xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กอ๊อด” สงสัยมุสลิมเขมรเที่ยวใต้ไม่กลับ - กอ.รมน.รับหลังรอมฎอนอาจมีบึ้ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี (แฟ้มภาพ)
รองนายกฯ รับต้องดูตั้ง ศปก.จชต.ถูกกฎหมายหรือไม่ ระบุยังไม่ได้คุย สปต.จ่อไขก๊อกยกชุด เชื่อถ้ารู้ภารกิจคงไม่มีปัญหา ยันไม่ซ้ำซ้อนงานแน่ ชี้จัดกลุ่มเพื่อประสานงานรายกระทรวง เผยล่าตัวป่วนได้เพิ่มแล้ว แย้มตั้งด่านตรวจคนเข้าเมืองเพิ่มหลังการข่าวพบเขมรอิสลามดอดเที่ยวแล้วไม่กลับบ้าน ด้านโฆษก กอ.รมน.เผยหลังประชุม ชี้หลังรอมฎอนอาจมีบึ้มอีก ชี้ “บิ๊กอ๊อด” ปูดชาวกัมพูชาแค่สงสัย

วันนี้ (20 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.30 น. พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวถึงการตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.จชต.) ว่า ขณะนี้ยังไม่เสนอต่อนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ได้ติดขัดอะไรแต่ก็ต้องดูว่ากฎหมายการจัดตั้งมีอะไรที่ผิดกฎหรือถูกกฎหมาย ถูกต้องหรือไม่ และดูอำนาจหน้าที่ของหน่วยนี้ว่าจะมีความซ้ำซ้อน มีปัญหากับหน่วยงานอื่นที่ตั้งไว้แล้วหรือไม่ ส่วนกรณีที่สภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สปต.) ไม่เห็นด้วยกับการตั้ง ศปก.จชต. และหากรัฐบาลยังไม่ฟังเสียงทักท้วงก็จะลาออกทั้งคณะนั้น เห็นว่าขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่หากพูดคุยและอธิบาย และทางสภาที่ปรึกษาเห็นว่าหน่วยที่จัดตั้งขึ้นมามีภารกิจหน้าที่อะไรก็คงจะไม่มีปัญหา แต่เรื่องนี้คงเป็นแค่การประมาณการว่างานจะเป็นรูปแบบใด เพราะแม้แต่ตนก็ยังไม่เห็นว่ารูปแบบเป็นอย่างใด และปรับแก้ในฐานะเจ้าหน้าที่อย่างไร ซึ่งเมื่อปรับแก้เสร็จก็จะพูดถึงหน้าที่ว่าจะต้องปรับแก้อย่างไร

“หน่วยนี้ไม่ได้ซ้ำซ้อน แต่จะเป็นหน่วยงานที่ช่วยเขาอีกชั้นหนึ่ง ทั้งเรื่อง ศอ.บต. ช่วยงานของคณะที่ปรึกษา อะไรที่ติดขัดเราจะเป็นไม้เป็นมือให้ ฉะนั้นเราต้องดูความเรียบร้อยในเรื่องของกฎหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความพอใจ ก็ต้องรออีกสักพักหนึ่ง แต่ก็มีบางหน่วยที่ทำงานไปแล้ว เช่น ส่วนของการข่าว ขณะเดียวกันก็ต้องมีการฟังเสียงของคนในพื้นที่ด้วย เมื่อภาพของการจัดตั้งออกมาแล้วก็จะต้องรู้ว่าเกิดประโยชน์จริงๆ ไม่ใช่ทำแล้วไม่เกิดประโยชน์ มีความซ้ำซ้อนหรือทำให้การทำงานมีความล่าช้า ก็ต้องปรับปรุงแก้ไข แต่สิ่งที่พบคือ งานของกระทรวงล่าช้า จึงต้องจัดกลุ่มงานเพื่อประสานงานช่วยกันผลักดันในการที่จะให้แต่ละกระทรวงทำงานได้เต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ตามที่ของบประมาณไว้ และหากทุกกระทรวงทำงานเต็มที่ ศอ.บต.ทำงานพัฒนา ประชาชนก็จะมีความสุขและสบายใจมากขึ้น ก็จะมีการปรับหน่วยงานความมั่นคงออกจากพื้นที่และมอบให้กับเจ้าหน้าที่ดูที่แลการพัฒนาต่อไป” พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าว

เมื่อถามถึงสถานการณ์ความไม่สงบหลังเดือนรอมฎอนจะเป็นอย่างไร พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าวว่า ในช่วงถือศีลอดไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น การยิงกันเป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่า และแทบไม่มีเรื่องของความมั่นคง ซึ่งในส่วนของความมั่นคงเราได้ตัวผู้ก่อความรุนแรงตามที่มีรายชื่อของหน่วยเฉพาะกิจที่บูรณาการค้นหาติดตาม เท่าที่ได้รับรายงานหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินได้ตัวคนที่ก่อเหตุขับสามล้อพ่วงมาวางระเบิดที่หน้าสนามบินบ้านทอน จ.นราธิวาสแล้ว รวมทั้งเมื่อวันที่ 19 ส.ค.หน่วยเฉพาะกิจส่วนหน้าของกองทัพภาคที่ 4 ก็ได้ตัวมาอีก 10 กว่าคน

เมื่อถามว่า ทางการจะตั้งรับหรือรุกอย่างไรหลังจากที่ปฏิบัติการเชิงรุกอย่างต่อเรื่อง รองนายกฯ กล่าวว่า การปฏิบัติการเชิงรุกและการกดดันจะต้องทำตลอดเวลา รวมทั้งการตรวจค้น ขณะเดียวกันการขออนุมัติตั้งด่านตรวจยาเสพติดจากนายกรัฐมนตรี ประชาชนในพื้นที่ก็พอใจและด่านตรวจคนเข้าเมือง เพราะจากการข่าวเริ่มมีชาวกัมพูชาที่นับถือศาสนาอิสลามเดินทางเข้ามาในพื้นที่ได้ออกจากพื้นที่ไปแล้วหรือไม่ ด่านตรวจคนเข้าเมืองก็จะต้องดูแลไม่ใช่เข้ามาแล้วไม่ได้เดินทางกลับไป ซึ่งขณะนี้เข้ามาในแต่ละวันประมาณ 1,000 คน เข้าในลักษณะนักท่องเที่ยวจึงต้องฝากให้ ตม.ดูแลอย่างใกล้ชิด

“การข่าวได้ตั้งข้อสังเกตจึงขอให้ ตม.เข้ามาช่วยดูแล ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะต้องประสานกับกัมพูชาเพราะเข้ามาทางด่าน ผมทราบเรื่องนี้แล้วจึงเริ่มขอให้ ตม.มาทำงานให้ เป็นสิ่งที่ผมให้หน่วยงานอื่นเข้ามาช่วยเหลือและแลกเปลี่ยนการข่าวกันทุกวัน อะไรที่เห็นบกพร่องก็ไม่ได้ละเว้น ซึ่งการผลักดันกลับหรือดำเนินการอย่างไรนั้น ก็อยากให้ผลักดันเขาออกมากกว่าออกเอง ที่ผ่านมาไม่มีใครใส่ใจ แต่พอสะกิดใจ ผมก็ใส่ใจ” พล.อ.ยุทธศักดิ์กล่าว

ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.ดิฎฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) กล่าวภายหลังการประชุมศูนย์ปฎิบัติการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.จชต.) วันนี้ว่า ในวันนี้เป็นการติดตามข้อมูลเพิ่มเติมถึงสถานการณ์ในพื้นที่ เนื่องจากเกิดเหตุระเบิด เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ จ.ปัตตานี ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้เพิ่มมาตรการของหน่วยงานกระทรวงมหาดไทยในพื้นที่ในการบูรณาการดูแลสถานที่ราชการเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อความสะดวกของประชาชนที่มาติดต่อหน่วยงานราชการ แต่ประชาชนก็เข้าใจว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นเจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มการกวดขันมากขึ้น นอกจากนี้ การข่าวมีการประเมินสถานการณ์หลังเดือนรอนฎอนว่าการก่อเหตุจะเหมือนเดิม เช่น การวางระเบิด การซุ่มทำร้ายเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ได้มีการย้ำเตือนและเข้มงวดในพื้นที่มากขึ้น เพราะกลุ่มที่ก่อเหตุต้องการท้าทายอำนาจรัฐว่ารัฐบาลบาลดำเนินการไม่ถูกต้อง ดังนั้น เจ้าหน้าที่ก็ต้องเพิ่มมาตรการมากขึ้น ซึ่งตอนนี้เรามีการวางแผนการดำเนินการแล้ว โดยที่ประชุมมีข้อเป็นห่วงในเรื่องการข่าว ซึ่งเราจะต้องมีการข่าวที่เข้มข้นมากขึ้น เพื่อการแก้ไขปัญหาที่มีเอกภาพ และนำไปสู่การปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม การประชุมจะมีอีกครั้งในวันที่ 22 หรือ 23 ส.ค.นี้ และเราจะไม่มีการประชุมทุกวัน เพราะต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมข้อมูล ซึ่งในวันที่ 21 ส.ค. สภาความมั่นคงแห่งชาติจะเป็นเจ้าภาพการประชุมกำหนดหน้าที่ของผู้ปฏิบัติการในโครงสร้าง ศปก.จชต. รวมถึงข้อกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ศปก.จชต. มีความห่วงใยการเคลื่อนไหวของชาวมุสลิมเชื้อสายกัมพูชา ว่าอาจจะมีความเกี่ยวพันกับเหตุการณ์ในภาคใต้หรือไม่ พล.ต.ดิฎฐพรกล่าวว่า เรื่องนี้ทาง พล.อ.ยุทธศักดิ์ก็มีการพูดในที่ประชุมโดยการตั้งเป็นข้อสงสัยไว้เท่านั้น และได้มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ไปตรวจสอบ ส่วนจะเกี่ยวข้องหรือไม่นั้นก็คงต้องรอผลการตรวจสอบอีกครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น