“ชุมพล” รับปากเอกชนเป็นพ่อสื่อเจรจากรมอุทยานฯ ขอทบทวนการปรับขึ้นค่าเข้าชมอุทยานฯ พร้อมแจงความคืบหน้า การศึกษาแผนธุรกิจใหม่ของอีลิทการ์ด ยันเสร็จทันเสนอนายกรัฐมนตรีกันยายนนี้แน่นอน ระบุยังเหลือแค่ความชัดเจนของลูกค้าเป้าหมายและแนวทางการทำตลาดของแต่ละสำนักงานของ ททท.
วานนี้ (29 ส.ค.) ภายหลังการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดและพัฒนาการท่องเที่ยว ซึ่งมีทั้งหน่วยงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และภาคเอกชนท่องเที่ยวประชุมร่วมกัน นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในที่ประชุมสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) ได้ยื่นหนังสือขอให้กระทรวงฯ ช่วยประสานไปยังกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ขอทบทวนการขึ้นค่าเข้าอุทยานฯ ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ โดยกระทรวงฯ ได้รับที่จะไปประสานและหารือให้ โดยจะอ้างถึงเรื่องที่เคยเสนอต่อรัฐบาลถึงการต่ออายุโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยการลดค่าเข้าชมอุทยานฯ 50% ซึ่งเป็นโครงการที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อน
เนื่องจากเห็นว่าเป็นโครงการที่ดีและสามารถช่วยส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวได้จริง แต่การปรับขึ้นค่าเข้าชมอุทยานฯ ครั้งนี้อาจกระทบต่อการท่องเที่ยวได้
นอกจากนั้นยังอยู่ระหว่างติดตามความคืบหน้าการแก้ไขกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการยกเลิกการกรอกข้อมูลในใบ ตม.6 สำหรับคนไทยที่ผ่านเข้าออกประเทศ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการเดินทางเข้าและออกนอกประเทศของคนไทย ซึ่งที่ผ่านมาการใช้เครื่องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองอิเล็กทรอนิกส์มาใช้กับคนไทยก็ช่วยเรื่องความรวดเร็วได้ส่วนหนึ่ง
แต่คนไทยก็ยังต้องกรอกใบ ตม.6 โดยเอกชนเสนอให้ยกเลิกขั้นตอนนี้ไปเลย
สำหรับความคืบหน้าการจัดทำแผนธุรกิจของบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด หรือทีพีซี ผู้บริหารโครงการบัตรไทยแลนด์อีลิท ซึ่งใกล้แล้วเสร็จ ยังขาดแต่ความชัดเจนในเรื่องของลูกค้าเป้าหมายที่จะเข้ามาซื้อบัตรสมาชิกผ่านสำนักงานและตัวแทนของ ททท.ที่อยู่ในต่างประเทศ
“ผมต้องการรู้ว่าแต่ละสำนักงาน แต่ละตัวแทนของ ททท.ในต่างประเทศจะหาสมาชิกให้แก่บัตรอีลิทได้อย่างไร ด้วยวิธีการใด ลูกค้าเป้าหมายจะเป็นธุรกิจอะไร และควรมีการประเมินตัวเลขให้ชัดเจนว่าแต่ละสำนักงานจะหาสมาชิกได้เท่าไหร่ โดยทั้งหมดต้องได้ข้อสรุป พร้อมนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีได้ทันภายในเดือนกันยายนนี้ ตามที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ต้องการ”
***สทท.เตรียมแถลงความคืบหน้าโครงการ 2 ล้านล้าน
ทางด้านนางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งหมดนำโดย สทท. ได้แก่ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) สมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เป็นต้น จะร่วมกันแถลงข่าวเพื่อรายงานความคืบหน้า พร้อมนำเสนอมุมมอง พร้อมจุดยืนของภาคเอกชน
จากการที่ได้เห็นการทำงานและเข้าร่วมประชุมกับรัฐบาลในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ของการเริ่มนโยบายสร้างรายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้ได้ 2 ล้านล้านบาทภายในปี 2558
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ สทท.จะมีการเลือกตั้งตำแหน่งประธาน สทท.ใหม่ในวันที่ 11 ก.ย.ศกนี้ ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าหากสมาชิกให้ความไว้วางใจก็พร้อมที่จะเข้ามาสานงานต่ออีกหนึ่งสมัย เพราะยังมีอีกหลายประเด็นที่ สทท.ต้องการผลักดัน รวมถึงประเด็นของความต่อเนื่องในการทำงานภายใต้กรอบนโยบายเป้าหมาย 2 ล้านล้านบาท และการพัฒนาบุคลากรท่องเที่ยวรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปี 2558
วานนี้ (29 ส.ค.) ภายหลังการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดและพัฒนาการท่องเที่ยว ซึ่งมีทั้งหน่วยงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และภาคเอกชนท่องเที่ยวประชุมร่วมกัน นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในที่ประชุมสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) ได้ยื่นหนังสือขอให้กระทรวงฯ ช่วยประสานไปยังกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ขอทบทวนการขึ้นค่าเข้าอุทยานฯ ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ โดยกระทรวงฯ ได้รับที่จะไปประสานและหารือให้ โดยจะอ้างถึงเรื่องที่เคยเสนอต่อรัฐบาลถึงการต่ออายุโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยการลดค่าเข้าชมอุทยานฯ 50% ซึ่งเป็นโครงการที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อน
เนื่องจากเห็นว่าเป็นโครงการที่ดีและสามารถช่วยส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวได้จริง แต่การปรับขึ้นค่าเข้าชมอุทยานฯ ครั้งนี้อาจกระทบต่อการท่องเที่ยวได้
นอกจากนั้นยังอยู่ระหว่างติดตามความคืบหน้าการแก้ไขกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการยกเลิกการกรอกข้อมูลในใบ ตม.6 สำหรับคนไทยที่ผ่านเข้าออกประเทศ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการเดินทางเข้าและออกนอกประเทศของคนไทย ซึ่งที่ผ่านมาการใช้เครื่องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองอิเล็กทรอนิกส์มาใช้กับคนไทยก็ช่วยเรื่องความรวดเร็วได้ส่วนหนึ่ง
แต่คนไทยก็ยังต้องกรอกใบ ตม.6 โดยเอกชนเสนอให้ยกเลิกขั้นตอนนี้ไปเลย
สำหรับความคืบหน้าการจัดทำแผนธุรกิจของบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด หรือทีพีซี ผู้บริหารโครงการบัตรไทยแลนด์อีลิท ซึ่งใกล้แล้วเสร็จ ยังขาดแต่ความชัดเจนในเรื่องของลูกค้าเป้าหมายที่จะเข้ามาซื้อบัตรสมาชิกผ่านสำนักงานและตัวแทนของ ททท.ที่อยู่ในต่างประเทศ
“ผมต้องการรู้ว่าแต่ละสำนักงาน แต่ละตัวแทนของ ททท.ในต่างประเทศจะหาสมาชิกให้แก่บัตรอีลิทได้อย่างไร ด้วยวิธีการใด ลูกค้าเป้าหมายจะเป็นธุรกิจอะไร และควรมีการประเมินตัวเลขให้ชัดเจนว่าแต่ละสำนักงานจะหาสมาชิกได้เท่าไหร่ โดยทั้งหมดต้องได้ข้อสรุป พร้อมนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีได้ทันภายในเดือนกันยายนนี้ ตามที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ต้องการ”
***สทท.เตรียมแถลงความคืบหน้าโครงการ 2 ล้านล้าน
ทางด้านนางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งหมดนำโดย สทท. ได้แก่ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) สมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เป็นต้น จะร่วมกันแถลงข่าวเพื่อรายงานความคืบหน้า พร้อมนำเสนอมุมมอง พร้อมจุดยืนของภาคเอกชน
จากการที่ได้เห็นการทำงานและเข้าร่วมประชุมกับรัฐบาลในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ของการเริ่มนโยบายสร้างรายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้ได้ 2 ล้านล้านบาทภายในปี 2558
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ สทท.จะมีการเลือกตั้งตำแหน่งประธาน สทท.ใหม่ในวันที่ 11 ก.ย.ศกนี้ ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าหากสมาชิกให้ความไว้วางใจก็พร้อมที่จะเข้ามาสานงานต่ออีกหนึ่งสมัย เพราะยังมีอีกหลายประเด็นที่ สทท.ต้องการผลักดัน รวมถึงประเด็นของความต่อเนื่องในการทำงานภายใต้กรอบนโยบายเป้าหมาย 2 ล้านล้านบาท และการพัฒนาบุคลากรท่องเที่ยวรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปี 2558