เบียร์สิงห์ รุกต่างประเทศเต็มสูบ ชูโมเดลผุดโรงงาน-ร่วมทุนบุกอเมริกา ยุโรป อาเซียน วางหมาก 3 ปี ขยายกำลังผลิตเป็น 2,000 ล้านลิตร พร้อมผงาดท็อปทรีแบรนด์เอเชีย บุกธุรกิจพลังงาน อสังหาริมทรัพย์
นายปิติ ภิรมย์ภักดี ผู้อำนวยการสายการตลาดภูมิภาค บริษัท สิงห์คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเบียร์สิงห์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้วางนโยบายการดำเนินธุรกิจต่างประเทศในเชิงรุกมากขึ้น ทั้งเบียร์สิงห์และลีโอ ทั้งตลาดอเมริกา ยุโรป เน้นโมเดลจ้างบริษัทอื่นผลิต และหาพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อลดต้นทุนการกระจายสินค้า ส่วนตลาดอาเซียนวางโมเดลสร้างโรงงานกับร่วมทุนกับพันธมิตร โดยปีนี้ใช้งบการตลาดต่างประเทศ 450 ล้านบาท
โดยเบื้องต้นบริษัทได้จ้าง Mood head ซึ่งเป็นบริษัทในแคนาดา ผลิตเบียร์ให้กับอาซาฮีและซานมิเกล ผลิตเบียร์สิงห์และลีโอในเดือนตุลาคมปีนี้ ขณะที่ตลาดในอังกฤษได้จ้างบริษัทเบียร์ในประเทศเยอรมันเป็นผู้ผลิตให้ และอยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนจะสรุป 1-2 เดือนนี้
ส่วนในอาเซียนเบื้องต้นต้องการรุกตลาดพม่า เวียดนาม กัมพูชา โดยในพม่าเน้นโมเดลร่วมทุนและการสร้างโรงงาน จากปัจจุบันตลาดเบียร์พม่า มี โรงงานผลิตเบียร์ 3 แห่ง เป็นของรัฐบาล และการร่วมทุนระหว่างรัฐกับภาคเอกชน โดยเบียร์ที่เป็นผู้นำตลาด คือ เบียร์เมียนมาร์ ของบริษัทไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ และเบียร์มัณฑะเลย์ เป็นอันดับ 2
ทั้งนี้ การที่จะสร้างโรงงานในประเทศพม่า ต้องมีกำลังผลิต 80-100 ล้านลิตร โดยที่ยอดขายของบริษัทในปีนี้ตั้งเป้า 40 ล้านลิตรจากปีที่ผ่านมา 30 ล้านลิตร
ส่วนตลาดในกัมพูชาได้ตั้งทีมการตลาดออนพรีมิสและออฟพรีมิส และกำลังอยู่ระหว่างตั้งสำนักงาน สำหรับในเวียดนามบริษัทวางแผนสร้างโรงงานเช่นกัน โดยบริษัทตั้งเป้าปี58 สัดส่วนรายได้ส่งออกเพิ่มจาก 10% หรือประมาณ 110-120 ล้านลิตรต่อปี เป็น 20% แบ่งเป็น รายได้เอเชีย 65% และยุโรป อเมริกา 30% ซึ่งตลาดอเมริกา หวังส่วนแบ่ง 1% จากตลาดเท่านั้น ที่เหลือ 5% เป็นออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ทั้งนี้ตั้งเป้าภาพรวมบริษัทเบียร์ของสิงห์ขึ้นเป็นท็อปทรีในตลาดเอเชียในอีก 3 ปี จากปัจจุบันอยู่อันดับท็อปเท็น โดยเบียร์อาซาฮีและคิริน ผลัดกันเป็นผู้นำตลาด
นอกจากนี้ บริษัทจะเพิ่มกำลังการผลิต 500 ล้านลิตรส่งออกการรุกตลาดส่งออกและรองรับกับการเติบโตภายในประเทศ ซึ่งช่วง 2 เดือน (ม.ค.-ก.พ.) ส่วนแบ่งรวมของบริษัทจากข้อมูลการเสียภาษีจากกรมสรรพสามิตร เพิ่มจาก 63.5% เป็น 69% ขณะที่ไทยเบฟลดลงจาก 31.63% เป็น 26.76% จากยอดผลิตเบียร์ที่จ่ายให้กรมสรรพสามิตร 353 ล้านลิตร โต 21% ซึ่งการตลาดเติบโตมากมาจากกระแสข่าวการปรับภาษีเบียร์เพิ่มขึ้น ดังนั้นบริษัทจึงได้วางแผนเพิ่มกำลังผลิตจาก 1,500 ล้านลิตรเป็น 2,000 ล้านลิตร ในช่วง 3 ปีจากนี้ ที่โรงงานขอนแก่น และบางเลน
“กลุ่มสิงห์ ยังวางแผนขยายธุรกิจอื่นๆ ล่าสุดรุกธุรกิจพลังงาน ด้วยการสร้างโรงงานไฟฟ้า โดยอยู่ในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง ส่วนการทำอสังหาริมทรัพย์บนถนนอโศก วางแผนทำออฟฟิศกับคอนเวนชั่นฮอลล์” นายปิติกล่าว
นายปิติ ภิรมย์ภักดี ผู้อำนวยการสายการตลาดภูมิภาค บริษัท สิงห์คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเบียร์สิงห์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้วางนโยบายการดำเนินธุรกิจต่างประเทศในเชิงรุกมากขึ้น ทั้งเบียร์สิงห์และลีโอ ทั้งตลาดอเมริกา ยุโรป เน้นโมเดลจ้างบริษัทอื่นผลิต และหาพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อลดต้นทุนการกระจายสินค้า ส่วนตลาดอาเซียนวางโมเดลสร้างโรงงานกับร่วมทุนกับพันธมิตร โดยปีนี้ใช้งบการตลาดต่างประเทศ 450 ล้านบาท
โดยเบื้องต้นบริษัทได้จ้าง Mood head ซึ่งเป็นบริษัทในแคนาดา ผลิตเบียร์ให้กับอาซาฮีและซานมิเกล ผลิตเบียร์สิงห์และลีโอในเดือนตุลาคมปีนี้ ขณะที่ตลาดในอังกฤษได้จ้างบริษัทเบียร์ในประเทศเยอรมันเป็นผู้ผลิตให้ และอยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนจะสรุป 1-2 เดือนนี้
ส่วนในอาเซียนเบื้องต้นต้องการรุกตลาดพม่า เวียดนาม กัมพูชา โดยในพม่าเน้นโมเดลร่วมทุนและการสร้างโรงงาน จากปัจจุบันตลาดเบียร์พม่า มี โรงงานผลิตเบียร์ 3 แห่ง เป็นของรัฐบาล และการร่วมทุนระหว่างรัฐกับภาคเอกชน โดยเบียร์ที่เป็นผู้นำตลาด คือ เบียร์เมียนมาร์ ของบริษัทไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ และเบียร์มัณฑะเลย์ เป็นอันดับ 2
ทั้งนี้ การที่จะสร้างโรงงานในประเทศพม่า ต้องมีกำลังผลิต 80-100 ล้านลิตร โดยที่ยอดขายของบริษัทในปีนี้ตั้งเป้า 40 ล้านลิตรจากปีที่ผ่านมา 30 ล้านลิตร
ส่วนตลาดในกัมพูชาได้ตั้งทีมการตลาดออนพรีมิสและออฟพรีมิส และกำลังอยู่ระหว่างตั้งสำนักงาน สำหรับในเวียดนามบริษัทวางแผนสร้างโรงงานเช่นกัน โดยบริษัทตั้งเป้าปี58 สัดส่วนรายได้ส่งออกเพิ่มจาก 10% หรือประมาณ 110-120 ล้านลิตรต่อปี เป็น 20% แบ่งเป็น รายได้เอเชีย 65% และยุโรป อเมริกา 30% ซึ่งตลาดอเมริกา หวังส่วนแบ่ง 1% จากตลาดเท่านั้น ที่เหลือ 5% เป็นออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ทั้งนี้ตั้งเป้าภาพรวมบริษัทเบียร์ของสิงห์ขึ้นเป็นท็อปทรีในตลาดเอเชียในอีก 3 ปี จากปัจจุบันอยู่อันดับท็อปเท็น โดยเบียร์อาซาฮีและคิริน ผลัดกันเป็นผู้นำตลาด
นอกจากนี้ บริษัทจะเพิ่มกำลังการผลิต 500 ล้านลิตรส่งออกการรุกตลาดส่งออกและรองรับกับการเติบโตภายในประเทศ ซึ่งช่วง 2 เดือน (ม.ค.-ก.พ.) ส่วนแบ่งรวมของบริษัทจากข้อมูลการเสียภาษีจากกรมสรรพสามิตร เพิ่มจาก 63.5% เป็น 69% ขณะที่ไทยเบฟลดลงจาก 31.63% เป็น 26.76% จากยอดผลิตเบียร์ที่จ่ายให้กรมสรรพสามิตร 353 ล้านลิตร โต 21% ซึ่งการตลาดเติบโตมากมาจากกระแสข่าวการปรับภาษีเบียร์เพิ่มขึ้น ดังนั้นบริษัทจึงได้วางแผนเพิ่มกำลังผลิตจาก 1,500 ล้านลิตรเป็น 2,000 ล้านลิตร ในช่วง 3 ปีจากนี้ ที่โรงงานขอนแก่น และบางเลน
“กลุ่มสิงห์ ยังวางแผนขยายธุรกิจอื่นๆ ล่าสุดรุกธุรกิจพลังงาน ด้วยการสร้างโรงงานไฟฟ้า โดยอยู่ในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง ส่วนการทำอสังหาริมทรัพย์บนถนนอโศก วางแผนทำออฟฟิศกับคอนเวนชั่นฮอลล์” นายปิติกล่าว