xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดกาแฟดูแลรูปร่างซบ ขาใหญ่นิ่งผู้บริโภคไม่เชื่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ตลาดกาแฟสำเร็จรูปดูแลรูปร่างซบ “เนสกาแฟ-มอคโคน่า” เพลามืออัดงบชิงส่วนแบ่งตลาด หลังเข็นตลาดมูลค่า 2,000 ล้านบาทไม่ขึ้น ชี้สินค้าขายความหวังไม่เป็นผล ด้านค่ายกาแฟสำเร็จรูปจ่อแตกเซกเมนต์กาแฟฟังก์ชันนัลใหม่ดันตลาดโต 

แหล่งข่าววงการกาแฟสำเร็จรูปเปิดเผยว่า สภาพตลาดกาแฟสำเร็จรูปดูแลรูปร่างในปี 2553 มีมูลค่าถึง 1,540 ล้านบาท หรือคิดเป็น 11% จากมูลค่าตลาดกาแฟสำเร็จรูปโดยรวม 1.4 หมื่นล้านบาท โดยพบว่ามีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากเดิมสัดส่วนเพียง 1% ในปี 2552 และตัวเลขล่าสุดตลาดกาแฟดูแลรูปร่างมีมูลค่า 2,000 ล้านบาท

ทว่าแนวโน้มตลาดกาแฟสำเร็จรูปดูแลรูปร่างในขณะนี้เริ่มหดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด หลังจากก่อนหน้านี้ผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่ในตลาด อย่างเนสกาแฟ โพรเทค โพรสลิม ที่ทุ่มอัดการตลาดถึง 200 ล้านบาท เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์นับตั้งแต่ปี 2552-2554 ที่ผ่านมา 

ขณะที่ด้านมอคโคน่าก็เปิดตัว “ทริโอ พลัส อินเชพ” สำหรับผู้หญิงหวังเป็นหมัดเด็ดที่ทำให้ฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงสถาบันลดน้ำหนักอย่างบอดี้เชพ และบริษัททรัพย์อนันต์ ก็เปิดตัวกาแฟดูแลรูปร่างลงมาในตลาด อย่างไรก็ตาม แต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาตลาดกาแฟดูแลรูปร่างเริ่มซบเซาลง โดยหลายแบรนด์แทบไม่มีการทุ่มงบโฆษณาประชาสัมพันธ์เหมือนเช่นเคย เช่น เนสกาแฟ โพรเทค โพรสลิม หรือกระทั่งมอคโคน่า ทริโอ พลัส อินเชพ จากเดิมทั้งสองแบรนด์นี้แข่งขันชิงส่วนแบ่งกันอย่างรุนแรง 

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้ตลาดกาแฟดูแลรูปร่างไม่มีการเติบโต เนื่องจากเป็นสินค้าที่ขายความคาดหวังให้แก่ผู้บริโภค เมื่อซื้อสินค้าไปแล้วไม่ได้รับผลตามที่ต้องการก็ทำให้เกิดการซื้อซ้ำน้อย แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาหลายค่ายจะจัดกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะการเชิญชวนแข่งขันลดน้ำหนักก็ตามที นอกจากนี้ ที่ผ่านมาองค์การอาหารและยา (อย.) ได้มีการประกาศเตือนไม่ควรเชื่อโฆษณากาแฟลดน้ำหนักมากนัก เพราะนอกจากจะไม่เห็นผลชัดเจนแล้ว การติดฉลากบอกถึงส่วนผสมข้างกล่องก็ยังขาดผลงานวิจัยทางวิชาการมารองรับ 

สภาพตลาดกาแฟสำเร็จรูปโดยรวมมูลค่า 14,000 ล้านบาท แบ่งเป็น กาแฟ 3 in 1 สัดส่วน 65% หรือราว 9,100 ล้านบาท โดยเนสกาแฟเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 63% ซูเปอร์คอฟฟี่มิกซ์ 18% มอคโคน่า 8% อื่นๆ 11% ส่วนตลาดกาแฟสำเร็จรูปดูแลรูปร่าง เนเจอร์กิฟ มีส่วนแบ่ง 40-50% และเนสกาแฟ โพรเทค โพรสลิม 30% ที่เหลืออีก 20% แบ่งเป็น มอคโคน่า ทริโอ พลัส อินเชพ และแบรนด์อื่นๆ

อย่างไรก็ตาม เทรนด์ในอนาคตยังมีผู้ประกอบการหลายรายแตกไลน์สินค้ากาแฟสำเร็จรูปด้านฟังก์ชันนัลมากขึ้นเพื่อสร้างเซกเมนต์ใหม่ๆ และผลักดันให้ตลาดเติบโต อาทิ “มอคโคน่า ทริโอ พลัส แคลพลัส” กาแฟเสริมแคลเซียมสำหรับผู้ชาย ฯลฯ 
กำลังโหลดความคิดเห็น