โฟร์โมสต์แจ้งซาปั๊วปรับราคานมพร้อมดื่ม 15 บาทต่อลัง อ้างต้นทุนผลิตพุ่ง ยันไม่มีผลต่อราคาขายปลีกกล่องละ 10 บาท ด้านนายกสมาคมค้าส่ง-ค้าปลีกไทยลั่นยังไม่มีสินค้าอุปโภคบริโภคแจ้งขยับราคา แม้ว่ากรมการค้าภายในเตรียมเปิดไฟเขียว หลังช่วงกลางปีกำลังการซื้อผู้บริโภควูบ สภาพตลาดแย่ หวั่นขึ้นราคาสูญเสียโอกาสทางการตลาด
แหล่งข่าวจากวงการนมพร้อมดื่มเปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีนมพร้อมดื่มแบรนด์โฟร์โมสต์แจ้งผู้ประกอบการค้าส่งหรือซาปั๊วถึงการปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น 15 บาทต่อ 1 ลัง หรือจำนวน 36 กล่อง อย่างไรก็ตาม การขึ้นราคาดังกล่าวคาดว่าจะไม่มีผลต่อราคาขายปลีกในขณะนี้ จากปกตินมพร้อมดื่มโฟร์โมสต์จำหน่ายกล่องละ 10 บาทเท่านั้น ซึ่งหากไม่มีการปรับราคาขึ้นจะส่งผลทำให้กำไรในส่วนของกลุ่มร้านค้าส่งลดลง ซึ่งปกติกำไรต่อลัง 4-5 บาทเท่านั้น โดยนมพร้อมดื่มเป็นสินค้ากลุ่มเดียวที่ขณะนี้แจ้งร้านค้าส่งเพื่อขอปรับราคาสินค้า โดยยังไม่มีสินค้าอื่นๆ ขอปรับราคาเพิ่มขึ้น
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มผู้ประกอบการแจ้งเรื่องขอปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการยังไม่มีแนวโน้มว่าจะขอปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น แม้ว่ากรมการค้าภายในจะไม่ได้ขอความร่วมมือขยายระยะเวลาการตรึงราคาสินค้าจากภาคเอกชนออกไปอีกก็ตาม เนื่องจากค่าครองชีพของผู้บริโภคที่สูงขึ้น ประกอบกับรายรับหรือค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่ปรับเพิ่มขึ้น 300 บาท ยังไม่เพียงพอกับรายจ่าย ดังนั้นกำลังการซื้อของผู้บริโภคจึงมีอย่างจำกัด
“สภาพการตลาดในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมานี้ค่อนข้างซบเซา โดยพบว่ายอดขายจากร้านค้าส่งของตนเองจากปกติยอดขาย 3-4 แสนบาทต่อเดือนเหลือเพียง 2 แสนบาทต่อเดือน”
ทั้งนี้ ยอดขายที่ลดลงก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการยังไม่ตัดสินใจจะปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น โดยเชื่อว่ากลุ่มผู้ประกอบการคงจะดูแนวโน้มของสภาพตลาด และกำลังการซื้อของผู้บริโภคเป็นหลักก่อน เพราะการปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นท่ามกลางกำลังการซื้อของผู้บริโภคไม่ดีมากนัก ก็เสี่ยงต่อการสูญเสียโอกาสทางการตลาดให้คู่แข่งโดยเฉพาะกรณีที่คู่แข่งไม่ขึ้นราคา
“หากกลุ่มผู้ประกอบการจะปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น เชื่อว่าคงต้องพิจารณาจากราคาวัตถุดิบ ราคาน้ำมันซึ่งขณะนี้ก็ไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น รวมทั้งกำลังการซื้อของผู้บริโภค และพฤติกรรมที่ยังระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย ดังนั้นภาวะยอดขายของแต่ละบริษัทที่ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก ทำให้แต่ละบริษัทชะลอการขึ้นราคา”
เช่นเดียวกับเครือสหพัฒน์ โดยนายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า บริษัทยังไม่มีแผนที่จะปรับราคาสินค้าในเครือขึ้นภายในปีนี้ เพราะยังสามารถควบคุมต้นทุนที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องได้ แม้ว่าการกำหนดระยะเวลาตรึงราคาสินค้าของภาครัฐจะกำหนดไว้เพียง 3 เดือนก็ตาม
ขณะที่นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกลุ่มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก่อนหน้านี้เตรียมจะปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น และล่าสุดได้ตัดสินใจว่าจะไม่ขึ้นราคาสินค้า ทั้งนี้ ปัจจัยที่ไม่ได้ปรับราคาสินค้าไม่ได้มาจากคู่แข่งไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากยังสามารถแบกรับต้นทุนการผลิตได้
แหล่งข่าวจากวงการนมพร้อมดื่มเปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีนมพร้อมดื่มแบรนด์โฟร์โมสต์แจ้งผู้ประกอบการค้าส่งหรือซาปั๊วถึงการปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น 15 บาทต่อ 1 ลัง หรือจำนวน 36 กล่อง อย่างไรก็ตาม การขึ้นราคาดังกล่าวคาดว่าจะไม่มีผลต่อราคาขายปลีกในขณะนี้ จากปกตินมพร้อมดื่มโฟร์โมสต์จำหน่ายกล่องละ 10 บาทเท่านั้น ซึ่งหากไม่มีการปรับราคาขึ้นจะส่งผลทำให้กำไรในส่วนของกลุ่มร้านค้าส่งลดลง ซึ่งปกติกำไรต่อลัง 4-5 บาทเท่านั้น โดยนมพร้อมดื่มเป็นสินค้ากลุ่มเดียวที่ขณะนี้แจ้งร้านค้าส่งเพื่อขอปรับราคาสินค้า โดยยังไม่มีสินค้าอื่นๆ ขอปรับราคาเพิ่มขึ้น
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มผู้ประกอบการแจ้งเรื่องขอปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการยังไม่มีแนวโน้มว่าจะขอปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น แม้ว่ากรมการค้าภายในจะไม่ได้ขอความร่วมมือขยายระยะเวลาการตรึงราคาสินค้าจากภาคเอกชนออกไปอีกก็ตาม เนื่องจากค่าครองชีพของผู้บริโภคที่สูงขึ้น ประกอบกับรายรับหรือค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่ปรับเพิ่มขึ้น 300 บาท ยังไม่เพียงพอกับรายจ่าย ดังนั้นกำลังการซื้อของผู้บริโภคจึงมีอย่างจำกัด
“สภาพการตลาดในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมานี้ค่อนข้างซบเซา โดยพบว่ายอดขายจากร้านค้าส่งของตนเองจากปกติยอดขาย 3-4 แสนบาทต่อเดือนเหลือเพียง 2 แสนบาทต่อเดือน”
ทั้งนี้ ยอดขายที่ลดลงก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการยังไม่ตัดสินใจจะปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น โดยเชื่อว่ากลุ่มผู้ประกอบการคงจะดูแนวโน้มของสภาพตลาด และกำลังการซื้อของผู้บริโภคเป็นหลักก่อน เพราะการปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นท่ามกลางกำลังการซื้อของผู้บริโภคไม่ดีมากนัก ก็เสี่ยงต่อการสูญเสียโอกาสทางการตลาดให้คู่แข่งโดยเฉพาะกรณีที่คู่แข่งไม่ขึ้นราคา
“หากกลุ่มผู้ประกอบการจะปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น เชื่อว่าคงต้องพิจารณาจากราคาวัตถุดิบ ราคาน้ำมันซึ่งขณะนี้ก็ไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น รวมทั้งกำลังการซื้อของผู้บริโภค และพฤติกรรมที่ยังระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย ดังนั้นภาวะยอดขายของแต่ละบริษัทที่ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก ทำให้แต่ละบริษัทชะลอการขึ้นราคา”
เช่นเดียวกับเครือสหพัฒน์ โดยนายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า บริษัทยังไม่มีแผนที่จะปรับราคาสินค้าในเครือขึ้นภายในปีนี้ เพราะยังสามารถควบคุมต้นทุนที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องได้ แม้ว่าการกำหนดระยะเวลาตรึงราคาสินค้าของภาครัฐจะกำหนดไว้เพียง 3 เดือนก็ตาม
ขณะที่นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกลุ่มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก่อนหน้านี้เตรียมจะปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น และล่าสุดได้ตัดสินใจว่าจะไม่ขึ้นราคาสินค้า ทั้งนี้ ปัจจัยที่ไม่ได้ปรับราคาสินค้าไม่ได้มาจากคู่แข่งไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากยังสามารถแบกรับต้นทุนการผลิตได้
