นายกสมาคมค้าปลีก-ส่งไทยวิเคราะห์โครงการร้านถูกใจเดินผิดวิธีการแม้เป้าหมายดีก็ตาม ชี้ราคาสินค้าต่ำเพราะรัฐใช้งบอุดหนุนผิดวิธีการ แนะรัฐต้องเจรจาผู้ผลิตสินค้าให้มีต้นทุนต่ำเพื่อราคาสินค้าต่ำลงจริงตามกลไกตลาด ไม่อย่างนั้นผลาญงบประมาณไม่เลิก
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าปลีก-ส่งไทย เปิดเผยถึงกรณีโครงการ “ร้านค้าถูกใจ” ของกระทวงพาณิชย์ ซึ่งขณะนี้โครงการยังไม่มีความคืบหน้ามากนักว่า เป้าหมายโครงการนี้ของรัฐบาลต้องการให้ประชาชนผู้บริโภคได้ซื้อสินค้าราคาถูกนั้นถือเป็นแนวทางที่ดีและถูกต้อง แต่อย่างไรก็ตาม ในความเห็นส่วนตัวต้องการให้ภาครัฐบาลทำการปรับแผนการดำเนินงานและการบริหารโครงการนี้ใหม่เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ เนื่องจากหากมองในรายละเอียดแล้ว จากการดำเนินงานมาได้ระยะหนึ่งพบว่าสินค้าที่นำมาจำหน่ายในร้านถูกใจที่มีราคาถูกจริงนั้นเป็นเพราะว่าภาครัฐใช้เงินเข้าไปสนับสนุนราคาให้ต่ำลง ไม่ได้เกิดมาจากการทำให้ต้นทุนสินค้ามีราคาต่ำลงด้วยการเจรจาต่อรองกับผู้ผลิตสินค้าโดยตรงหรือปรับลดลงตามกลไกของภาวะตลาดที่แท้จริง
ดังนั้น รัฐบาลควรจะต้องหันมาลดต้นทุนการผลิตและเจรจากับผู้ผลิตสินค้าโดยตรง เพื่อให้ราคาสินค้าต่ำลงจากต้นทุนการผลิตจึงจะถูกต้อง
โครงการนี้ต้องนำงบประมาณจากกระทรวงพาณิชย์มาดำเนินการ ซึ่งก็คือการใช้เงินภาษีของประชาชนคนไทยนั่นเอง ซึ่งในอนาคตก็ยังไม่รู้ว่าภาครัฐบาลจะต้องนำงบประมาณอีกเท่าไรมาใช้เพื่อเข้าไปอุดหนุนราคาสินค้าให้ต่ำลง ไม่ได้ต่ำเพราะต้นทุนการผลิตจากซัปพลายเออร์
“ถ้าหากมีการเปิดร้านถูกใจเกิดขึ้นมากแล้วก็อาจจะส่งผลกระทบต่อร้านค้าโชวห่วยรายอื่นที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกันได้ เพราะว่าราคาสินค้าในร้านถูกใจต่ำกว่า ซึ่งแนวทางอีกด้านที่ภาครัฐควรดำเนินการคือ ทำให้เกิดการแข่งขันตามกลไกตลาด และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ ร้านค้าโชวห่วยเข้มแข็งมากที่สุด” นายสมชายกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้านถูกใจจะเน้นการจำหน่ายสินค้าที่มีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน เช่น ข้าวสาร น้ำตาลทราย น้ำมันพืช ปลากระป๋อง เครื่องปรุงรส ยาสีฟัน กระดาษม้วน ยาสระผม เป็นต้น ซึ่งจะมีราคาขายที่ต่ำกว่าร้านค้าทั่วไปโดยเฉลี่ย 10-20% ซึ่งสินค้าที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคที่เข้ามาซื้อสูงสุดเฉลี่ย 3 อันดับแรก คือ ข้าวถุง น้ำมันพืช และน้ำตาลทราย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ความคืบหน้าล่าสุดของโครงการร้านถูกใจนี้ ทางกระทรวงพาณิชย์เตรียมเชิญ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มาเป็นประธานในการเปิดปฐมนิเทศสมาชิกร้านถูกใจ ที่อิมแพค เมืองทองธานี ในวันที่ 16 กรกฎาคมนี้
จุดประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการรับทราบรายละเอียด ทั้งขั้นตอนการดำเนินงาน วิธีการสั่งซื้อสินค้า การชำระเงิน และการจัดส่งสินค้า และอื่นๆ และที่สำคัญกระทรวงพาณิชย์ต้องการสร้างความมั่นใจให้สมาชิกว่าโครงการนี้จะดำเนินการต่อไปและไม่มีการยุติโครงการในปีนี้แน่นอน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ออกมากล่าวยอมรับว่าโครงการนี้อาจจะมีปัญหาด้านการกระจายสินค้าที่มีความล่าช้าไปบ้าง แต่ว่าไม่ใช่เพราะไม่มีของขาย ซึ่งได้เร่งรัดให้ทางไปรษณีย์เร่งกระจายสินค้าให้เร็วขึ้นแล้ว
สำหรับผู้ที่เข้าร่วมโครงการร้านถูกใจ ล่าสุดพบว่าจากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ถึงวันที่ 22 มิถุนายน 2555 มีจำนวนผู้สมัครเข้าร่วมโครงการร้านค้าถูกใจนี้แล้วประมาณ 12,286 ราย แบ่งเป็นร้านในกรุงเทพฯ 2,579 ราย และร้านในต่างจังหวัด 9,707 ราย และมีผู้ได้รับการอนุมัติให้เปิดร้านถูกใจแล้วจำนวน 2,783 ราย แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 896 ราย และต่างจังหวัด 1,887 ราย
และยังมีร้านค้าที่อยู่ระหว่างการรอเซ็นสัญญาเปิดร้านอีกจำนวนมาก โดยตัวเลขผู้สมัครเข้าร่วมโครงการสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้คือ 10,000 ราย แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 2,000 ราย และต่างจังหวัด 8,000 ราย
