืนที่ผ่านมาจนถึงรุ่งเช้าวานนี้ (26 ส.ค.) ส่งผลให้ระดับน้ำในลำน้ำแก่น ลำน้ำเกี๋ยน อ.ภูเพียง จ.น่าน เพิ่มปริมาณสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และเมื่อเวลา 15.30 น.วานนี้ (26 ส.ค.)ได้เกิดน้ำป่าได้ไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรที่บ้านหนองเต่า หมุ่ 3 ต.ม่วงตึ๊ด อ.ภูเพียง จ.น่านจำนวน 30 หลังคาเรือน โดยระดับน้ำสูงกว่า 50 ซม.ชาวบ้านต้องช่วยกันเร่งขนย้ายสิ่งของเพื่อหนีน้ำ ขณะที่บ้านบางหลังที่อยู่ต่ำกว่าถนนได้ถูกน้ำทะลักเข้าท่วมไปตัวบ้านอย่างรวดเร็วไม่สามารถเก็บของหนีน้ำได้ทันได้รับความเสียหาย
นอกจากนี้ น้ำยังได้ไหลเข้าท่วมตามถนนเส้นทางสัญจรในหมู่บ้านหนองเต่าหลายจุด ทำให้รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านสัญจรไปมาได้ เจ้าหน้าที่ต้องปิดกั้นและแจ้งให้ประชาชนงดใช้ถนนและเสี่ยงไปยังเส้นทางอื่นแทน รวมทั้งพื้นที่การเกษตร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแปลงนาข้าวที่เพิ่งลงต้นกล้า ได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเบื้องต้นขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เร่งเข้าช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายของใช้ในบ้านเร่งสำรวจความเสียหายในระดับต่อไป
