ผู้ผลิตสุดอั้นเตรียมขอปรับราคาสินค้าแล้ว สุดทนต้นทุนที่พุ่งไม่หยุด รากหญ้าอ่วมแน่เหตุมาม่าเล็งขึ้นอีก 1 บาทต้นปีหน้า กลุ่มน้ำปลาทำเรื่องถึงภาครัฐแล้วแต่ยังไม่ได้คำตอบ ด้านสหพัฒน์ยันตรึงราคาถึงสิ้นปีนี้
นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ตรามาม่า, ขนมปังกรอบ ตราโฮมมี และบิสชิน เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาต้นทุนการผลิตทั้งหมดของมาม่า ซึ่งหากมีการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อก็คงอาจจะทำเรื่องเพื่อขอปรับราคามาม่าซองประมาณ 1 บาทต่อซองเสนอกรมการค้าภายในพิจารณาภายในปีนี้ เพื่อขอขึ้นราคาในต้นปีหน้า 2556 แต่ถ้าต้นทุนผลิตไม่ได้ขึ้นมากนักก็อาจจะยังคงไม่ปรับราคาก็ได้ เนื่องจากขณะนี้ต้นทุนหลักคือแป้งสาลีในตลาดโลกมีการปรับตัวขึ้นอย่างมาก บริษัทฯ ได้รับผลกระทบพอสมควร
“บริษัทฯ ไม่อยากจะปรับราคามาม่าขึ้นหากไม่จำเป็นจริงๆ เพราะยอมรับว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถือได้ว่าเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันของคนไทยไปแล้ว แต่ในมุมของผู้ผลิตเราก็ลำบากเพราะต้นทุนสูงขึ้น ซึ่งการที่จะปรับราคาหรือไม่ สิ่งสำคัญคือต้องดูราคาแป้งสาลีในตลาดโลกเป็นตัวหลัก หากต้นทุนคงที่หรือเพิ่มเล็กน้อยก็ไม่ปรับราคา ซึ่งตอนนี้ผลผลิตแป้งสาลีทั่วโลกลดน้อยลงด้วย ส่วนราคาจำหน่ายมาม่าซองเวลานี้ 6 บาทต่อซอง ซึ่งเราไม่ได้ปรับราคาขึ้นมานานหลายปีแล้ว”
นายภาส นิธิปิติกาญจน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สินวารีพัฒนา จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำปลาและซอสหอยนางรมแบรนด์ “เมกาเชฟ” เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางสมาคมน้ำปลาไทยได้ทำเรื่องไปถึงกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อที่จะขอปรับราคาสินค้าขึ้นอีก แต่ทั้งนี้ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากทางกรมการค้าภายใน
เนื่องจากขณะนี้ผู้ผลิตได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม คาดว่าหากถึงกำหนดสิ้นสุดเดือนกันยายนที่ทางกรมการค้าภายในขอความร่วมมือผู้ผลิตให้ตรึงราคาไว้นั้น ทางผู้ผลิตก็คงขอปรับราคาขึ้นแน่นอนเพราะตอนนี้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งผู้ประกอบการรายเล็กก็ได้รับความลำบากอย่างมากด้วย
นายภาสกล่าวว่า ในส่วนของแบรนด์เมกาเชฟนั้น ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่จับกลุ่มเป้าหมายระดับบนหรือกลุ่มพรีเมียม ซึ่งปัจจุบันก็ได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่ปรับสูงขึ้น 20-30% เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นทุนค่าแรงงาน ต้นทุนปลาที่ใช้ผลิตน้ำปลามีราคาสูงขึ้น และต้นทุนจากเกลือที่มีราคาแพง
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทฯ ต้องการที่จะปรับราคาขึ้นเหมือนกันแต่ก็ยังทำไม่ได้เนื่องจากผู้ประกอบการรายอื่นยังไม่ปรับราคากันเลย
สำหรับยอดขายของบริษัทฯ ช่วงครึ่งปีแรกนี้พบว่าไม่เติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องมาจากสาเหตุของการแข่งขันในตลาดที่รุนแรง ขณะที่ตลาดส่งออกยังเติบโตได้ดีอยู่ โดยตลาดรวมน้ำปลาในไทยมีมูลค่า 4,000-5,000 ล้านบาท คาดว่าจะเติบโต 5-10% แบ่งเป็นตลาดน้ำปลาพรีเมียม มูลค่า 400 ล้านบาท กลุ่มนี้ยังเติบโตใกล้เคียงกัน ซึ่งแบรดน์เมกาเชฟมีส่วนแบ่งการตลาดติดอันดับ 1 ใน 3 ของตลาดรวมน้ำปลาในระดับพรีเมียม ส่วนเป้าหมายยอดขายของบริษัทฯ ในสิ้นปีนี้คาดว่าจะเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องมาจากตลาดส่งออกสินค้าไปต่างประเทศที่ยังขยายตัวดี
นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของประเทศในเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า หลังจากสิ้นสุดมาตรการควบคุมราคาของกระทรวงพาณิชย์แล้ว บริษัทฯ ก็ยังไม่มีแผนที่จะปรับราคาสินค้าขึ้นแต่อย่างใด ยังตรึงราคาเดิมไปจนถึงสิ้นปีนี้ เพราะการแข่งขันในตลาดรุนแรงอยู่ และไม่ต้องการให้กระทบต่อผู้บริโภคด้วย
นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ตรามาม่า, ขนมปังกรอบ ตราโฮมมี และบิสชิน เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาต้นทุนการผลิตทั้งหมดของมาม่า ซึ่งหากมีการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อก็คงอาจจะทำเรื่องเพื่อขอปรับราคามาม่าซองประมาณ 1 บาทต่อซองเสนอกรมการค้าภายในพิจารณาภายในปีนี้ เพื่อขอขึ้นราคาในต้นปีหน้า 2556 แต่ถ้าต้นทุนผลิตไม่ได้ขึ้นมากนักก็อาจจะยังคงไม่ปรับราคาก็ได้ เนื่องจากขณะนี้ต้นทุนหลักคือแป้งสาลีในตลาดโลกมีการปรับตัวขึ้นอย่างมาก บริษัทฯ ได้รับผลกระทบพอสมควร
“บริษัทฯ ไม่อยากจะปรับราคามาม่าขึ้นหากไม่จำเป็นจริงๆ เพราะยอมรับว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถือได้ว่าเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันของคนไทยไปแล้ว แต่ในมุมของผู้ผลิตเราก็ลำบากเพราะต้นทุนสูงขึ้น ซึ่งการที่จะปรับราคาหรือไม่ สิ่งสำคัญคือต้องดูราคาแป้งสาลีในตลาดโลกเป็นตัวหลัก หากต้นทุนคงที่หรือเพิ่มเล็กน้อยก็ไม่ปรับราคา ซึ่งตอนนี้ผลผลิตแป้งสาลีทั่วโลกลดน้อยลงด้วย ส่วนราคาจำหน่ายมาม่าซองเวลานี้ 6 บาทต่อซอง ซึ่งเราไม่ได้ปรับราคาขึ้นมานานหลายปีแล้ว”
นายภาส นิธิปิติกาญจน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สินวารีพัฒนา จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำปลาและซอสหอยนางรมแบรนด์ “เมกาเชฟ” เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางสมาคมน้ำปลาไทยได้ทำเรื่องไปถึงกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อที่จะขอปรับราคาสินค้าขึ้นอีก แต่ทั้งนี้ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากทางกรมการค้าภายใน
เนื่องจากขณะนี้ผู้ผลิตได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม คาดว่าหากถึงกำหนดสิ้นสุดเดือนกันยายนที่ทางกรมการค้าภายในขอความร่วมมือผู้ผลิตให้ตรึงราคาไว้นั้น ทางผู้ผลิตก็คงขอปรับราคาขึ้นแน่นอนเพราะตอนนี้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งผู้ประกอบการรายเล็กก็ได้รับความลำบากอย่างมากด้วย
นายภาสกล่าวว่า ในส่วนของแบรนด์เมกาเชฟนั้น ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่จับกลุ่มเป้าหมายระดับบนหรือกลุ่มพรีเมียม ซึ่งปัจจุบันก็ได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่ปรับสูงขึ้น 20-30% เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นทุนค่าแรงงาน ต้นทุนปลาที่ใช้ผลิตน้ำปลามีราคาสูงขึ้น และต้นทุนจากเกลือที่มีราคาแพง
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทฯ ต้องการที่จะปรับราคาขึ้นเหมือนกันแต่ก็ยังทำไม่ได้เนื่องจากผู้ประกอบการรายอื่นยังไม่ปรับราคากันเลย
สำหรับยอดขายของบริษัทฯ ช่วงครึ่งปีแรกนี้พบว่าไม่เติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องมาจากสาเหตุของการแข่งขันในตลาดที่รุนแรง ขณะที่ตลาดส่งออกยังเติบโตได้ดีอยู่ โดยตลาดรวมน้ำปลาในไทยมีมูลค่า 4,000-5,000 ล้านบาท คาดว่าจะเติบโต 5-10% แบ่งเป็นตลาดน้ำปลาพรีเมียม มูลค่า 400 ล้านบาท กลุ่มนี้ยังเติบโตใกล้เคียงกัน ซึ่งแบรดน์เมกาเชฟมีส่วนแบ่งการตลาดติดอันดับ 1 ใน 3 ของตลาดรวมน้ำปลาในระดับพรีเมียม ส่วนเป้าหมายยอดขายของบริษัทฯ ในสิ้นปีนี้คาดว่าจะเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องมาจากตลาดส่งออกสินค้าไปต่างประเทศที่ยังขยายตัวดี
นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของประเทศในเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า หลังจากสิ้นสุดมาตรการควบคุมราคาของกระทรวงพาณิชย์แล้ว บริษัทฯ ก็ยังไม่มีแผนที่จะปรับราคาสินค้าขึ้นแต่อย่างใด ยังตรึงราคาเดิมไปจนถึงสิ้นปีนี้ เพราะการแข่งขันในตลาดรุนแรงอยู่ และไม่ต้องการให้กระทบต่อผู้บริโภคด้วย