ชุมพลสั่ง ททท.เร่งดำเนินงาน 3 ประเด็น หลัง ครม.มีมติอนุมัติเงินยาไส้อีลิทการ์ด 20 ล้านบาท เรื่องให้เวลา 2 เดือนทำแผนธุรกิจเชิงลึก เผยหลายหน่วยงานรัฐรุมเฉ่ง แผนฟื้นอีลิทการ์ดกลวงโบ๋ แต่ชงของบตั้ง 581 ล้านบาท
วันนี้ (26 มิ.ย.) ภายหลังคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติวงเงิน 20 ล้านบาทเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) บริหารโครงการไทยแลนด์ อีลิท การ์ด นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด (ทีพีซี) กล่าวว่า นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ทีพีซีไปดำเนินการ 3 เรื่อง ได้แก่
1. เร่งดำเนินการสรรหาผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่ง CEO บริษัท เน้นต้องเป็นมืออาชีพ 2. เร่งจัดทำแผนธุรกิจให้มีความเป็นรูปธรรม ลงรายละเอียดเชิงลึก ทั้งแผนการตลาดและแผนการเงิน โดยให้กลับมานำเสนอภายใน 2 เดือนนับจากนี้ และ 3. ให้นำเงิน 20 ล้านบาทที่ ครม.อนุมัติครั้งนี้ไปใช้เพื่อเสริมสภาพคล่องขององค์กร โดยถึงขณะนี้ ครม.ยังไม่ได้มีมติยกเลิกมติ ครม.เดิมในเรื่องของการศึกษาการปิดกิจการของทีพีซี
2. ในส่วนของการชำระค่าหุ้นให้แก่ทีพีซีที่เหลืออีก 500 ล้านบาท ล่าสุด ททท.ในฐานะผู้ถือหุ้น 100% ได้นำค่าใช้จ่ายดังกล่าวบรรจุไว้ในรายจ่ายในปีงบประมาณ 2556 แล้ว เนื่องจากเห็นว่าเป็นคนละส่วนกับแผนธุรกิจของทีพีซี เพราะตามกฎหมายไม่ว่าทีพีซีจะปิดกิจการหรือไม่ก็ต้องชำระค่าหุ้นให้ครบ 100%
นายสุรพลกล่าวอีกว่า ในส่วนของการสรรหา CEO ให้ทีพีซีไปศึกษาข้อกฎหมายและกฎระเบียบของทีพีซี เบื้องต้นคาดว่าการกำหนดคุณสมบัติคงไม่แตกต่างจากการสรรหาผู้บริหารของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจทั่วไป โดยให้ทีพีซีนำรายละเอียดมาเสนอในการประชุมบอร์ดทีพีซี ที่จะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 29 มิ.ย. 55
***ขอ 581 ลบ. ได้ยาไส้ 20 ลบ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุม ครม. นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เสนอต่อที่ประชุม ครม. ขออนุมัติงบประมาณปี 2555 เป็นวงเงินรวม 581.65 ล้านบาท แบ่งเป็น 500 ล้านบาทสำหรับชำระค่าหุ้นที่ยังค้างอยู่ให้แก่ทีพีซี และอีก 81.65 ล้านบาทเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดสภาพคล่องด้านการเงินของบริษัท แต่ ครม.ได้อนุมัติให้เพียง 20 ล้านบาทสำหรับใช้ในช่วง 2 เดือน คือ ส.ค.และ ก.ย.
***หลายหน่วยงานถามหารายละเอียดแผน
ในที่ประชุม ครม.หลังนายชุมพลได้เสนอเรื่องของบประมาณ มีการตั้งคำถามหลายประเด็น จากหลายหน่วยราชการ เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ควรจัดทำรายละเอียดของแผนธุรกิจ แนวทางการบริหารความเสี่ยง กลยุทธ์การจัดหาสมาชิก การปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการ และระบบตรวจสอบการดำเนินงาน รวมทั้งการประเมินผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงต่อประเทศมานำเสนอด้วย
ด้านกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์เห็นว่าวงเงินงบประมาณที่ขออนุมัติค่อนข้างสูง ควรคำนึงถึงความคุ้มค่าที่จะเกิดขึ้นทั้งด้านบวกและด้านลบ และมีข้อมูลประกอบการตัดสินให้ ครม.ได้มากกว่านี้ เช่น แผนรองรับการยุบเลิกโครงการฯ ผลตอบแทนที่ประเทศจะได้รับจากความเป็นไปได้ของโครงการจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย รวมทั้งควรจัดทำรายละเอียดของแผนธุรกิจของโครงการให้ ครม.พิจารณาก่อน ดังนั้น สำนักงบประมาณจึงสรุปว่ากระทรวงท่องเที่ยวและกีฬายังไม่ได้เสนอข้อมูลในรายละเอียดที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะการเปรียบเทียบผลดีและผลเสียในการดำเนินโครงการต่อไป ซึ่งจะเป็นสาระสำคัญต่อการตัดสินใจ จึงอนุมัตเพียงวงเงินเสริมสภาพคล่องให้ไปก่อน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2554 นายชุมพลได้เสนอต่อที่ประชุม ครม.ให้ยุบเลิกกิจการของบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัดหรือทีพีซี แต่คราวนี้กลับมาเสนอที่ประชุม ครม.ให้กลับมาดำเนินกิจการของโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ (ไทยแลนด์ พริวิเลจ การ์ด) หรืออีลิทการ์ด อีกครั้ง พร้อมขอวงเงินงบประมาณสูงถึง 581 ล้านบาทดังกล่าว
วันนี้ (26 มิ.ย.) ภายหลังคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติวงเงิน 20 ล้านบาทเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) บริหารโครงการไทยแลนด์ อีลิท การ์ด นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด (ทีพีซี) กล่าวว่า นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ทีพีซีไปดำเนินการ 3 เรื่อง ได้แก่
1. เร่งดำเนินการสรรหาผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่ง CEO บริษัท เน้นต้องเป็นมืออาชีพ 2. เร่งจัดทำแผนธุรกิจให้มีความเป็นรูปธรรม ลงรายละเอียดเชิงลึก ทั้งแผนการตลาดและแผนการเงิน โดยให้กลับมานำเสนอภายใน 2 เดือนนับจากนี้ และ 3. ให้นำเงิน 20 ล้านบาทที่ ครม.อนุมัติครั้งนี้ไปใช้เพื่อเสริมสภาพคล่องขององค์กร โดยถึงขณะนี้ ครม.ยังไม่ได้มีมติยกเลิกมติ ครม.เดิมในเรื่องของการศึกษาการปิดกิจการของทีพีซี
2. ในส่วนของการชำระค่าหุ้นให้แก่ทีพีซีที่เหลืออีก 500 ล้านบาท ล่าสุด ททท.ในฐานะผู้ถือหุ้น 100% ได้นำค่าใช้จ่ายดังกล่าวบรรจุไว้ในรายจ่ายในปีงบประมาณ 2556 แล้ว เนื่องจากเห็นว่าเป็นคนละส่วนกับแผนธุรกิจของทีพีซี เพราะตามกฎหมายไม่ว่าทีพีซีจะปิดกิจการหรือไม่ก็ต้องชำระค่าหุ้นให้ครบ 100%
นายสุรพลกล่าวอีกว่า ในส่วนของการสรรหา CEO ให้ทีพีซีไปศึกษาข้อกฎหมายและกฎระเบียบของทีพีซี เบื้องต้นคาดว่าการกำหนดคุณสมบัติคงไม่แตกต่างจากการสรรหาผู้บริหารของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจทั่วไป โดยให้ทีพีซีนำรายละเอียดมาเสนอในการประชุมบอร์ดทีพีซี ที่จะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 29 มิ.ย. 55
***ขอ 581 ลบ. ได้ยาไส้ 20 ลบ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุม ครม. นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เสนอต่อที่ประชุม ครม. ขออนุมัติงบประมาณปี 2555 เป็นวงเงินรวม 581.65 ล้านบาท แบ่งเป็น 500 ล้านบาทสำหรับชำระค่าหุ้นที่ยังค้างอยู่ให้แก่ทีพีซี และอีก 81.65 ล้านบาทเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดสภาพคล่องด้านการเงินของบริษัท แต่ ครม.ได้อนุมัติให้เพียง 20 ล้านบาทสำหรับใช้ในช่วง 2 เดือน คือ ส.ค.และ ก.ย.
***หลายหน่วยงานถามหารายละเอียดแผน
ในที่ประชุม ครม.หลังนายชุมพลได้เสนอเรื่องของบประมาณ มีการตั้งคำถามหลายประเด็น จากหลายหน่วยราชการ เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ควรจัดทำรายละเอียดของแผนธุรกิจ แนวทางการบริหารความเสี่ยง กลยุทธ์การจัดหาสมาชิก การปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการ และระบบตรวจสอบการดำเนินงาน รวมทั้งการประเมินผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงต่อประเทศมานำเสนอด้วย
ด้านกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์เห็นว่าวงเงินงบประมาณที่ขออนุมัติค่อนข้างสูง ควรคำนึงถึงความคุ้มค่าที่จะเกิดขึ้นทั้งด้านบวกและด้านลบ และมีข้อมูลประกอบการตัดสินให้ ครม.ได้มากกว่านี้ เช่น แผนรองรับการยุบเลิกโครงการฯ ผลตอบแทนที่ประเทศจะได้รับจากความเป็นไปได้ของโครงการจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย รวมทั้งควรจัดทำรายละเอียดของแผนธุรกิจของโครงการให้ ครม.พิจารณาก่อน ดังนั้น สำนักงบประมาณจึงสรุปว่ากระทรวงท่องเที่ยวและกีฬายังไม่ได้เสนอข้อมูลในรายละเอียดที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะการเปรียบเทียบผลดีและผลเสียในการดำเนินโครงการต่อไป ซึ่งจะเป็นสาระสำคัญต่อการตัดสินใจ จึงอนุมัตเพียงวงเงินเสริมสภาพคล่องให้ไปก่อน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2554 นายชุมพลได้เสนอต่อที่ประชุม ครม.ให้ยุบเลิกกิจการของบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัดหรือทีพีซี แต่คราวนี้กลับมาเสนอที่ประชุม ครม.ให้กลับมาดำเนินกิจการของโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ (ไทยแลนด์ พริวิเลจ การ์ด) หรืออีลิทการ์ด อีกครั้ง พร้อมขอวงเงินงบประมาณสูงถึง 581 ล้านบาทดังกล่าว
