xs
xsm
sm
md
lg

BECL จ่อเซ็นสัมปทาน 30 ปีทางด่วนศรีรัช-วงแหวนฯ วงเงินกว่า 3.2 หมื่น ล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ครม.ไฟเขียวแก้ไขร่างสัญญา BECL ร่วมทุนด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก วงเงินลงทุน 3.2 หมื่นล้านบาท ระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี ให้กทพ.ลงนามในสัญญากับผู้ร่วมทุนได้ทันที หลังเจรจาแก้ไขข้อสังเกต 9 ข้อ เผยค่าก่อสร้างและค่าบริหารจัดการเพิ่ม เหตุเจอความเสี่ยงเรื่องเวนคืนที่ดิน ส่วนค่าผ่านทางรถสี่ล้อ 50 บาท และปรับขึ้นทุก 5 ปี

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2555 ได้เห็นชอบโครงการก่อสร้างทางพิเศษศรีรัช-ถนนวงแหวนรอบนอก ระยะทาง 16.5 กิโลเมตร ตามที่คณะกรรมการมาตรา 13 ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมการงานหรือดำเนินกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 เสนอ โดยบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BECL เป็นผู้รับสัมปทานก่อสร้างโครงการรูปแบบการลงทุน แบบ PPP ซึ่งจากที่มีการตั้งข้อสังเกต 9 ข้อในการดำเนินโครงการและทาง BECL ตอบยอมรับข้อสังเกตทั้งหมด และทางอัยการได้ตรวจสอบร่างสัญญาแล้ว หลังจากนี้ กทพ.จะเร่งทำสัญญาต่อไป โดยมูลค่าโครงการรวมประมาณ 3.2 หมื่น ล.

นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ได้เห็นชอบให้นำผลการตรวจพิจารณาร่างสัญญาสัมปทานการลงทุนออกแบบก่อสร้าง บริหารจัดการ ให้บริการและบำรุงรักษาโครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดที่ได้ตรวจร่างสัญญา และพิมพ์ยกร่างขึ้นมาใหม่ โดยมีข้อสังเกต 9 เรื่องที่ กทพ.ควรไปแก้ไข มาประกอบการพิจารณาในการคัดเลือกเอกชนเพื่อดำเนินโครงการตามมาตรา 13 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 

สำหรับการแก้ไข 9 เรื่อง คือ ก่อนการลงนามสัญญา กทพ.ควรตรวจสอบเอกสารให้ไม่ขัดแย้งกับถ้อยคำหรือข้อความในร่างสัญญาด้วย เพราะร่างดังกล่าวมีบางส่วนเป็นเอกสารทางเทคนิคไม่ใช่เอกสารที่มีประเด็นข้อกฎหมาย, ควรตัดข้อความที่ให้ กทพ.ให้ความยินยอมการโอนสิทธิในรายได้ค่าผ่านทางให้แก่ผู้กู้ เพราะจะทำให้ กทพ.เสียเปรียบไม่อาจยกข้อต่อสู้ที่มีกับบีอีซีแอล ขึ้นต่อสู้ต่อผู้ให้กู้ได้ และตามกฎหมายบีอีซีแอลสามารถโอนสิทธิในรายได้ค่าผ่านทางให้แก่ผู้กู้โดยไม่ต้องขอความยินยอมจาก กทพ.

การจัดให้ได้มาและส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างนั้น หาก กทพ.ไม่สามารถดำเนินการได้ตามสัญญา อาจส่งผลกระทบเกี่ยวกับระยะเวลาสัมปทาน การบอกเลิกสัญญา และการชดเชยค่าเสียหาย ดังนั้น ก่อนการลงนาม กทพ.จึงควรมีความพร้อมด้วย, ควรแก้ไขให้ กทพ.ต้องชดเชยกรณีส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างล่าช้าเมื่อความล่าช้าเกิดขึ้นโดยบีอีซีแอลไม่ต้องรับผิดชอบ โดยบีอีซีแอลต้องปรับปรุงแผนก่อสร้างต่อไป, ควรเพิ่มเติมเงื่อนไขสัญญาให้ กทพ.สามารถเป็นฝ่ายเริ่มเปิดใช้ทางได้เมื่อการก่อสร้างเสร็จและเหมาะสมใช้เป็นทางสาธารณะแต่บีอีซีแอลไม่ยอม

ควรเพิ่มเติมข้อความให้ชัดเจนว่า การเปิดใช้ทางบางส่วนจะทำได้เมื่อ กทพ.อนุมัติเท่านั้น, การส่งมอบพื้นที่ส่วนที่เหลือ กทพ.และบีอีซีแอลต้องเจรจาค่าก่อสร้าง ระยะเวลา และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องด้วย, กำหนดให้ตัดเรื่องการตั้งผู้ทรงคุณวุฒิอิสะเพื่อตรวจสอบทางเกี่ยวกับความปลอดภัยออกเพราะเห็นว่ามีความซับซ้อนกับหน้าที่ของวิศวกรอิสระ และมีลักษณะคล้ายกับอนุญาโตตุลาการ และสุดท้ายให้ตัดกรณีการให้สิทธิคู่สัญญาเรียกร้องค่าใช้จ่ายค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงเอาจากคู่สัญญาอีกฝ่ายอันเนื่องจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายออกไป

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกเอกชนร่วมงานตามมาตรา 13 ได้เสนอให้บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ หรือบีอีซีแอล เป็นบริษัทเอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าว มีกรอบวงเงินการลงทุนรวม 32,816 ล้านบาท แบ่งเป็นวงเงินการลงทุนก่อสร้างโครงการจำนวน 24,417 ล้านบาท และวงเงินลงทุนสำหรับการบริหารจัดการ การให้บริการและการบำรุงรักษาจำนวน 8,399 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี มีระยะเวลาออกแบบก่อสร้าง 48 เดือน

โดยกำหนดอัตราค่าผ่านทาง โดยจะปรับเพิ่มอัตราค่าผ่านทางทุก 5 ปี คือ รถยนต์สี่ล้อ คิด 50 บาท ปรับขึ้นครั้งละ 15 บาท, รถยนต์หกล้อ ถึงสิบล้อ คิด 80 บาท ปรับขึ้นครั้งละ 25 บาท และรถยนต์ตั้งแต่สิบล้อขึ้นไป คิด 115 บาท ปรับขึ้นครั้งละ 35 บาท โดยต่อจากนี้ให้ กทพ.ลงนามในสัญญากับผู้ร่วมทุนได้ทันที
กำลังโหลดความคิดเห็น