โออิชิชี้สมรภูมิธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นเดือด รายเล็ก-ใหญ่แห่ผุดร้านเป็นดอกเห็ดมูลค่าตลาดแตะ 2 หมื่นล้านบาท ตอกย้ำบัลลังก์ผู้นำตลาดสกัดแบรนด์ใหม่แจ้งเกิด สิ้นปีรายได้เข้าเป้า 5,200 ล้านบาท
นายไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหาร บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารในเครือโออิชิ เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นปีนี้มีการแข่งขันที่รุนแรง คาดว่าตลาดปีนี้จะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 15-20% หรือมีมูลค่าเกือบ 2 หมื่นล้านบาท จากปกติการเติบโตอยู่ที่ 15% ต่อปีเท่านั้น
ปัจจัยที่ทำให้ตลาดโตมาจากผู้ประกอบการรายเล็กและใหญ่เข้ามาดำเนินธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่มีความกังวลต่อการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น เนื่องจากต้องดูการทำตลาดกันในระยะยาวว่าจะมีความต่อเนื่องมากน้อยแค่ไหนโดยเฉพาะผู้เล่นรายเล็ก
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วง 4 เดือน ปีนี้ไม่มีแผนนำเข้าแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นเข้ามาทำตลาด หลังจากล่าสุดได้นำเข้าแบรนด์ คาคาชิ บุกทำตลาดอาหารจานด่วนในช่วงเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีแบรนด์ร้านอาหารในเครืออยู่จำนวน 6 แบรนด์ ประกอบด้วย โออิชิ บุฟเฟต์, ชาบูชิ, โออิชิ ราเมน, นิกุยะ, คาโซกูเตะ และคาคาชิ ทำให้มีแบรนด์ร้านอาหารครอบคลุมผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมาย เหลือเพียงร้านของหวานที่บริษัทให้ความสนใจที่จะนำมาเปิดให้บริการเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าปีหน้าจะพร้อมนำมาเปิดให้บริการ
อย่างไรก็ตาม เพื่อรองรับการแข่งขันร้านอาหารญี่ปุ่นที่รุนแรงและตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาด ได้ทุ่มงบ 15 ล้านบาทจัดแคมเปญ “ชาบู ลิมปิก 2012” มหกรรมการแข่งกินชาบูชิ 2012 ชิงเงิน 1 แสนบาท ซึ่งลูกค้าที่สนใจสามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ในทุกภาค เพื่อหาผู้ชนะมารับรางวัลเงินสดจำนวน 1 แสนบาท โดยหลังจากที่จบแคมเปญดังกล่าวในวันที่ 20 ต.ค.นี้
บริษัทก็มีแผนที่จะใช้งบที่เหลืออีกประมาณ 30 ล้านบาทในการจัดแคมเปญแบรนด์ชาบูชิอีก 1 แคมเปญ เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายส่งท้ายปี ซึ่งในส่วนของสิ้นปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวมธุรกิจอาหารอยู่ที่ประมาณ 5,200 ล้านบาท โต 28% จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 4,100 ล้านบาท
“ร้านชาบูชิเป็นแบรนด์ที่สร้างรายได้สูงสุดของบริษัท โดยมีการเติบโต 30% และปัจจุบันมีสาขา 65 สาขา และสิ้นปีนี้เพิ่มเป็น 70 สาขา ซึ่งถือเป็นแบรนด์ที่มีจำนวนสาขาครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั้งประเทศ ปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากแบรนด์ชาบูชิอยู่ที่ประมาณ 2,600-2,800 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่ง 20% ของตลาดรวมสุกี้หม้อไฟ 10,000 ล้านบาท” นายไพศาลกล่าว
สำหรับแผนขยายธุรกิจไปในตลาดประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาตลาดในประเทศสิงคโปร์ ลาว กัมพูชา และฮ่องกง โดยสนใจเข้าไปศึกษาประเทศลาวเป็นพิเศษ เนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคมีความคล้ายคลึงกับคนไทย แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูในเรื่องความเหมาะสมของทำเลและวัตถุดิบ เนื่องจากลาวไม่มีทะเลทำให้บริษัทต้องศึกษาเรื่องการขนส่งสินค้าด้วย
นายไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหาร บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารในเครือโออิชิ เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นปีนี้มีการแข่งขันที่รุนแรง คาดว่าตลาดปีนี้จะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 15-20% หรือมีมูลค่าเกือบ 2 หมื่นล้านบาท จากปกติการเติบโตอยู่ที่ 15% ต่อปีเท่านั้น
ปัจจัยที่ทำให้ตลาดโตมาจากผู้ประกอบการรายเล็กและใหญ่เข้ามาดำเนินธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่มีความกังวลต่อการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น เนื่องจากต้องดูการทำตลาดกันในระยะยาวว่าจะมีความต่อเนื่องมากน้อยแค่ไหนโดยเฉพาะผู้เล่นรายเล็ก
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วง 4 เดือน ปีนี้ไม่มีแผนนำเข้าแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นเข้ามาทำตลาด หลังจากล่าสุดได้นำเข้าแบรนด์ คาคาชิ บุกทำตลาดอาหารจานด่วนในช่วงเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีแบรนด์ร้านอาหารในเครืออยู่จำนวน 6 แบรนด์ ประกอบด้วย โออิชิ บุฟเฟต์, ชาบูชิ, โออิชิ ราเมน, นิกุยะ, คาโซกูเตะ และคาคาชิ ทำให้มีแบรนด์ร้านอาหารครอบคลุมผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมาย เหลือเพียงร้านของหวานที่บริษัทให้ความสนใจที่จะนำมาเปิดให้บริการเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าปีหน้าจะพร้อมนำมาเปิดให้บริการ
อย่างไรก็ตาม เพื่อรองรับการแข่งขันร้านอาหารญี่ปุ่นที่รุนแรงและตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาด ได้ทุ่มงบ 15 ล้านบาทจัดแคมเปญ “ชาบู ลิมปิก 2012” มหกรรมการแข่งกินชาบูชิ 2012 ชิงเงิน 1 แสนบาท ซึ่งลูกค้าที่สนใจสามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ในทุกภาค เพื่อหาผู้ชนะมารับรางวัลเงินสดจำนวน 1 แสนบาท โดยหลังจากที่จบแคมเปญดังกล่าวในวันที่ 20 ต.ค.นี้
บริษัทก็มีแผนที่จะใช้งบที่เหลืออีกประมาณ 30 ล้านบาทในการจัดแคมเปญแบรนด์ชาบูชิอีก 1 แคมเปญ เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายส่งท้ายปี ซึ่งในส่วนของสิ้นปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวมธุรกิจอาหารอยู่ที่ประมาณ 5,200 ล้านบาท โต 28% จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 4,100 ล้านบาท
“ร้านชาบูชิเป็นแบรนด์ที่สร้างรายได้สูงสุดของบริษัท โดยมีการเติบโต 30% และปัจจุบันมีสาขา 65 สาขา และสิ้นปีนี้เพิ่มเป็น 70 สาขา ซึ่งถือเป็นแบรนด์ที่มีจำนวนสาขาครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั้งประเทศ ปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากแบรนด์ชาบูชิอยู่ที่ประมาณ 2,600-2,800 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่ง 20% ของตลาดรวมสุกี้หม้อไฟ 10,000 ล้านบาท” นายไพศาลกล่าว
สำหรับแผนขยายธุรกิจไปในตลาดประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาตลาดในประเทศสิงคโปร์ ลาว กัมพูชา และฮ่องกง โดยสนใจเข้าไปศึกษาประเทศลาวเป็นพิเศษ เนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคมีความคล้ายคลึงกับคนไทย แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูในเรื่องความเหมาะสมของทำเลและวัตถุดิบ เนื่องจากลาวไม่มีทะเลทำให้บริษัทต้องศึกษาเรื่องการขนส่งสินค้าด้วย