ปตท.แนะรัฐขยับแอลพีจีสะท้อนต้นทุนสกัดนำเข้าพุ่ง

ปตท.แนะกระทรวงพลังงานหามาตรการลดใช้แอลพีจีเบรกนำเข้าเหตุเกินพิกัดคลังศรีราชารองรับแล้วต้องใช้วิธีนำเรือมาลอยลำซึ่งมีต้นทุนสูงแถมเสี่ยงหากมีคลื่นลมแรง ชี้ควรปล่อยให้ราคาแอลพีจีสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง กลุ่มโรงกลั่นแนะปรับราคาหน้าโรงกลั่นให้อิงตลาดโลกเพิ่มจากเดิมอิงแค่ 76% เพื่อจูงใจให้ผลิตขายในประเทศแทนที่จะนำไปผลิตปิโตรเคมีหรือทำเชื้อเพลิงใช้เอง

นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่มโรงกลั่นน้ำมันได้เสนอให้กระทรวงพลังงานพิจารณาปรับราคารับซื้อแอลพีจีหน้าโรงกลั่นเพิ่มขึ้นให้สะท้อนราคาตลาดโลกเพื่อจูงใจให้โรงกลั่นหันมาผลิตแอลพีจีแทนที่จะนำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตหรือเป็นเชื้อเพลิงใช้เอง รวมถึงการปรับราคาแอลพีจีให้สะท้อนต้นทุนให้มากขึ้นเพื่อลดการนำเข้า เนื่องจากขณะนี้การใช้ที่ยังคงขยายตัวทำให้การนำเข้าสูงเกินความสามารถของคลังที่ศรีราชา จังหวัดชลบุรี จะรองรับได้แล้ว

“ คลังดังกล่าวสามารถรองรับการนำเข้าเพียง 130,000 ตันต่อเดือนเท่านั้น ขณะที่ความต้องการนำเข้าในขณะนี้อยู่ประมาณ 150,000-170,000 ตันต่อเดือน และอาจเพิ่มเป็น 200,000 ตันต่อเดือนปลายปีนี้ ขณะนี้ได้แก้ไขปัญหาด้วยการนำเรือซึ่งเป็นคลังแอลพีจีมาลอยลำ แต่มีปัญหาต้นทุนสูง และหากเกิดคลื่นลมแรงก็ไม่สามารถจะขนส่งขึ้นมาใช้ได้ซึ่งมีความเสี่ยงดังนั้นรัฐควรมีมาตรการที่จะลดการนำเข้า”นายณัฐชาติกล่าว

อย่างไรก็ตาม ปตท.อยู่ระหว่างการก่อสร้างคลังเพิ่มให้สามารถรองรับแอลพีจี นำเข้าได้ถึง 250,000 ตันต่อเดือน ลงทุนประมาณ 11,000 ล้านบาท แต่การก่อสร้างจะเสร็จต้นปี 2557 ระหว่างนี้เป็นเรื่องน่ากังวลความต้องการแอลพีจี เพิ่มขึ้นจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งหากจูงใจโรงกลั่นมาผลิตเต็มที่ก็จะป้อนตลาดได้อีก 60,000 ตันต่อเดือน โดยราคาขณะนี้ถือว่าต่ำมาก เพราะเป็นการอิงราคาตลาดโลกเพียง 76% และอิงราคาประกาศของรัฐบาลที่ 333 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน สัดส่วน 24% จึงไม่เกิดแรงจูงใจให้การผลิตแอลพีจีมาใช้ในตลาด

นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) กล่าวว่า ทางกลุ่มโรงกลั่นได้ทำหนังสือมายังสนพ.เพื่อต้องการหามาตรการลดการนำเข้าแอลพีจีโดยจูงใจให้โรงกลั่นหันมาผลิตแอลพีจีแทนที่จะนำไปผลิตเป็นปิโตรเคมีหรือเชื้อเพลิงใช้เองแทน ซึ่งแนวทางที่เสนอมาทางสนพ.กำลังศึกษารายละเอียดอยู่เพื่อให้แน่ใจว่ามาตรการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมโดยแท้จริง