xs
xsm
sm
md
lg

ธุรกิจผวาปัจจัยลบครึ่งปีหลัง หวั่น “น้ำท่วม-การเมืองวุ่น” ซ้ำซาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จับตาสถานการณ์รวมครึ่งปีหลัง ธุรกิจใหญ่ มั่นใจสภาพเศรษฐกิจยังดี กำลังซื้อเริ่มไหลลื่น แต่ยังผวาปัจจัยลบเดิมๆ ซ้ำซาก ทั้งปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองกับปัญหาน้ำท่วมใหญ่ที่จะกลับมาหลอกหลอนอีก

นายฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเบียร์สิงห์ และลีโอ เปิดเผยถึงแนวโน้มสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศในช่วงครึ่งหลังปี 2555 นี้ว่าน่าจะมีแนวโน้มในทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยบวกมาจากเม็ดเงินอัดฉีดน้ำท่วมรอบ 2 หรือแจกเงินมูลค่า 20,000 บาทถึงมือประชาชน ส่งผลให้ผู้บริโภคมีกำลังการซื้อที่ดีขึ้นบ้าง

นอกจากนี้ บรรยากาศจากมหกรรมการแข่งขันกีฬาระดับโลกทั้งบอลยูโรที่จบในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม รวมทั้งการแข่งขันโอลิมปิกที่จะจัดขึ้นที่ประเทศอังกฤษในวันที่ 27 กรกฎาคม รวมทั้งบรรยากาศทางการเมืองที่คาดว่าจะเริ่มนิ่ง ดังนั้นคาดว่าสภาพเศรษฐกิจและตลาดเบียร์ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันมีความคึกคักอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ หากไม่มีภัยธรรมชาติหรือเหตุการณ์อะไร ปี 2555 ถือว่าเป็นปีที่ดี เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกสภาพเศรษฐกิจโดยรวมก็ถือว่าดี มีเม็ดเงินสะพัดจากการที่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมใช้เงินซ่อมแซมบ้าน จึงประเมินภาพว่าปีนี้คนไทยมีกำลังการซื้อที่ดีขึ้น ส่งผลให้ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พลอยได้รับอานิสงส์ไปด้วย

โดยคาดว่าปีนี้ตลาดเบียร์เติบโต 5% จากมูลค่า 8-9 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตลาดโต 1-2% หลังจากในช่วงปลายปีที่แล้วตลาดเบียร์ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม คนไม่มีอารมณ์ร่วมเฉลิมฉลองปีใหม่ เทศกาลลานเบียร์หลายแห่งต้องงดจัดลง

สำหรับกลุ่มเบียร์สิงห์ครึ่งปีแรกมีส่วนแบ่ง 70% และคาดว่าทั้งปีจะมีส่วนแบ่งได้ตามเป้าหมายมียอดขายเติบโต 5% และสามารถครองส่วนแบ่งได้ถึง 70% จากปีที่ผ่านมามีส่วนแบ่ง 65-67% เมื่อเทียบส่วนแบ่งตลาดกลุ่มเบียร์ช้างในช่วงครึ่งปีแรกมีเพียง 23-24% โดยปีนี้บริษัทเตรียมงบรับปัจจัยบวกที่เอื้อต่อการทำตลาดไว้ราว 1,000 ล้านบาท

ขณะนี้กำลังการผลิตของบริษัทไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ไม่เฉพาะแค่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น เบียร์สิงห์ ลีโอ ยังรวมไปถึงกลุ่มเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์อย่างน้ำดื่มสิงห์ด้วย

นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าส่ง-ปลีกไทย กล่าวถึงสภาพตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วงครึ่งปีหลังว่ามีสัญญาณการซื้อที่ดีขึ้น เพราะผู้บริโภคเริ่มยอมรับได้กับราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังปรับการดำรงชีวิตให้เพียงพอกับรายรับ-จ่าย นอกจากนี้ ผลจากการปรับค่าแรงในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาส่งผลให้คนมีกำลังการซื้อดีขึ้น

ประกอบกับเกษตรกรมีรายได้จากการเพาะปลูกในหน้าร้อน ซึ่งผลผลิตมีน้อยทำให้สินค้ามีราคาสูงมากขึ้น รวมถึงการอัดฉีดเม็ดเงินเยียวยาน้ำท่วม 2 หมื่นบาทในรอบ 2 เงินจึงสะพัดไปสู่หลายภาคธุรกิจมากขึ้น

สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังนี้ไม่มีปัจจัยลบที่ทำให้ต้องกังวลมากนัก ยกเว้นราคาสินค้าบางอย่างที่มีแนวโน้มว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงไตรมาส 3 กลุ่มผู้ประกอบการสินค้าอุปโภคบริโภคจะกลับมาดำเนินการตลาดอย่างเต็มที่ อาทิ มีแคมเปญหรือการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ มากขึ้น เนื่องจากในช่วงนี้เข้าสู่โลว์ซีซันเป็นช่วงฤดูฝน และอยู่ในช่วงของการเปิดเทอม หลายครัวเรือนมีรายจ่ายค่าเล่าเรียน

นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีหลังมองว่าคนไทยอาจจะมีอำนาจในการซื้อมากขึ้น ผลจากการปรับค่าแรงเป็น 300 บาท แม้ว่าราคาสินค้าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นก็ตาม ส่งผลให้อัตราภาวะเงินเฟ้อของประเทศอยู่เพียงแค่ 2-3% เท่านั้น ถือว่าอยู่ในอัตราที่ดี

อย่างไรก็ตาม มองว่าการที่ภาครัฐจะให้ขึ้นราคาสินค้านั้นภาครัฐคงจะต้องทยอยขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งทำให้คนไทยคุ้นเคยกับราคาสินค้าได้ ซึ่งมองว่าอารมณ์การจับจ่ายของคนไทยยังมีอยู่ แต่จะดีกว่านี้อีกหากไม่มีปัญหาเรื่องการเมืองมากระทบ

นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด กล่าวให้ความเห็นว่า ภาวะเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลังนี้คงจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษกับ 2 ปัจจัยลบใหญ่ คือ ปัจจัยด้านการเมือง และภัยพิบัติอย่างน้ำท่วมว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ ขณะที่กำลังการซื้อของผู้บริโภคมองว่าไม่ดีเท่าที่ควรเพราะราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ

นายวิสิฐ ผรณาปิติ ผู้อำนวยการอาวุโส เสื้อผ้าบุรุษ บริษัท เซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้งกรุ๊ป จำกัด หรือซีเอ็มจี ในเครือเซ็นทรัล กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วยังมีความกังวลปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังอยู่เหมือนเดิม โดยเฉพาะสองปัญหาหลักคือ ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองกับปัญหาน้ำท่วมใหญ่ เช่นเดียวกับปลายปีที่แล้ว

แนวทางการทำตลาดแฟชั่นจากนี้คาดว่าคงจะต้องแข่งขันกันหนักมากขึ้น ในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งการทำตลาด การออกสินค้าใหม่ การเพิ่มช่องทางการจำหน่าย เพื่อเพิ่มยอดขายให้มากที่สุด เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงหากเกิดปัญหาขึ้นทั้งทางการเมืองและน้ำท่วมอย่างที่คาดการณ์กันไว้

นายจักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการใหญ่บริหารสินค้า เพาเวอร์ มอลล์ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด มองว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ยังค่อนข้างกังวลกับปัจจัยลบที่ไม่สามารถควบคุมได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้นได้ หรือแม้แต่ปัญหาการเมือง รวมถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังชะลอตัวลง สภาพเศรษฐกิจ และซัปพลายสินค้าบางตัวที่อาจจะยังทำได้ไม่ดี ล้วนแต่อาจจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครึ่งปีหลังได้

ขณะที่เพาเวอร์มอลล์เองยังคงให้ความสำคัญต่อการจัดการคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถรองรับความต้องการได้ตลอดเวลา

และครึ่งปีหลังเพาเวอร์มอลล์จะจัดแคมเปญใหญ่ตามแต่ละหมวดสินค้าอีกกว่า 6 แคมเปญ ส่วนภาพรวมของตลาดก็จะแข่งขันกันทำตลาดเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อค่อนข้างหนักกว่าครึ่งปีแรกด้วย

นายเชิงชาย ภูววีรานนท์ ผู้จัดการใหญ่บริหารสินค้า บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด  ทางบริษัทมีแผนเตรียมจะปรับตัวเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคตในช่วงครึ่งปีหลังไว้แล้ว ด้วยการจัดแคมเปญต่างๆ หลังจากนี้ และอาจจะต้องรอดูสถานการณ์ต่างๆก่อนว่าจะเป็นอย่างไร และต้องใช้งบตลาดอย่างระมัดระวัง รวมถึงอาจจะต้องปรับลดงบประมาณทางการตลาดลงด้วยถ้าหากจำเป็น
กำลังโหลดความคิดเห็น