เบียร์สิงห์เบนเข็มโฟกัสตลาดเบียร์เอเชียหลังยุโรปซบหนัก ไม่หวั่นสองยักษ์ใหญ่ “ไทยเบฟ-ไฮเนเก้น” ชิงซื้อหุ้นเอฟแอนด์เอ็นคว้าไทเกอร์เบียร์ลุย ลั่นวางยุทธศาสตร์ปั้นเบียร์สิงห์-ลีโอ รุกเอเชียตามสูตรร่วมทุน-ผุดโรงงาน หวัง 3 ปีรายได้เอเชียพุ่ง 65% ผงาดขึ้นท็อปทรี
นายฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเบียร์สิงห์ ลีโอ เปิดเผยว่า แผนการทำตลาดเบียร์ในต่างประเทศในขณะนี้บริษัทหันมาโฟกัสการทำตลาดในเอเชียมากกว่ายุโรป แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาเบียร์สิงห์ได้เข้าไปเป็นสปอนเซอร์ทีมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษด้วย 2 ทีม คือ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และเชลซี เนื่องจากเศรษฐกิจในเอเชียมีอัตราการเติบโตที่ดี ประชาชนมีกำลังการซื้อสูง โดยกลุ่มสินค้าไม่เฉพาะเบียร์เท่านั้นที่เป็นตลาดที่มีศักยภาพ เมื่อเทียบกับตลาดในยุโรปในขณะนี้กำลังซบเซาอย่างหนัก ทำให้แม้แต่ผู้ประกอบการในยุโรปก็หันมาขยายธุรกิจในตลาดเอเชียเพิ่มขึ้น
“การรุกขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียมากขึ้นของกลุ่มผู้ประกอบการมาจากปัจจัยเศรษฐกิจในเอเชียเติบโต ส่วนปัจจัยรองมาจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 โดยขณะนี้มีประเทศในอาเซียนเปิดประเทศกว้างมากขึ้น เช่น พม่า กัมพูชา ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการตื่นตัวและสนใจเข้ามาลงทุน”
สำหรับการรุกขยายธุรกิจเบียร์ของบริษัทในภูมิภาคเอเชีย บริษัทมีการแต่งตั้งหน่วยงานเพื่อรองรับการทำตลาดมากขึ้น โดยก่อนหน้านี้ นายปิติ ภิรมย์ภักดี ผู้อำนวยการสายการตลาดภูมิภาค บริษัท สิงห์คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ตลาดอาเซียนวางโมเดลสร้างโรงงานและร่วมทุนกับพันธมิตร โดยพม่าเน้นโมเดลร่วมทุนและการสร้างโรงงาน
ส่วนตลาดในกัมพูชาได้ตั้งทีมการตลาดออนพรีมิสและออฟพรีมิส และกำลังอยู่ระหว่างตั้งสำนักงาน สำหรับในเวียดนามบริษัทวางแผนสร้างโรงงานผลิตไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้เอเชียกลายเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง จึงทำให้ทั้งสองค่ายเบียร์ระหว่างไฮเนเก้นที่ต้องการซื้อหุ้นบริษัทเฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ (เอฟแอนด์เอ็น) เพื่อให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ของบริษัทที่ต้องการขยายตลาดในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากไทเกอร์เบียร์เป็นเบียร์ที่มีการเติบโตในเอเชีย ขณะที่บริษัทไทยเบฟก็มีความต้องการซื้อหุ้นเอฟแอนด์เอ็นด้วยเช่นกัน เพื่อวางเป้าหมายขยายตลาดเบียร์ในเอเชีย
นายฉัตรชัยกล่าวว่า แม้ว่าจะเกิดการซื้อขายหุ้นเอฟแอนด์เอ็มของ 2 ค่ายเบียร์ สำหรับแผนการตลาดในเอเชียของบริษัทยังคงดำเนินการตามยุทธศาสตร์ของบริษัท ซึ่งสินค้าที่จะโฟกัสคือ เบียร์สิงห์ และลีโอ แต่การทำตลาดต้องพิจารณาว่าเบียร์ตัวไหนได้รับการตอบรับดีก็จะให้ความสำคัญต่อเบียร์แบรนด์นั้นทำตลาด โดยสภาพตลาดเบียร์ในเอเชียมีความหลากหลาย โพซิชันนิ่งแตกต่างจากประเทศไทยอย่างสิ้นเชิง ที่มีเพียงการแบ่งเบียร์ตาม 3 เซกเมนต์ คือ อีโคโนมี สแตนดาร์ด และพรีเมียม
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ว่าในปี 2558 รายได้ส่งออกจะต้องเพิ่มจาก 10% หรือ 110-120 ล้านลิตรต่อปี เป็น 20% แบ่งเป็นเอเชีย 65% และยุโรป อเมริกา 30% ที่เหลือ 5% เป็นออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และวางเป้าหมายภาพรวมบริษัทเบียร์ของสิงห์ต้องขึ้นเป็นท็อปทรีในตลาดเอเชียในอีก 3 ปี จากปัจจุบันอยู่อันดับท็อปเท็น โดยเบียร์อาซาฮี และคิรินผลัดกันเป็นผู้นำตลาด
นายฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเบียร์สิงห์ ลีโอ เปิดเผยว่า แผนการทำตลาดเบียร์ในต่างประเทศในขณะนี้บริษัทหันมาโฟกัสการทำตลาดในเอเชียมากกว่ายุโรป แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาเบียร์สิงห์ได้เข้าไปเป็นสปอนเซอร์ทีมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษด้วย 2 ทีม คือ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และเชลซี เนื่องจากเศรษฐกิจในเอเชียมีอัตราการเติบโตที่ดี ประชาชนมีกำลังการซื้อสูง โดยกลุ่มสินค้าไม่เฉพาะเบียร์เท่านั้นที่เป็นตลาดที่มีศักยภาพ เมื่อเทียบกับตลาดในยุโรปในขณะนี้กำลังซบเซาอย่างหนัก ทำให้แม้แต่ผู้ประกอบการในยุโรปก็หันมาขยายธุรกิจในตลาดเอเชียเพิ่มขึ้น
“การรุกขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียมากขึ้นของกลุ่มผู้ประกอบการมาจากปัจจัยเศรษฐกิจในเอเชียเติบโต ส่วนปัจจัยรองมาจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 โดยขณะนี้มีประเทศในอาเซียนเปิดประเทศกว้างมากขึ้น เช่น พม่า กัมพูชา ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการตื่นตัวและสนใจเข้ามาลงทุน”
สำหรับการรุกขยายธุรกิจเบียร์ของบริษัทในภูมิภาคเอเชีย บริษัทมีการแต่งตั้งหน่วยงานเพื่อรองรับการทำตลาดมากขึ้น โดยก่อนหน้านี้ นายปิติ ภิรมย์ภักดี ผู้อำนวยการสายการตลาดภูมิภาค บริษัท สิงห์คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ตลาดอาเซียนวางโมเดลสร้างโรงงานและร่วมทุนกับพันธมิตร โดยพม่าเน้นโมเดลร่วมทุนและการสร้างโรงงาน
ส่วนตลาดในกัมพูชาได้ตั้งทีมการตลาดออนพรีมิสและออฟพรีมิส และกำลังอยู่ระหว่างตั้งสำนักงาน สำหรับในเวียดนามบริษัทวางแผนสร้างโรงงานผลิตไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้เอเชียกลายเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง จึงทำให้ทั้งสองค่ายเบียร์ระหว่างไฮเนเก้นที่ต้องการซื้อหุ้นบริษัทเฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ (เอฟแอนด์เอ็น) เพื่อให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ของบริษัทที่ต้องการขยายตลาดในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากไทเกอร์เบียร์เป็นเบียร์ที่มีการเติบโตในเอเชีย ขณะที่บริษัทไทยเบฟก็มีความต้องการซื้อหุ้นเอฟแอนด์เอ็นด้วยเช่นกัน เพื่อวางเป้าหมายขยายตลาดเบียร์ในเอเชีย
นายฉัตรชัยกล่าวว่า แม้ว่าจะเกิดการซื้อขายหุ้นเอฟแอนด์เอ็มของ 2 ค่ายเบียร์ สำหรับแผนการตลาดในเอเชียของบริษัทยังคงดำเนินการตามยุทธศาสตร์ของบริษัท ซึ่งสินค้าที่จะโฟกัสคือ เบียร์สิงห์ และลีโอ แต่การทำตลาดต้องพิจารณาว่าเบียร์ตัวไหนได้รับการตอบรับดีก็จะให้ความสำคัญต่อเบียร์แบรนด์นั้นทำตลาด โดยสภาพตลาดเบียร์ในเอเชียมีความหลากหลาย โพซิชันนิ่งแตกต่างจากประเทศไทยอย่างสิ้นเชิง ที่มีเพียงการแบ่งเบียร์ตาม 3 เซกเมนต์ คือ อีโคโนมี สแตนดาร์ด และพรีเมียม
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ว่าในปี 2558 รายได้ส่งออกจะต้องเพิ่มจาก 10% หรือ 110-120 ล้านลิตรต่อปี เป็น 20% แบ่งเป็นเอเชีย 65% และยุโรป อเมริกา 30% ที่เหลือ 5% เป็นออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และวางเป้าหมายภาพรวมบริษัทเบียร์ของสิงห์ต้องขึ้นเป็นท็อปทรีในตลาดเอเชียในอีก 3 ปี จากปัจจุบันอยู่อันดับท็อปเท็น โดยเบียร์อาซาฮี และคิรินผลัดกันเป็นผู้นำตลาด
