“ดิเรก-กฤช-สุรเดช สมัคร-ม.ล.ปรียาพรรณ-บุญชัย-สุรชัย” ถูกเสนอชื่อชิงรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 “พรทิพย์” ปัดข้อเสนอ “ประสงค์” เชิญร่วมลงสู้ อ้างต้องทำงานเป็น ปธ. ก่อนปล่อยผู้สมัครแสดงวิสัยทัศน์ ขณะผลลงคะแนนลับรอบแรก “ส.ว.สุรชัย” ได้สูงสุด แต่ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ต้องชิง ส.ว.ปราจีนฯ ในรอบ 2 ล่าสุดผลลงคะแนน ส.ว.สรรหา ได้ 73 คว้าเก้าอี้ไปครอง
วันนี้ (20 ส.ค.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 10.45 น. การประชุมวุฒิสภาครั้งที่ 3 สมัยสามัญ โดยนางพรทิพย์ โล่ห์วีระ จันทร์รัตนปรีดา รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานวุฒิสภาเป็นประธานการประชุม ได้เข้าสู่กระบวนการคัดเลือกบุคคลมาดำรงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยมีบุคคลที่ถูกเสนอชื่อ รวม 7 คน ได้แก่ 1. นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี 2. นายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร 3. นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ส.ว.ปราจีนบุรี 4. นายสมัคร เชาวภานันท์ ส.ว.สรรหา 5. ม.ล.ปรียาพรรณ ศรีธวัช ส.ว.สรรหา 6. นายบุญชัย โชควัฒนา ส.ว.สรรหา และ 7. สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา
โดยในช่วงการเสนอชื่อดังกล่าว นายประสงค์ นุรักษ์ ส.ว.สรรหา ได้สอบถามนางพรทิพย์ในกรณีที่หากตนจะเสนอชื่อนางพรทิพย์จะขัดข้องหรือไม่ โดยนางพรทิพย์ได้กล่าวปฏิเสธและไม่ขอเข้ารับการเสนอชื่อ เนื่องจากต้องทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม
จากนั้นได้ให้บุคคลที่เข้ารับการเสนอชื่อแสดงวิสัยทัศน์คนละไม่เกิน 10 นาที โดย ม.ล.ปรียาพรรณกล่าวว่า แม้ว่าตนมีคำนำหน้าว่าเป็นหม่อมหลวง แต่ที่ผ่านมาได้ทำงานร่วมกับประชาชน ดังนั้น หากได้เข้ามาทำหน้าที่แล้วนอกจากจะรับผิดชอบงานในวุฒิสภาตามที่รัฐธรรมนูญแล้ว จะเปิดโอกาสให้ ส.ว.เลือกตั้งและสรรหา แสดงความเห็นอย่างเท่าเทียม นอกจากนั้นแล้วมีหน้าที่ช่วยประธานวุฒิสภาทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนั้นแล้วเป็นตัวเชื่อมระหว่างรัฐบาลฝ่ายค้านในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการวุฒิสภา ซึ่งหากวุฒิสภาเลือกผู้หญิงเป็นรองประธานวุฒิสภา เชื่อว่าจะทำให้บรรยากาศการประชุมสดชื่น ลดความเครียด นอกจากนั้นแล้วบุคคลที่มาทำหน้าที่ดังกล่าวไม่จำเป็นต้องแม่นกฎหมาย แต่ขอให้มีจิตสำนึกที่ถูกต้องเป็นสำคัญ
ด้าน นายสุรเดชแสดงวิสัยทัศน์ว่า ตนจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ในประสบการณ์และความรู้ทีมีอยู่ นอกจากนั้นแล้วจะส่งเสริมการทำงานของกรรมาธิการให้เกิดความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ รวมถึงส่งเสริมการทำงานของ ส.ว.ทั้ง่ภาคสรรหา และเลือกตั้ง โดยก้าวข้ามการแบ่งฝ่าย เพื่อทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ และประชาชนเป็นสำคัญ นอกจากนั้นแล้วจะทำให้วุฒิสภาเป็นไปตามที่ประชาชนคาดหวังและส่งเสริมให้เกิดการยอมรับกับสังคม
นายกฤชกล่าวว่า ตนตั้งความหวังให้วุฒิสภาไปสู่ความเสมอภาค เป็นกลาง เป็นธรรมและเป็นเอกภาพ เนื่องจากตนพบว่าวุฒิสภาไม่ได้รับความเป็นธรรมจากองค์กรอื่นๆ บางองค์กรเอาเปรียบ เช่น การอภิปราย หากมีโอกาสเข้าไปเป็นรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ตนจะต่อสู้ให้ประสบความสำเร็จ รวมถึงการสร้างความเสมอภาคในการทำหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาด้วย
“ในความเป็นกลาง ผมยอมรับว่าเรามีความเป็นกลาง แต่ภาพของการแสดงความเห็นที่คัดค้านหรือสนับสนุนรัฐบาลนั้นถูกมองว่าวุฒิสภาเข้าข้างเขา ดังนั้นต้องให้สังคม หน่วยงานอื่นเห็นว่าวุฒิสภาคือคนที่มีหน้าที่สร้างความเป็นกลาง” นายกฤชกล่าว
ขณะที่ นายดิเรกกล่าวว่า ลักษณะของรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ต้องยึดหลักความรู้ ความสามารถทุกเรื่อง มีธรรมาภิบาลในการดูแลประชาชน นักประสานงานที่ดี มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีให้องค์กรเกิดการประสานงานที่ดีต่อกัน นอกจากนั้นผู้นำต้องมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่คนอยู่ใกล้มีความสุข อยากอยู่ใกล้ ร่วมทำงานด้วย ตนจึงแจ่มใส โกรธคนไม่เป็น และที่สำคัญต้องเป็นนักบริการกับ ส.ว.ทุกเรื่อง ซึ่งตนมีความพร้อม ส่วนการทำหน้าที่ประธานวิปวุฒิสภา ต้องมีความเสียสละอย่างสูง วันนี้ตนตั้งใจจะรับใช้สมาชิกวุฒิสภาอย่างเต็มใจ
นายสุรชัยกล่าวว่า หากตนได้รับคัดเลือกเป็นรองประธานวุฒิภา คนที่ 1 ตนจะปรับปรุงแก้ไขฐานข้อมูล โดยเพิ่มการสรุป วิเคราะห์ประเด็นต่างๆ ของกฎหมายที่อาจเป็นปัญหาต่อการพิจารณา เพื่อให้เอกสารดังกล่าวใช้เป็นเครื่องมือของ ส.ว.ในการตรวจสอบกลั่นกรองกฎหมาย นอกจากนั้นแล้ว ในส่วนของการตรวจสอบการบริหารราชการของรัฐบาล ในการตั้งกระทู้ถาม ตนจะปรับปรุงวิธีการประสานงานกับรัฐบาล เช่น กำหนดตัวบุคคล ชี้แจงกระทู้ วันเวลาที่ชัดเจน ซึ่งจะททำให้เพิ่มประสิทธิภาพการตั้งกระทู้ถาม ทำให้การติดตามการบริหารราชการแผ่นดินมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นแล้วจะรักษาภาพลักษณ์ของ ส.ว. และวุฒิสภาให้เป็นกลาง เป็นอิสระ ไม่มีการแทรกแซงจากอำนาจภายนอก เพื่อให้วุฒิสภาเป็นที่ยอมรับของสังคมและเป็นพึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง
“อีกไม่เกิน 1 ปีครึ่ง ส.ว.เลือกตั้งชุดปัจจุบันจะหมดวาระลง ดังนั้นเมื่อมี ส.ว.เลือกตั้งชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่ ผมเห็นควรให้มีการเลือกตั้งประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 และ 2 ใหม่ทั้งหมด” นายสุรชัยกล่าว
ด้าน นายสมัครกล่าวว่า ตนจะทำงานเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของวุฒิสภาในสายตาของสังคม รวมถึงจะรักษาความเป็นกลางทางการเมือง ประนีประนอม ประสานงานกับทุกฝ่ายอย่างมีเหตุและผล สอดคล้องกับระเบียบ ข้อบังคับ รัฐธรรมนูญ บนพื้นฐานควมถูกต้องและเป็นธรรมเพื่อประโยชน์ของปะระเทศชาติ ประชาชน
ขณะที่ นายบุญชัยกล่าวว่า ในการทำงานของตนนั้น ยึดหลักของความเสียสละ หากตนได้รับความไว้วางใจเป็นรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 จะทำให้วุฒิสภาได้รับการพัฒนา ตามที่นายนิคม ไวยรัชพานิช ว่าที่ประธานวุฒิสภา ระบุว่าจะมอบหมายงานด้านต่างประเทศให้รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 เป็นคนทำ โดยตนมีความพร้อมเพราะเคยมีบทบาททำงานในด้านต่างประเทศ นอกจากนั้นแล้วจะพยายามทำให้ภาพลักษณ์ของวุฒิสภามีความเป็นกลาง และที่สำคัญมีสิ่งที่ผมอยากทำคือ ทำกองทุนเพื่อนช่วยเพื่อน เพื่อช่วยเหลือ ส.ว.ที่ตกทุกข์ได้ยาก
จากนั้นที่ประชุมได้ให้สมาชิกวุฒิสภาลงคะแนนเลือกรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 แบบลงคะแนนลับ โดยผลการลงคะแนนลับในรอบที่ 1 พบว่า นายดิเรกได้ 20 คะแนน นายสุรเดช ได้ 33 คะแนน นายสมัครได้ 18 คะแนน ม.ล.ปรียาพรรณได้ 4 คะแนน นายสุรชัยได้ 35 คะแนน นายบุญชัยได้ 16 คะแนน นายกฤชได้ 16 คะแนน และงดออกเสียง 2 คะแนน มีผู้เข้าร่วมการประชุมทั้งสิ้น 144 ราย ทั้งนี้ มีผู้สมัครที่ได้คะแนนสูงสุดได้คะแนนไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิก ทำให้ต้องมีการเลือกแบบลงคะแนนลับในครั้งที่ 2 โดยจะเป็นการชิงกันระหว่างผู้ที่ได้คะแนนสูงที่สุดลำดับที่ 1 และ 2 คือ นายสุรชัย และนายสุรเดช
ล่าสุด ผลการลงคะแนนลับครั้งที่ 2 ปรากฏว่า นายสุรชัย ได้ 73 คะแนน ขณะที่นายสุรเดช ได้ 69 คะแนน ทำให้นายสุรชัยได้ดำรงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1
ภายหลังการนับคะแนนเสร็จสิ้น นายสุรชัยได้กล่าวว่า ตนได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกทุกๆ คนที่มอบหมายให้ตนได้รับตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ตนขอยืนยันว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด โดยยึดถือความถูกต้อง ความเป็นธรรม และระโยชน์สุขของคนในชาติ และไม่ว่าตนจะอยู่ในฐานะใดก็ตาม ตนก็คือนายสุรชัยคนเดิมที่พร้อมจะรับใช้ทุกคน
ด้านนายสุรเดชกล่าวว่า ถึงแม้จะไม่ได้รับตำแหน่ง แต่ตนก็ขอขอบคุณทุกคะแนนเสียง และจะขอทำงานร่วมกับนายสุรชัยอย่างเต็มที่ เพราะตนเคารพนับถือนายสุรชัยมาโดบตลอด และก็จะทำหน้าที่สมาชิกในระยะเวลาที่เหลืออย่างดีที่สุด